ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 223
พลังงานอันน่ากลัวขยายเป็นวงกว้าง ทุกสิ่งที่มีพลังชีวิต เมื่อสัมผัสจะถูกพลังงานแห่งความตายกลืนกิน จนแห้งเหือดล้มตายจนหมด รัศมีพลังจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
อาณาเขตวิญญาณดินแดนแห่งความตาย!
จิวโมไป๋หรี่ตามองด้วยความประหลาดใจ เขามองไปยังโครงกระดูกที่ลอยอยู่ด้านหลังลอร์ดแวมไพร์ เขาก็รู้ได้ทันทีว่า มันไม่ใช่อาณาเขตวิญญาณของลอร์ดแวมไพร์ แต่เป็นอาณาเขตวิญญาณที่ได้รับมาจากการทำสัญญากับมารในโลกวิญญาณ
มาร มีรูปแบบการทำสัญญาแลกเปลี่ยนมากมาย การทำสัญญาอัญเชิญอาณาเขตวิญญาณก็เป็นหนึ่งในนั้น
โครงกระดูกด้านหลังแวมไพร์ลอร์ด เป็นร่างจำแลงของมารที่ทำสัญญา แม้จะเป็นเพียงร่างจำแลง ไม่ใช้ร่างที่แท้จริง แต่จากพลังของอาณาเขตวิญญาณดินแดนแห่งความตายที่สัมผัสได้ มารตนนี้จะต้องไม่ใช้มารธรรมดาทั่วไป
อาณาเขตวิญญาณดินแดนแห่งความตายเมื่อจับคู่กับลอร์ดแวมไพร์ที่มีพลังชีวิตเกือบจะเป็นอมตะ
คู่ต่อสู้จะไม่สามารถต่อสู้ยือเยื้อได้อีก ต้องใช้กำลังทั้งหมดจบการต่อสู้อย่างรวดเร็ว ไม่อย่างนั้นพลังจะถูกพลาญจนหมดลงเสียก่อน
แต่เพราะพลังการฟื้นตัวอันรวดเร็วจนเหมือนอมตะ ของลอร์ดแวมไพร์ ทำให้ไม่สามารถฆ่าได้ง่ายๆ สุดท้ายก็กลายเป็นต่อสู้ยืดเยื้ออยู่ดี
เป็นการจับคู่ที่น่ากลัว
ซานคุนหมิงสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความตาย พลังชีวิตของเขาลดลงอย่างรวดเร็วทั้งๆที่เขากางม่านพลังแรงดึงดูดผลักทุกอย่างออกไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถป้องกันพลังแปลกๆนี้ได้ เขามองไปรอบๆเห็นพื้นดินค่อยๆแตกระแหงขยายใหญ่ขึ้น เขาก็เห็นว่าไม่ดี ถ้าปล่อยให้ขยายใหญ่ไปมากกว่านี้ มันจะส่งผลกระทบต่อคนที่กำลังต่อสู้อยู่ที่สนามประลองได้
เขาต้องรีบจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
แวมไพร์ลอร์ดสังเกตเห็นความกังวลของซานคุนหมิง เขาเหยียดยิ้มก่อนกล่าวว่า
“มาดูกันว่า แกจะยื้อเวลาไปได้นานขนาดไหน”จบคำ ร่างของแวมไพร์ลอร์ดพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงตรงเข้าหาซานคุนหมิง โครงกระดูกด้านหลังลอยตามด้วยความเร็วเท่ากัน จุดศูนย์กลางของอาณาเขตวิญญาณก็เคลื่อนตามมา
ซานคุนหมิงยกมือขึ้น ก่อนจะเกิดเป็นแรงผลักอันรุนแรงปะทะเข้ากับแวมไพร์ลอร์ดที่กำลังเข้ามา
