ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 221
ด้านนอกสนามประลอง ผู้คนต่างวิ่งหนีออกมาอย่างแตกตื่น พวกเขาไม่แม้แต่หันกลับไปมองด้านหลังเสีบด้วยซ้ำ รีบวิ่งสุดชีวิตตรงไปยังเขตกลางของมหาวิทยาลัย เพื่อหาสถานที่ปลอดภัย
อีกด้านหนึ่งนอกสนามประลอง ดยุกเซราส เซเรีย และผู้คุ้มกัน หลบออกมาตั้งแต่เริ่มการปะทะกัน พวกเขายืนอยู่บนอาคารสูงเก่าแก่โบราณ เหมือนอาคารร้าง มองดูการต่อสู้อยู่ห่างๆ
เซเรียกำแขนเสื้อดยุกเซราสด้วยความกังวล”ท่านพ่อ พี่ชายอูเหวินยังอยู่ข้างใน”
ดยุกเซราสเงียบไม่ตอบ สายตามองไปยังสนามประลอง เหมือนกับว่าเขากำลังมองอะไรบางอย่างอยู่
อธิการบดีหลิงและคนของหน่วยลับ ที่มีหน้าที่จับตามองดยุกเซราส ไม่ได้ออกมาด้วย พวกเขาอยู่ช่วยเหลือผู้คนที่ยังไม่ได้หลบหนีออกมา
ห่างออกไปเล็กน้อย บนเนินเขาธรรมชาติ กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังชั้นสูงที่เคยอยู่ในห้องพิเศษ ต่างหลบออกมาดูความวุ่นวายด้วยความสนุก ไม่คิดจะเข้าไปช่วยเหลือ
คนของสำนักผีเสื้อดาราและผู้บ่มเพาะพลังของกลุ่มที่มีคุณธรรม เลือกที่จะไปช่วยผู้คนด้านใน โดยไม่กลัวถูกลูกหลงจากพลังต่อสู้
ภายในสนามประลอง การต่อสู้ของซานคุนหมิงและแวมไฟร์ลอร์ด ทำให้สนามประลองเกิดความเสียหายอย่างหนัก ผนังโดยรอบและที่นั่งคนดูรอบสนามประลองแตกร้าวพังทลาย โดยเฉพาะอาคารที่ทั้งสองยืนเผชิญหน้ากัน ถูกพลังทำลายลงกลายเป็นซากอาคาร
ด้านล่างซากอาคาร ลิฟต์ที่พานักศึกษาที่เข้าประลองหลบไปซ่อนที่ห้องลับ ถูกทำลายจนใช้การไม่ได้อีก
เจตนาของซานคุนหมิงคือทำลายอาคาร เพื่อปิดทางเข้าไม่ให้นักฆ่าได้ตามลงไปได้ตั้งแต่แรก
แวมไฟร์ลอร์ดเหยียบลงที่เศษซากอาคาร เขาก้มมองลงไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ดวงตากลายสีแดงเลือดราวสัตว์ร้าย พลังสีดำโหมกระหน่ำเกิดเป็นพายุสีดำอันน่ากลัว
ด้านหลังแวมไฟร์อัศวินทั้งสาม เฝ้าคุ้มกันไม่ห่าง
“คิดเหรอว่า แค่นี้จะหยุดฉันได้ โง่เง่าสิ้นดี!”แวมไฟร์ลอร์ดกล่าวช้าๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ เขารู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายหลอกให้ติดกับ เคียวสีดำในมือยกขึ้นพลังสีดำลุกท่วมใบเคียวอย่างน่ากลัว
คลื่นพลังกวาดเศษซากอาคารกระเด็นไปรอบๆ
ซานคุนหมิงเห็นว่าไม่ดี เขาก็โบกมือขึ้น นาฬิกาทรายหมุนวนอย่างรวดเร็ว จนเกิดร้อยร้าว
