ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 211
ทำไมนักฆ่าขององค์กรโลหิตนิรันดร์ถึงมาอยู่ที่นี่?
ใบหน้าของจิวโมไป๋เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด การเดินของเขาช้าลง จนห่างจากกลุ่มแแกมาเล็กน้อย หวังเสี่ยวเปาที่กำลังพูดกับเฉินหู สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของจิวโมไป๋ เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“น้องเล็กเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เฉินหูได้ยินก็หันกลับมามองจิวโมไป๋
“ไม่มีอะไร ฉันแค่กำลังคิดอะไรบางอย่าง”จิวโมไป๋ตอบปัด ใบหน้ากลับมายิ้มเหมือนเดิม
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีอะไรก็มาพูดกับพวกเราได้ แม้ว่าพวกเราจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก แต่ยังไงหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว คิดคนเดียวไม่ได้คนอื่นอาจคิดออกก็ได้”หวังเสี่ยวเปาพูด
“ถ้ามีอะไร ฉันจะบอกพวกนายแน่”จิวโมไป๋พยักหน้ารับ เขาไม่อยากให้ทั้งสองต้องมากังวลกับนักฆ่าพวกนี้ แม้ทั้งสองจะแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังระดับเดียวกัน แต่นักฆ่าขององค์กรโลหิตนิรันดร์ส่วนใหญ่เป็นผู้ปลุกสายเลือด ทำให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของนักฆ่า ไม่แตกต่างจากทั้งสองที่บ่มเพาะร่างกายมากนัก และนักฆ่ายังฝึกฝนศาสตร์การฆ่า คนที่ไม่เคยต่อสู้เสี่ยงชีวิตมาก่อน ยากที่จะเอาตอบโต้ได้ทัน
หวังเสี่ยวเปาและเฉินหูได้ยินที่จิวโมไป๋พูด พวกเขาก็พยักหน้า แต่แววตายังมีความสงสัยปนเป็นห่วง ทั้งสามเดินไปยังห้องรอปี 1 ในตอนนี้ ผู้คนหายไปเกือบครึ่ง
ในการประลองรอบที่สอง มีผู้ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 24 คน เพื่อไปประลองรอบต่อไป
ในจำนวนนี้มีนักศึกษาปี 1 ที่ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 6 คน เป็นหนึ่งในสี่ของผู้เข้ารอบทั้งหมด
ทำให้ปี 1 กลายเป็นที่ผู้ถึงจากผู้ชมธรรมดาและผู้ชมในห้องพิเศษอย่างมาก เพราะเริ่มต้นการประลองปี 1 ได้สิทธิ์เข้าประลองเพียง 10 คน เท่านั้น น้อยกว่าปีอื่นๆอย่างมาก แต่ปี 1 มีผู้เข้ารอบที่สามถึง 6 คน ไม่แปลกเลยที่จะเป็นที่พูดถึง
แม้แต่ช่องถ่ายทอดสดยังพูดชื่นชมพวกเขา
มีคนคาดเดาว่าอย่างน้อย 2 คนจาก 6 คน จะสามารถเข้าไปประลองรอบต่อไป ซึ่งมันก็หมายความว่า คนที่ผ่านเข้าไป อย่างน้อยพวกเขาก็เป็น 1 ใน 12 ผู้แข็งแกร่งของมหาวิทยาลัยเทียนซู
ภายในห้องรอปี 1
ใกล้การประลองรอบที่สามเข้ามาทุกที ทุกคนดูจะเคร่งเครียดอย่างมาก แม้แต่จูหวังเฉินในตอนนี้นั่งหลับตาทำสมาธิ ไม่สนใจคนอื่น เหมือนอยู่ในโลกตัวเอง
ในระหว่างรอการประลอง จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบนักฆ่าที่ลอบเข้ามา มือก็กดกำไลข้อมือเพื่อติดต่อจี้หยางเฟย เพราะเขารู้หมายเลขติดต่อคนของหน่วยลับ เพียงแค่จี้หยางเฟยคนเดียว
คิ้วของจิวโมไป๋ขมวดแน่น เขามองกำไลข้อมือด้วยความแปลกใจ
เพราะเขาไม่สามารถติดต่อจี้หยางเฟยได้