โครม! ร่างของแวมไพร์ลอร์ดชนเข้ากับแรงปะทะที่มองไม่เห็น จนกระเด็นกลับไป แต่เหมือนลอร์ดแวมไพร์จะคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อร่างของเขากระเด็นออกไป รอยสักบนหน้าผากก็ส่องแสงสีดำ พลังสีดำบนมือก็กลายเป็นเคียวสีดำ
แวมไพร์ลอร์ดหมุนเคียวเป็นวงกลมและโยนออกไปอีกฝั่ง
ใบเคียวหมุนวนจนกลายเป็นวงล้อขนาดใหญ่ หมุนโค้งเลี้ยวย้อนกลับไปยังซานคุนหมิงด้วยความเร็วอันเหลือเชื่อ
ซานคุงหมิงเห็นอันตรายที่กำลังเข้ามา แต่เขาก็ไม่ลนลาน มือของขาตบออกไป อากาศเกิดการสั่นไหว เป็นแรงกระแทกอันรุนแรงปะทะการโจมตี
เปรี้ยง! เคียวกระเด้นกลับไป
แวมไพร์ลอร์ดอาศัยจังหวะนี้ ร่างของเขาหายไปวับไปในพริบตา ก่อนจะปรากฏตัวประชิดร่าง นิ้วมือทั้งห้าเรียงเหมือนใบมีดที่แหลมคม แทงตรงไปที่หัวใจ
แต่ก่อนที่การโจมตีจะถึง ซานคุนหมิงก็หันกลับไป และยกมือข้างที่มีประกายแสงสีน้ำตาล ชกออกไปอย่างรุนแรง
ปัง! หมัดละกรงเล็บปะทะกันอย่างรุนแรง คลื่นพลังจากการปะทะ ทำลายพื้นดินโดยรอบ
แวมไพร์ลอร์ดถอยไปหลายสิบก้าว ซานคุนหมิงก็หายวับไปปรากฏตัวห่างออกไป
พลังธาตุดินห่อหุ่มทั่วร่างของเขา เสริมพลังป้องกันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่แปลกที่ซานคุนหมิงจะสามารถใช้กฎแห่งธาตุดินได้ เพราะกฏแห่งธาตุแรงโน้มถ่วงพัฒนามาจากกฎแห่งธาตุดิน แม้ว่าเขาจะเป็นกฎแห่งแรงโน้มถ่วงแรงกำเนิดก็ตาม เขาแค่ใช้เวลาศึกษากฎแบบย้อนกลับ เขาก็สามารถใช้กฎแห่งธาตุดินได้
แวมไพร์ลอร์ดรู้สึกเสียหน้า ที่พลาดโอกาสโจมตี เขาทะยานร่างตามไป
ทั้งสองต่อสู้และไล่ล่ากันอีกหลายสิบกระบวนท่า
ยิ่งเวลาผ่านไป ใบหน้าของซานคุนหมิงยิ่งซีดเผือก พลังของเขาถูกเผาพลาญอย่างรวดเร็ว ถ้าต่อสู้ยืดเยื้อต่อไป เขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
ซานคุนหมิงโบกมือขึ้น ดินหนักสายสิบตัน ลอยขึ้นและอัดแน่นกัน จนกลายเป็นอุกกาบาตขนาด 15 เมตร
แวมไพร์ลอร์ดที่กำลังลอยตามมาเห็นดังนั้นก็เตรียมป้องกันตัว
แต่ซานคุนหมิงกับใช้มืออีกข้างยิงลูกพลังงานแรงดึงดูดสีดำออกมา โดยไม่ทันตั้งตัวลูกพลังสีดำ ก็ดูดร่างของแวมไพร์ลอร์ดเข้าหา
“ย๊ากกก”แวมไพร์ลอร์ดร้องคำรามเสียงดัง แต่ก็ไม่สามารถต้านแรงดึงดูดได้ ร่างของเขาลอยไปยังลูกพลังสีดำ
ในเวลาเดียวกันซานคุนหมิงก็โบกมือ อุกกาบาตพุ่งเข้าหาแวมไพร์ลอร์ดด้วยคามเร็วสูง จนเกิดการเสียดสีของอากาศ จนเกือบจะลุกไหม้ พลังโจมตีอันมหาศาลปะทะเข้ากับร่างของแวมไพร์ลอร์ดอย่างรุนแรง จนกระเด็นลงไปกระแทกพื้นอย่างแรง