ตูม! ร่างของแวมไฟร์ลอร์ดถูกพลังบางอย่างผลักกระเด็นอย่างรุนแรง โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างกระแทกกำแพงด้านหลังอย่างแรงทะลุไปอีกด้าน ร่างของแวมไฟร์ลอร์ดลอยออกไปจนถึงพื้นที่โล่งกว่า เมื่อได้สติใช้เคียวแทงไปที่พื้นจนเกิดรอยลึก ลากยาวไปอีกหลายเมตรก่อนจะหยุด
“แก! เจ้าคนชั้นต่ำ”ร่างของแวมไฟร์ลอร์ดแยกเขี้ยวแหลมคม บนร่างไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย พลังเมื่อคู่เพียงแค่ผลักให้กระเด็นออกมาเท่านั้น
แวมไฟร์อัศวินทั้งสามมองไปด้านหลัง ตกตะลึงที่หัวหน้าถูกจัดการง่ายๆ เมื่อได้สติพลังสีเลือดก็โหมกระหน่ำออกมาจากร่างกาย
“แกตาย!”แวมไพร์อัศวินทั้งสามร้องคำราม จะพุ่งเข้าไปหาซานคุนหมิง
ซานคุนหมิงก็โบกมือ กระแทกร่างของแวมไพร์อัศวินทั้งสามกระเด็นไปอีกทาง รอยร้าวบนนาฬิกาทรายขยายใหญ่ขึ้นเกือบครึ่ง ใบหน้าของเขาขาวซีดขึ้นเล็กน้อย
แวมไพร์อัศวินทั้งสามกระเด็นไปชนกำแพงและทะลุออกไปอีกด้าน เมื่อทั้งสามตั้งตัวได้ ก็มีคนของหน่วยลับที่ถูกส่งออกมาก่อนหน้า ยืนปิดกั้นขวางหน้าไม่ให้กลับไป
แวมไพร์อัศวินทั้งสามเห็นดังนั้น พวกเขาก็เข้าต่อสู้ทันที
ซานคุนหมิงลอยขึ้นอย่างช้าๆ กวาดตามองการต่อสู้ทั้งหมดในสนามประลองรอบเดียว ก่อนจะพุ่งออกจากสนามประลองไปหาแวมไฟร์ลอร์ด
เขาปล่อยให้คนของเขาจัดการนักฆ่าที่เหลือ ส่วนตัวเขาจะออกไปต่อสู้กับแวมไพร์ลอร์ดด้านนอกที่มีพื้นโล่ง เพื่อจำกัดความเสียหายจากการต่อสู้ให้น้อยที่สุด
ประตูทางออกทิศตะวันตกที่ถูกทำลาย ตรงหน้าทางออกที่ถล่ม มีผู้คมที่หลบหนีออกไปไม่ทัน ประมาณ 30 คน พยายามที่จะปีนออก แต่ทำไม่ได้เพราะทางออกที่ถล่มลงมากลายเป็นทางลาดชัน ยากที่จะปีนข้ามไป แม้แต่ผู้บ่มเพาะพลังก็ยากที่จะปีนขึ้นไปโดยไม่บาดเจ็บ
ด้านหลัง คนของหน่วยลับในชุดคลุมสีน้ำเงิน กำลังต่อสู้กับนักฆ่าครึ่งแมงมุมอย่างรุนแรง โดยไม่สนใจความเสียหายที่เกิดขึ้น รัศมีพลังปิดกั้นขวางทางออกพอดี
ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านใน ต่างก็ต้องถอยไปเบียดกันอยู่ตรงทางที่ถล่ม เพราะกลัวรัศมีพลังจากการต่อสู้ ด้านนอกมีการต่อสู้ปิดทางเอาไว้ อีกด้านเป็นเศษอาคารลาดชัน พวกเขาไม่มีทางให้หลบหนีออกไปได้เลย
“พ่อหนูกลัว!”เด็กสาวร้อยไห้ด้วยความกลัว พ่อของเด็กสาวกอดปลอบ สายตามองไปที่การต่อสู้ด้วยความหวาดกลัวไม่ต่างกัน