ซึ่งมันเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนของโลก แม้จะอยู่ในถ่ำลึกหรือใต้น้ำ กำไลข้อมือก็ไม่มีทางขาดสัญญาณการติดต่อ ยกเว้นกำไลข้อมือจะเสียหาย ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว หรืออยู่โบราณสนานที่มีพื้นที่เหลื่อมล้ำกับมิติอื่น หรือสถานที่ปิดที่สัญญาณจะไม่สามารถเข้าไปได้
ในปัจจุบันยังไม่ถึงเวลา ที่โบราณสนานที่มีพื้นที่เหลื่อมล้ำกับมิติอื่นจะปรากฏ เขาจำได้ว่าโบราณสนานที่มีพื้นที่เหลื่อมล้ำกับมิติอื่น แห่งแรกจะปรากฏ 3 เดือนก่อนประตูมิติเปิดออก
จี้หยางเฟยเป็นคนของหน่วยลับ ยากที่กำไลข้อมือจะเสียหาย ถ้าเสียหายตามกฏของหน่วยลับ กำไลข้อมือจะได้รับการเปลี่ยนทันที ไม่ต้องรอซ่อมเหมือนพลเรือนทั่วไป
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ จี้หยางเฟยกำลังอยู่ในพื้นที่ปิดไร้สัญญาณ นอกจากคุกในสถานีตํารวจ หรือเรือนจำ ก็มีพื้นที่กักขังของหน่วยลับ ที่ไร้สัญญาณ
จี้หยางเฟยไม่มีทางถูกจับไปอยู่ในคุกแน่
จี้หยางเฟยน่าจะถูกจับ อยู่ในพื้นที่กักขังของหน่วยลับ
จี้หยางเฟยทำผิดอะไรถึงถูกขัง? จิวโมไป๋ถอนหายใจ
จิวโมไป๋รู้สึกกังวลขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงในห้องพิเศษมีดยุกเซราสและคนของหน่วยลับกว่า 10 คน นั่งอยู่ เขาก็เบาใจลงเล็กน้อย แต่เขาไม่ประมาท เขาไม่รู้ใครเป็นเป้าหมายของนักฆ่าองค์กรโลหิตนิรันดร์
นักฆ่าพวกนี้ จะลงมือฉับไวและหลบหนีด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กัน
ถ้าประมาทเพียงพริบตาเดียวอาจมีคนถูกสังหารได้
จิวโมไป๋เริ่มนับจำนวนนักฆ่าทั้งหมด ที่ซ่อนตัวอยู่ภายในสนามประลอง แต่เพราะมีผู้คนเข้ามาดูการปลองลองจำนวนเกือบ 1 แสนคน ทำให้ยากที่จะหานักฆ่าที่ซ่อนตัว อยู่ในหมู่คนจำนวนมาก
ในเวลาที่จิวโมไป๋กำลังหานักฆ่า กระบี่เลือนเร้นในร่างที่สงบอยู่ๆก็สั่นไหว ในเวลาเดียวกันภายในจิตสัมผัสของเขา พลันมีจุดสีดำเหมือนลูกบอลไฟ ลอยอยู่ในร่างของผู้ชม
ลูกบอลไฟสีดำ จะปรากฏขึ้นแค่คนบางคนเท่านั้น และขนาดก็ไม่เท่ากัน จิวโมไป๋ขมวดคิ้วด้วยความตกใจ เพราะจิตสัมผัสของเขาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน
จิวโมไป๋จ้องไปยัง ลูกบอลไฟสีดำที่ใหญ่ที่สุด เขาลองใช้จิดสัมผัสตรวจสอบดู เขาก็พบว่าคนๆนี้เป็นนักฆ่า เขาไปยังลูกบอลไฟสีดำขนาดใหญ่ลูกอื่นๆ เขาก็พบว่าพวกเขาเป็นนักฆ่าทั้งหมด
จิวโมไป๋สามารถหานักฆ่าได้ทั้นหมด ในระหว่างนั้นจิวโมไป๋ก็พบคนมีขนาดลูกบอลไฟสีดำขนาดใหญ่อีกหลายคน แต่พวกเขาไม่ได้เป็นนักฆ่า จิวโมไป๋ตรวจสอบบางคน เขาก็รู้ว่าคนๆนั้น เป็นผู้อาวุโสสำนักใจทมิฬ
เขาก็ได้ข้อสรุปกว่าลูกบอลไฟสีดำ คือกรรมชั่ว ยิ่งกรรมชั่วเยาะขนาดลูกบอลไฟสีดำก็ยิ่งใหญ่ขึ้น
นักฆ่าที่เขาพบ มีกรรมชั่วขนาดใหญ่กว่าตัวคน แสดงว่านักฆ่าคนนี้ทำกรรมชั่วจำนวนมาก
เขาเห็นคนบางคนมีกรรมชั่วเพียงแค่ลูกแก้วเล็กๆเท่านั้น
เขาไม่รู้ว่าทำไมจิตสัมผัสถึงเปลี่ยนไป เขาคาดเดาว่ามันต้องเกี่ยวกับกระบี่เลือนเร้นอย่างแน่นอน
แต่เขาไม่มีเวลาที่จะสนใจ