โครม! แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัว ฝุ่นกระจัดกระจายไปทั่ว แต่ไม่นานฝุ่นก็สลายไป เห็นร่างของแวมไพร์ลอร์ดและโครงกระดูก นอนนิ่งอยู่ใต้หลุม มีบาดแผลทั่วทั้งตัว
ซานคุงหมิงลอยลงมายืนบนพื้น เขาหอบตัวโยน ใบหน้าใต้ผ้าคลุมขาวซีดแทบจะไร้สีเลือด เขากดไปที่กำไลข้อมือเพื่อตรวจสอบว่ากำลังเสริมจะมาถึงแล้วหรือยัง
เขาตรวจสอบเวลาที่กำลังเสริมจะมาถึง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นโกรธทันที ดูเหมือนจะมีคนเล่นงานเขาลับหลัง
ใต้หลุมแวมไพร์ลอร์ดลุกขึ้นยืน และร้องคำรามเสียงดังลั้น
“สารเลว แกต้องตาย!”ใบหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เขาอยากจะฉีกกระชากร่างของซานคุนหมิงเป็นชิ้นๆ
ซานคุนหมิงรู้ตัวว่าเขาจะสามารถต่อสู้ได้อีกไม่นาน เขาก็ขบกรามแน่น นาฬิกาทรายที่ลอยอยู่ก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังอันมหาศาลแผ่ขยายออกมา ซานคุุนหมิงโบกมือออกไป
อากาศบนท้องฟ้าพลันบิดเบี้ยว ก่อนที่พลังแรงโนมถ่วงอันมหาศาลจะกระแทกกดร่างของลอร์ดแวมไพร์และโครงกระดูกจากบนฟ้า
โครม!ร่างของลอร์ดแวมไพร์และโครงกระดูกถูกบดขยี้อย่างรุนแรง พื้นหลุมที่เหยียบแตกเป็นวงกว้าง
“แก!”ลอร์ดแวมไพร์กรีดร้องเสียงดัง ร่างของเขารู้สึกหนัก เหมือนกำลังแบกเครื่องถ่วงน้ำหนักหลายสิบตัน
เงาเสมือนโครงกระดูกด้านหลังถูกพลังแรงโน้มถ่วงบดขยี้ลงกับพื้น แต่ไม่นานมันก็ผสานร่างกับขึ้นมาใหม่ แต่ก็ไม่สามารถขยับได้ได้แต่นอนที่พื้น
ตูม!แรงโน้มถ่วงเพิ่มอีกเท่าตัว พื้นดินถูกบดขยี้เป็นหลุมลึก ร่างของลอร์ดแวมไพร์จมลงไปจนถึงเข่า แต่เขาก็ไม่ยอมลุกเข่าลง โครงกระดูกด้านหลังพลันส่งเสียงแกร็กๆ พลังสีดำลุกท้วมโครงกระดูก มันค่อยๆพยุงตัวขึ้นอย่างช้าๆ ต้านทานพลังแรงโน้มถ่วงให้กลับไป
ใต้ผ้าคลุม ใบหน้าของซานคุนหมิงขาวซีด นาฬิกาทรายที่ลอยอยู่แตกสลายหายไปเกือบครึ่ง เขากำลังอยู่ในข่วงเวลาวิกฤต พลังแรงโน้มถ่วงของเขาอ่อนกำลังลง จนอีกฝ่ายสามารถต้านเอาไว้ได้แล้ว
เขาสามารถต้านเอาไว้ได้อีกไม่ถึงนาที
ก่อนการต่อสู้ เขาใช้เคล็ดวิชาลับหยุดเวลาไป เพื่อหยุดนักฆ่าทั้งหมด ทำให้พลังของเขาเหลือน้อยอยู่แล้ว
มาต่อสู้กับลอร์ดแวมไพร์ที่ไม่มีวันตายอีก และพลังแปลกๆที่เผาพลาญพลัง ทำให้เขาเสียเปรียบอย่างมาก
เขาในตอนนี้ได้แต่ใช้พลังทั้งหมดที่เหลือ เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น
1 นาทีต่อมา