“ที่รักอย่าจากผมไป!”เสียงชายหนุ่มที่ใจสลายร้องไห้คร่ำครวญกับทางออกที่พังลงมา เพราะคนรักของเขาถูกฝั่งอยู่ใต้ซากอาคาร
เสียงกรี๊ดร้องของผู้คนดังระงมไปทั่วบริเวณ
แต่มันไม่ส่งผลถึงการต่อสู้ ของชายชุดคลุมน้ำเงินและนักฆ่าครึ่งแมงป่องแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่อสู้กันโดยไม่สนใจเลยว่าใครได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้
จนกระทั้งคลื่นพลังดาบของชายชุดคลุมสีน้ำเงิน ฟันพลาดพุ่งแฉลบ ตรงไปทางกลุ่มคนที่เบียดกันอยู่ด้านใน
ผู้คนที่เห็นคลื่นพลังพุ่งเข้ามา พวกเขาก็กรี๊ดร้องด้วยความกลัว
ในตอนนั้นเองก็มีข่ายอาคมสีม่วงปรากฏขึ้น ก่อนจะกลายเป็นม่านพลังสีม่วงอ่อน ครึ่งวงกลมห่อหุ่มกลุ่มคนทั้งหมดไว้
ปัง! ม่านพลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ต้านพลังดาบครู่หนึ่งก่อนที่พลังดาบจะสลายไป
ชายชุดคลุมน้ำเงินและนักฆ่าครึ่งแมงป่องต่างก็ชะงัก หันไปมองด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาเห็นข่ายอาคมสีม่วงอ่อน พวกเขาก็จำได้ทันที่ ว่ามันเป็นข่ายอาคมที่เคยจับกุมนักฆ่าก่อนหน้า
ในชั่วเวลาที่ทุกคนถูกข่ายอาคมดึงดูดความสนใจ
ฟ้าว! เสียงแหวกอากาศก็ดังขึ้น มันพุ่งเข้าหาร่างของนักฆ่าครึ่งแมงป่อง ด้วยความเร็วสูง
นักฆ่าครึ่งแมงป่องสัมผัสได้ถึงอันตราย รีบยกหางแมงป่องขึ้นมาปัดการโจมตี
แกร็ง! มีดสั้นสีแดงดำกระเด็นออกไป นักฆ่าครึ่งแมงป่องหรี่ตามอง แต่ในตอนนั้นเอง ฉีก! กระบี่สีเทาแทงทะลุเปลือกกระดองป้องกันตรงหลังคอ ทะลุออกมาอีกด้านอย่างเลือดเย็น
โดยที่นักฆ่าแมงป่องยังไม่ทันได้พูดอะไร กระบี่ก็ตวัดออก ตัดคอนักฆ่าครึ่งแมงป่องหลุดจากบ่ากระเด็นออกไป ก่อนที่ร่างจะล้มลงไปกองบนพื้นเลือดสีแดงดำจากคอที่ถูกตัดไหลลงท้วมพื้น
ชายชุดน้ำเงินมองด้วยความตกใจ ก่อนจะกลายเป็นโกรธ
“แกเป็นใคร! กล้าดียังไงมาแย่งผลงานของฉัน”
ดวงตาภายใต้หน้ากากไม้กลายเป็นสีม่วง จ้องเขม่งไปยังชายชุดคลุมน้ำเงิน
ชายชุดคลุมน้ำเงินชะงักตกใจ เผลอถอยไปสองก้าว
“อย่าลืมว่าหน่วยลับมีหน้าที่อะไร”จิวโมไป๋กล่าวจบ เขาก็เดินไปยังทางออกที่ถล่ม เขาหยิบขวดใส่เศษหยกออกมา เศษหยกลอยออกมาจากขวด จิวโมไป๋ใช้มือขวาวาดเศษหยกเป็นวงกลม ก่อนที่พลังวิญาญสีม่วงอ่อนจะไหลเวียนไปตามเศษหยก เกิดเป็นข่ายอาคมสลับซับซ้อน
ผู้คนที่อยู่ด้านในเห็นการกระทำของจิวโมไป๋ พวกเขาก็ตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าจิวโมไป๋กำลังทำอะไร