จิวโมไป๋นับจำนวนนักฆ่าองค์กรโลหิตนิรันดร์ มีทั้งหมด 34 คน ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจร กลาง 1 คน ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจร ต้น 3 คน และที่เหลือเป็น ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูก ปลาย 5 คน ไขกระดูกกลาง 10 คน ไขกระดูกต้น 15 คน
นักฆ่า 34 มันเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย เขาไม่คิดเลยว่าจะมีใครจ้างนักฆ่ามามากขนาดนี้ เพราะค่าจ้างในการฆ่าคน ไม่ใช้น้อยๆ เพราะประเทศมังกรมีกฏในการฆ่าเคร่งครัด ถ้าเกิดการฆาตกรรมขึ้นมา คนของหน่วยลับจะต้องเข้ามาตรวจสอบ ทำให้ยากที่จะทำภารกิจลอบสังหาร
ทำให้ราคาค่าจ่างการสังหารมีราคาแพง แม้แต่ตระกูลชั้นสูงยังไม่อยากเสียเงิน
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบนักฆ่าองค์กรโลหิตนิรันดร์อย่างระมักระวัง โชคดีที่เขาพลังวิญญาณของเขาอยู่ขั้นม่วงต้น สามารถซ่อนจิตสัมผัสได้ ทำให้ไม่มีใครรู้
เขาเฝ้าระวัง เพื่อดูเป้าหมายของนักฆ่า
แต่เมื่อนักฆ่าเหล่านี้ประจำตามจุด พวกเขาก็ไม่เคลื่อนไหวอีก
จิวโมไป๋ได้แต่เฝ้าดูอยู่เงียบๆ
จนกระทั้งการประลองรอบที่สามเริ่มขึ้น
โชคของปี 1 ดีมาก ในการประลองรอบที่สาม เซียลี่เยว่,หวังเสี่ยวเปา,จิวโมไป๋,จูหวังเฉิน,หลานซูเมิง,เฉินหู ทั้ง 6 สามารถผ่านเข้ารอบได้ โดยที่ไม่มีใครตกรอบ และไม่มีใครได้จับคู่กัน
เหยาติงหลงโชคไม่ดี ที่เขาได้ต่อสู้กับซุยกวนหมิง ในการต่อสู้คู่ที่ 10
ทั้งสองมีระดับกาบบ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกต้นเท่ากัน และมีระดับฝีมือใกล้เคียงกัน แต่เหมือนกับว่าซุนกวนหมิงจะเหนือกว่าเล็กน้อยน้อย
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่ยอมใคร
กองเชียร์ของทั้งสองก็ไม่ยอมน้อยหน้าเช่นกัน พวกเขาร้องตะโตนเชียร์ฝ่ายตัวเองอย่างไม่มีใครยอมแพ้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปกองเชียร์ของเหยาติงหลงที่น้อยกว่า เพราะกลุ่มหัวใจเหล็กกล้ามีแค่นักศึกษาปี 1 ที่อ่อนแอ ส่วนกองเชียร์กวนซุยหมิงมีท้ังนักศึกษาและผู้ชมภายนอก
เสียงร้องให้กำลังใจทางฝั่งของซุนกวนหมิง กลบฝั่งเหยาติงหลงจนไม่ได้ยิน
ในการต่อสู้ หอกไม้ของซุนกวนหมิงยิ่งต่อสู้ยิ่งดุดันห้าวหาญ เหยาติงหลงก็ฟาดฟันดาบยาวป้องกันและตอบโต้ อย่างดุดันกล้าหาญไม่แพ้กัน ทั้งสองเหมือนจอมทัพกำลังห่ำหันทำสงคราม
ทั้งสองต่อสู้กัน จนเวลาหมดลง
พลังชีวิตของเหยาติงหลงเหลือ 210 ทางฝั่งซุนกวนหมิงเหลือพลังชีวิต 300
ซุนกวนหมิงผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้าย เหยาติงหลงถูกปรับแพ้ไป
กลุ่มหัวใจเหล็กกล้าต่างก็เสียใจที่หัวหน้าแพ้ เพราะถ้าแพ้ในรอบนี้ ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมประลองระหว่างมหาวิทยาลัย มันหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรสนับสนุนจากมหาวิทยาลัย
เหยาติงหลงหันมาชูมือขึ้น ใบหน้าของเขายังคงประดับรอยยิ้มไม่ทุกข์ใจ มันทำให้คนของหลุ่มหัวใจเหล็กกล้าเบาใจ และกลับมาเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาชูมือขึ้นแล้วตะโกนเสียดัง
“หัวหน้า! หัวหน้า!”