ลอร์ดแวมไพร์สามารถทำลายพลังแรงโน้มถ่วงได้ในที่สุด เขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ความเร็วในการฟื้นฟูก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
โครงกระดูกด้านหลังค่อยๆลอยขึ้นอย่างช้าๆ อาณาเขตวิญญาณขยายใหญ่ขึ้น
ซานคุนหมิงกระอักเลือดออกมา
แวมไพร์ลอร์ดเห็นว่าซานคุนหมิงหมดสภาพแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยหยันและกล่าวว่า
“สุดท้ายก็มีดีเพียงแค่นี้เท่านั้น”
พลังงานสีดำไหวเวียนทั่วร่างของแวมไพร์ลอร์ด ก่อนที่ร่างของแวมไพร์ลอร์ดจะหายวับไปอีกครั้ง และปรากฏตัวด้านหน้าของซานคุนหมิง และกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง
ซานคุนหมิงก็ยังฝืนต้านรับการโจมตีเอาไว้ได้ พลังสีน้ำตาลห่อหุ้มทั่วร่างพลังป้องกันเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ
บาดแผลค่อยๆปรากฏทั่วร่าง เสื้อคลุมสีดำขาดเป็นชิ้นๆ
แวมไพร์ลอร์ดยิ้มเย้ยเหมือนกำลังเล่นสนุก กลางหน้าผากส่องแสง เคียวสีดำปรากฏขึ้นบนมือคลื่นพลังสีดำโหมกระหน่ำไปตามใบเคียว ไม่รอช้าแวมไพร์ลอร์ดฟันเคียวอย่างรุนแรง
ซานคุนหมิงยกมือขึ้นจะสะบัดออกไป แต่นาฬิกาทรายอ่อนแรงไม่หมุนอีกแล้ว เขาได้แต่เร่งพลังธาตุดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกัน
เปรี้ยง! ร่างของซานคุนหมิงถูกโจมตี ร่างกระเด็นไปกระแทกเนินหินสูงอย่างรุนแรง
โครม! เนินหินพังทลายลง ฝุ่นปกคลุมจนมองไม่เห็น
แวมไพร์ลอร์ดตามไปโจมตีซ้ำ คลื่นพลังสีดำเกิดเป็นคมเคียวขนาดใหญ่ฟันลงไป
แต่ก่อนที่การโจมตีจะไปถึง
ก็มีม่านลมป้องกัน รับการโจมตีเอาไว้ คลื่นพลังสีดำกระจายหายไป
“ใคร!”แวมไพร์ลอร์ดหันไปมองอีกด้านหนึ่ง ที่เขาสัมผัสได้ถึงบุคคลที่สาม
ดยุกเซราสลอยมาอย่างช้าๆ ตรงเข้ามาในการต่อสู้ ท่าทางของเขาเหมือนกำลังมาเดินเล่น ไม่ได้มาต่อสู้
“แก! ดยุกเซราส ทำไมถึงขัดขวางการต่อสู้ของฉัน”ลอร์ดแวมไพร์กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น ที่การโจมตีถูกขัดขวาง
ดยุกเซราส มาหยุดยืนเผชิญหน้ากับลอร์ดแวมไพร์
ด้านหลัง เมื่อฝุ่นสลายไป ก็มองเห็นซานคุงหมิงผลักหินที่ทับบนร่างของตัวเองอยู่ให้พ้นตัว และปีนขึ้นด้วยสภาพทรุดโทรม แต่เขาก็พยายามประคองร่างเอาไว้่ ตรงกลางลำตัวมีรอยตัดลึกยาวจากอกขวาลงไปที่เอวด้านซ้าย เลือดสีแดงสดไหลออกมาอย่างน่ากลัว
ซานคุงหมิงมองไปที่แผ่นหลังของดยุกเซราสด้วยความประหลาดใจ ที่อีกฝ่ายยื่นมือเข้ามาช่วย