จิวโมไป๋ไม่พูดอะไรโบกมือออกไป ข่ายอาคมสีม่วงอ่อนประทับที่ซากทางออกที่ถล่ม ข่ายอาคมสว่างวาบก่อนจะขยายปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ก่อนที่เศษซากทางออกที่ถล่มจะสั่นไหวเบาๆ เกิดเสียงดังคลื่นนนเบาๆและค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆ จิวโมไป๋ควบคุมซากทางออกให้ลอยออกไปลงบนพื้นด้านนอก
โครม! เศษซากทางออกตกลงที่พื้นด้านนอกเสียง เกิดเป็นทางออกไปจากสนามประลอง
“รีบออกไป”จิวโมไป๋พูดกับกลุ่มคนที่พยายามเบียดตัวอยู่ด้านข้าง ก่อนจะเดินไปยังร่างมนุษย์ 3 คนที่เคยถูกฝังไว้ใต้เศษซาก เขาก้มลงตรวจสอบ พบว่าทั้งสามยังมีชีวิตอยู่แต่ลมหายใจแผวเบาใกล้จะเสียชีวิต ทั่วทั้งร่างถูกเศษซากทางเดินทับจนกระดูกทั่วร่างกายแตกหัก อวัยวะภายในถูกทำลาย โชคดีที่ทั้งสามบ่มเพาะพลัง แม้จะอยู่เพียงแค่ขั้นที่ 1 มันก็ช่วยยื้อชีวิตไว้ครู่หนึ่ง
“ที่รัก!”ชายหนุ่มรีบวิ่งมาที่ร่างของหญิงสาวที่ชุ่มไปด้วยเลือด
จิวโมไป๋ยกมือขึ้นขวางเอาไว้และกล่าวว่า”ถ้าไม่อยากให้เธอตาย ก็อย่าพึ่งแตะต้องร่างของเธอ”
ชายหนุ่มหยุดไม่กล้าทำอะไร แต่ท่าทางของเขาเป็นห่วงหญิงสาวอย่างมาก
จิวโมไป๋หยิบโอสถรักษาและฟื้นพลังออกมาหลายเม็ด กรอกไปที่ปากทั้งสามคน แล้วใช้พลังวิญญาณละลายโอสถให้ไหลลงไปที่ท้อง
เลือดหยุดไหลออกจากบาดแผล แต่สภาพร่างกายไม่ได้ดีไปกว่าก่อนหน้าเท่าไหร่นัก
เขาช่วยได้เพียงแค่ยื้อชีวิตเอาไว้เท่านั้น ถ้านำตัวไปรักษาไม่ทัน อาจเสียชีวิตได้ และด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ แม้จะรักษาได้ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช้ถูกๆ
จิวโมไป๋ลุกขึ้นยืน หันไปมองกลุ่มคนยังไม่กล้าขยับ แล้วหันไปทางชายหนุ่มและกล่าวว่า
“รีบพาพวกเขาไปที่อาคารพยาบาลในมหาวิทยาลัย ถ้าไปทันอาจจะยังสามารถช่วยพวกเขาได้”
ชายหนุ่มได้ยินก็เริ่มลนลาน เขาจะเข้าไปอุ้มคนรัก แต่เห็นสภาพร่างกายของเธอ เขาไม่มีทางอุ้มไปได้ด้วยตัวคนเดียว เขาหันมองไปยังกลุ่มคนที่ยังไม่ไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”
เมื่อได้ยินว่าร่างชุ่มเลือดทั้งสามยังมีชีวิตอยู่ คนที่ยังมีแรงก็รีบเข้าไปช่วย พวกเขาพยุงร่างของผู้บาดเจ็บ และพากันออกไปอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ช่วยเหลือคนเสร็จ เขาก็เดินกลับเข้าไปในสนามประลอง เพื่อไปจัดการนักฆ่าคนอื่น กรรมชั่วของนักฆ่าทั้งสองที่เขาสังหาร มีมากพอๆกับวิญญาณฆาตรกรสวนสนุก ถ้าเขาสามารสังหารนักฆ่าอีก 3 หรือ 4 คน เขาอาจจะสามารถ ทะลุผ่านขั้นที่ 3 เส้นเอ็นสูงสุดได้