ซุนกวนหมิงหันมามอง ก่อนจะยิ้มออกมา และเดินไปตบไหลเหยาติงหลงเบาๆ และก้มลงกระซิบ
“อย่าเสียใจไปเลย ฝีมือของนายไม่ธรรมดา ยังมีโอกาสอีกมาก”
“ขอบคุณ รุ่นพี่ซุน”เหยาติงหลงหันไปผสานมือเคารพ
ซุนกวนหมิงโบกมือเบาๆ หมายความว่าไม่ต้องใส่ใจ
ทั้งสองเดินลงสนามประลองไปด้วยกัน
กลุ่มคนดูถอนหายใจ ชื่นชมเด็กหนุ่มผู้กล้าหาญทั้งสอง
การประลองคู่ต่อไปก็เริ่มขึ้น
จนจบการประลอง
ผู้สามารถผ่านเข้ารอบ 12 คนสุดท้ายได้ พูดได้ว่าทุกคนเป็น 12 อันดับแรกของผู้แข็งแกร่งที่สุดของมหาวิทยาลัย
พวกเขาเป็นนักศึกษาที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์
โดยเฉพาะชั้นปี 1 ที่ผ่านเข้ารอบทั้ง 6 คน พวกเขาเป็นคนที่มีอายุน้อยที่สุด พูดได้ว่ามีพรสวรรค์เหนือกว่าคนอื่นๆ ทำให้เป็นที่จับตามองจากทุกคน
ในระกว่างการประลอง มีคนส่งจดหมายคำเชิญมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจูหวังเชิญที่ได้รับไปกว่า 12 คำเชิญ
เฉินหูได้รับคำเชิญถึง 4 อัน และมี 2 คำเชิญมาจากกองทัพตามที่เฉินหูต้องการที่จะเข้า กองทัพที่เชิญเฉินหูเป็นหน่วยที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดา เฉินหูแทบจะกดตกลงเข้ากองทัพ
จิวโมไป๋ต้องห้ามเอาไว้ ไม่ให้เฉินหูรีบตัดสินใจ เพราะเขาต้องการที่จะนำหวังเสี่ยวเปา และเฉินหู เข้าหน่วยลับ พวกเขาจะสามารถแสดงความสามารถได้เต็มที่ ถ้าเข้ากองทัพในตอนนี้ยากที่จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
อีกหนึ่งปี ประตูมิติจะถูกเปิดออก ทหารเป็นกองกำลังแรก ที่ต้องปะทะกับสิ่งที่ออกมาจากประตูมิติ
ในเวลาหนึ่งปี ถ้าเฉินหูไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ยังเป็นทหารธรรมดา เขาจะกลายเป็นแนวหน้าไปตายกลุ่มแรก
เขาหน่วยลับจึงเป็นทางออกที่ดีของหวังเสี่ยวเปาและเฉินหู
จบการประลองรอบที่สาม มีเวลาพัก 1 ชั่วโมง พวกเขาไปทานกินอาหารให้อิ่มท้องและเพิ่มพลัง ก่อนจะกลับมาในห้องรอปี 1
เมื่อถึงการประลองรอบที่สี่ ก็ประกาศการจับคู่ประลองทันที
คู่ที่ 1 ซุนกวนหมิง เขาต่อสู้กับ นักศึกษาชายปี 4 ที่เป็นม้ามืด ไม่เคยถูกจัดอันดับการต่อสู้มาก่อน เพราะโอสถ 12 ชนิด ช่วยให้คนธรรมพัฒนาได้รวดเร็ว ถ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ ความก้าวหน้าจะพุ่งขึ้นเร็วก็ไม่แปลก
แต่โชคร้ายที่นักศึกษาชาย ไม่ค่อยฝึกฝนกระบวนท่าเท่าไหร่นัก ทำให้เขาถูกทวนไม้แทงอย่างแรงเข้าที่ท้องจนกระเด็นตกสนามประลอง
คู่ที่ 2 หวังเสี่ยวเปา ต่อสู้กับนักศึกษาชายปี 4 เขาเป็นม้ามืดอีกคนที่ถูกจับตามอง
เมื่อหวังเสี่ยวเปาประลองหลังจากคู่ของซุนกวนหมิง ทำให้มีการเปรียบเทียบขึ้นมา เพราะทั้งสอง ใช้หอกเหมือนกัน