จิวโมไป๋รอไม่ไหวที่จะกลับไป
แต่เขาก็ถูกชายชุดคลุมน้ำเงินขวางเอาไว้ก่อน
“นายเป็นใคร!”สายตาของชายชุดน้ำเงินมองไปยังปกเสื้อคลุมของจิวโมไป๋ เขาไม่พบสัญลักษณ์ของหน่วยลับ เขาก็รู้ว่าชายชุดดำตรงหน้าไม่ได้เป็นคนของหน่วยลับ แววตาของเขามีร่องรอยความโลภปรากฏขึ้นมาทันที
เห็นแววตาของอีกฝ่าย จิวโมไป๋ก็รู้ได้ทันทีว่าชายตรงหน้ากำลังสนใจ เคล็ดวิชาพลังวิญญาณของเขาอยู่ จิวโมไป๋ยกกระบี่เลือนเร้นขึ้นเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ เขาไม่คิดเลยว่าจะพบกับพวกน่ารังเกียจ ที่ใช้อำนาจของหน่วยลับ ปล้นชิงสิ่งของคนอื่น
ชายชุดคลุมน้ำเงินเห็นว่าจิวโมไป๋ตั้งท่าพร้อมต่อสู้ เขาก็ฉีกยิ้มร้ายกาจออกมา
“หึหึ แกแน่ใจเหรอที่จะต่อสู้กับฉัน รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันตู่บ่อชา รองหัวหน้าของหน่วยที่ 1 และหัวหน้าของฉันคือ หัวหน้าซานคุนหลง พี่ชายของผู้บัญชาการซานคุนหมิง ถ้าแกกล้าต่อสู้กับฉัน แกจะต้องไม่ตายดีอย่างแน่นอน”ตู่บ่อชาพูดขู่ด้วยความโอหัง เขาไม่กล้าต่อสู้กับจิวโมไป๋ตรงๆ เพราะจิวโมไป๋สามารถสังหารนักฆ่าแมงป่องเพียงกระบี่เดียว พลังฝีมือจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
จิวโมไป๋ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน เขาไม่ได้กลัวที่อีกฝ่ายข่มขู่ แต่เขาจำตู่บ่อชาได้ ในอนาคตอีกฝ่ายเป็นถึงรองผู้บัญชาการหน่วยลับเขตใต้
แต่เพราะความน่ารังเกียจของอีกฝ่าย ที่ชอบใช้อำนาจกลั่นแกล้งคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่า ทำให้คนจำนวนมากไม่พอใจ จนกระทั้งตู่บ่อชาได้ไปหาเรื่องจี้หยางเฟย จนเกิดเป็นเรื่องใหญ่โต สุดท้ายตู่บ่อชาก็ถูกจี้หยางเฟยสังหาร โดยที่จี้หยางเฟยไม่ได้รับการลงโทษใดๆ
ด้วยนิสัยน่ารังเกียจของตู่บ่อชา เมื่อเขาเข้าหน่วยลับ มันอาจทำให้ชีวิตในหน่วยลับของเขาในอนาคตยากขึ้นก็เป็นได้
จิวโมไป๋ยิ้มเย็นชาภายใต้หน้ากากไม้ ยกกระบี่เลือนเร้นขึ้นอย่างช้าๆ พลังกดดันหลอมรวมเข้ากับกระบี่ จนเกิดเป็นพลังอันแหลมคม
ตู่บ่อชาเห็นจิวโมไป๋ยกกระบี่ขึ้น เขาก็ถอยไปสองก้าว และตะโกนเสียงดัง
“แกจะทำอะไร”
—