ด้านกระบวนท่าหวังเสี่ยวเปา อ่อนแอกว่าซุนกวนหมิงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขาฝึกวิชาหอกพื้นฐานถึงขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น
ซุนกวนหมิงฝึกฝึวิชาหอกถึงระดับเข้าใจ และเขาไม่ได้ฝึกวิชาหอกพื้นฐาน แต่เป็นวิชาหอกระดับสูง ทำให้ในด้านกระบวนท่า ซุนกวนหมิงเหนือกว่าหวังเสี่ยวเปาอย่างมาก
แต่หวังเสี่ยวเปามีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าซุนหวนหมิงอย่างมาก ทำให้หวังเสี่ยวเปาสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ ในเวลาไล่เลี่ยกับการต่อสู้ของซุนกวนหมิง
มันยิ่งทำให้เกิดการเปรียบเทียบมากขึ้น มีคนอยากให้ทั้งสองต่อสู้กันในรอบต่อไป
คู่ทีี่ 3 เซียลี่เยว่ ต่อสู้กับนักศึกษาหญิงอันดับ 5 ของปี 3
เซียลี่เยว่ใช้กระบี่เอาชนะหญิงสาวฝ่ายตรงข้าม ไปได้อย่างไม่ยากเย็น
จิวโมไป๋สังเกตเห็นถึงพลังงานบางอย่าง ที่แผ่กระจายออกมาจากกระบี่ไม้ จิวโมไป๋ก็รู้ว่าเซียลี่เยว่ อยู่ในระกับครึ่งก้าวระดับเจตจำนงกระบี่
เธอเป็นอัจฉริยะในกระบี่จริงๆ
จิวโมไป๋ถอนหายใจด้วยความชื่นชม จิตสัมผัสของเขาก็ยังตรวจสอบนักฆ่าทุกคนไม่ปล่อย เพื่อหาเบาะแสให้ได้
คู่ที่ 4 จูหวังเฉิน ต่อสู้กับนักศึกษาชายปี 3 เขาใช้เปลวเพลิงที่ร้อนแรง เผาไหม้ทำลายอุปกรณ์ป้องกันของคู่ต่อสู้จนเสียหาย เอาชนะไปได้อย่างไม่ยากเย็น
คู่ที่ 5 เฉินหู ต่อสู้กับ เวินเยี่ยนนักศึกษาชายปี 2 เขาเป็นนักศึกษาปี 2 เพียงคนเดียวที่ผ่านเข้ารอบ
เมื่อทั้งสองมาถึงสนามประลอง ผู้ชมก็ต้องประหลาดใจ ที่ทั้งสองใช้ถุงมือหนังเหมือนกัน พวกเขาเป็นนักสู้มือเปล่า
เวินเยี่ยนมีร่างผอมบางราวไผ่ลู่ลม เปรียบเทียบกับร่างของเฉินหู ที่สูงเกือบ 2 เมตร กล้ามเนื้อทั่วร่างเป็นมัดทรงพลัง เมื่อทั้งสองยืนใกล้กัน ผู้ชมต่างคิดเหมือนกันว่าทั้งสองไม่น่าจะต่อสู้กันได้
พวกเขานึกถึงการประลองของเฉินหูที่ผ่านมา พวกเขาก็ส่ายหัว ถ้าเวินเยี่ยนถูกหมัดของเฉินหูอาจไม่รอด
“รุ่นพี่ยอมแพ้ไปเถอะ รุ่นพี่สู้ผมไม่ได้หรอก”เฉินหูเห็นร่างกายที่ผอมบางของเวินเยี่ยน เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงอีกฝ่าย เขากลัวว่าจะชกจนร่างของอีกฝ่ายพัง
“ขอบคุณที่เป็นห่วง นายสามารถใช้แรงเต็มที่ ตามที่นายต้องการได้เลย ไม่ต้องกลัวฉันจะบาดเจ็บ”เวินเยี่ยนยิ้มเหมือนไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก
เฉินหูฟังคำพูดออกเวินเยี่ยน เขาก็พยักหน้า เขาเดินไปข้างหน้าเล็กน้อยและยกหมัดที่ใส่ถุงมือหนังยื่นมาข้างหน้า
เวินเยี่ยนเห็นดังนั้นเขาก็รู้ เขาเดินมาหนึ่งก้าวยื่นหมัดออกมา แตะหมัดของเฉินหู
“การประลองเริ่มได้!”
ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น ทั้งสองถอยกลับไปคนละสองก้าวตั้งท่าเตรียมพร้อม
เฉินหูหรี่ตามองเวินเยี่ยน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาพุ่งตัวเข้าหาเวินเยี่ยนตรงๆ เพียงพริบตาก็ปรากฏตัวตรงหน้าของเวินเยี่ยน พร้อมหมัดขวาชกตรงอย่างเต็มแรง พลังหมัดที่ชกออกไป บดขยี้อากาศจนเกิดเสียงดังน่ากลัว
เวินเยี่ยนไม่ตกใจกลัว เขาก้าวไปข้างหน้าเพียงเล็กน้อยก็หลบหมัดได้อย่างง่ายดาย พร้อมกันนั้นเอง เขาเหวี่ยงหมัดด้วยท่วงท่าแปลกประหลาด ชกไปที่อกของเฉินหู
ปัก
พลังชีวิตของเฉินหูลดลงไป 10 เหลือ 990/1000
“เบาเกินไป!”เฉินหูมองลงไปยังร่างผอมของเวินเยี่ยนด้วยควาดแปลกใจ เขาไม่คิดว่าหมัดของเวินเยี่ยนจะเบาขนาดนี้
เฉินหูหมุนตัวเตะเข้าใส่กลางลำตัวของเวินเยี่ยน
เสียงเตะอันรุนแรงแหวกอากาศเข้ามา ไม่ทำให้เวินเยี่ยนรู้สึกอะไร เขาใช้ท่าเท้าหลบไปได้ และพุ่งเข้าไปชกที่ข้างลำตัวของเฉินหู
พลังชีวิตของเฉินหูลดลงไป 10 เหลือ 980/1000
เฉินหูไม่รู้สึกอะไรเลย เขาเหลือบตามอง ก่อนจะหันกลับมาชกหมัดออกไป เวินเยี่ยนสามารถหลบหลีกได้ตลอด ร่างของเวินเยี่ยนเหมือนสายน้ำที่ไหลผ่าน ไม่สามารถจับต้องได้
ทุกครั้งเฉินหูโจมตีออกไป เวินเยี่ยนจะสวนกลับมาตลอด
ทุกครั้งที่แลกการโจมตีพลังชีวิตของเฉินหูจะลดเพียง 10 เท่านั้น
จากที่คอยป้องกัน กลายเป็นเปิดโล่ง เฉินหูเลือกที่จะบุกตรงๆไม่ป้องกัน เพื่อเพิ่มความเร็ว
แต่เวินเยี่ยนก็ใช้ท่าเท้าที่แปลกประหลาด หลบหนีไปได้ ไม่ว่าเฉินหูจะเร่งความเร็วแค่ไหนก็ตาม
พลังชีวิตของเฉินหูลดลงไปอีก 10 จนพลังชีวิตของเฉินหูเหลือ 850
ผู้ชมที่ดูการประลองเริ่มเบื่อ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังหมดความสนใจ
อยู่ๆเฉินหูที่เคลื่อนที่อย่างว่องไว ก็ทรุดฮวบลงไปนอนกองกลับพื้น ใบหน้าของเฉินหูซีดขาว จมูกของเขามีเลือดไหลออกมา ราวเปิดก๊อกน้ำ
“เกิดอะไรขึ้น!”ผู้ชมร้องตะโกนออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
จิวโมไป๋และหวังเสี่ยวเปา ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ
เฉินหูกำลังจะแพ้อย่างนั้นเหรอ?
—