“แกมาที่นี่เพราะฉันไม่ใช่เหรอ?”ดยุกเซราสถามขึ้น ก่อนจะยกไม้เท้าในมือชูขึ้น”ถ้าแกต่อสู้กับฉันก็ไม่เป็นอะไร แต่ถ้าฉันปล่อยให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องมาตายที่นี่ ชื่อเสียงของฉันจะเสือมเสียได้”
“เหตุผลไร้สาระ!”ลอร์ดแวมไพร์แค่นเสียงดูถูก สายตากวาดมองไปรอบๆ เหมือนกำลังหาทางหลบหนี
“ฉันจะให้เวลาแกพัก แล้วเรามาสู้กันอย่างที่แกต้องการ”ดยุกเซราสกล่าวขึ้น
“บัดซบ หน้าด้าน!”ลอร์ดแวมไพร์โกรธจนร่างสั่นระริก เขาไม่เคยพบคนไร้ยางอายแบบนี้มาก่อน
จิวโมไป๋ที่ลอบดู ก็ประหลาดใจที่ดยุกเซราสเข้าช่วย ถ้าไม่มีใครช่วยซานคุนหมิงอาจเสียชีวิตที่นี่ และมันจะเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่อสถานะการ ถ้าไม่มีซานคุนหมิงก็จะไม่มีใครในหน่วยลับที่จะหยุดลอร์ดแวมไพร์ได้อีก
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่น จิวโมไป๋ชะงักก่อนที่จะหันไปดู เขาก็พบกลุ่มคนกำลังต่อสู้อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขาซ่อนตัวมากนัก
เขาประมาทเกินไป ปล่อยให้มีอะไรเข้าใกล้ขนาดนี้แล้วพึ่งจะรู้ตัว
จิวโมไป๋รีบปกปิดกลิ่นอายลอบเข้าไปดูการต่อสู้
ตรงบริเวณที่เคยเป็นพื้นที่นั่งดูการประลอง กลายเป็นเศษซาก คนของสำนักผีเสื้อดาราทั้ง 6 คน กำลังล้อมให้นักฆ่าทั้ง 3 คนอยู่ตรงกลาง
คนของสำนักผีเสื้อดาราแต่ละคน กำลังใช้ธง 8 ผืน สร้างม่านพลังป้องกันการโจมตีและปิดพื้นที่หลบหนี และใช้แผ่นยันต์อาคมโจมตีเข้าไป
แผ่นยันต์อาคมที่คนของสำนักผีเสื้อดาราใช้ เป็นยันต์ที่สร้างจากพลังจิต ซึ่งเป็นพื้นฐานของพลังวิญญาณ ความแข็งแกร่งของยันต์อาคมพลังจิต จะอ่อนแอกว่าแผ่นยันต์อาคมพลังวิญญาณ 2-3 เท่า
ผู้ที่สามารถใช้พลังจิตได้ ถ้าได้รับการสั่งสอนอย่างถูกต้อง พวกเขาจะมีโอกาสปลุกพลังวิญญาณ ได้มากกว่าคนธรรมดาหลายเท่า
จิวโมไป๋สังเกตคนของสำนักฝีเสื้อดารา เขาก็ต้องประหลาดใจ เขาจดจำตัวตนของชายที่เป็นหัวหน้าสั่งการได้ทันที
เตี๋ยมู่หลง ผู้อาวุโส 8 แห่งสำนักผีเสื้อดารา เขาเป็นน้องชายของเจ้าสำนักผีเสื้อดารา มีศักดิ์เป็น น้า ของเตี๋ยเสวี่ยเจียว
ในอดีตจิวโมไป๋และเตี๋ยมู่หลง เคยทำความรู้จักกันระยะหนึ่ง เพราะเตี๋ยมู่หลง เป็นคนจริงใจเปิดเผย และเขาเป็นคนที่ไม่ได้แบ่งแยกดีชั่วอย่างสุดโต่ง เหมือนคนของสำนักผีเสื้อดาราคนอื่นๆ
ทำให้เขาไม่สนใจวิธีการที่จิวโมไป๋สังหารคนชั่ว ขอแค่เขาไม่ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เตี๋ยมู่หลงก็จะหลับตาลงข้างนึง
จิวโมไป๋ไม่คิดเลยว่าจะพบสหายเก่าที่นี่
เมื่อเห็นว่าคนของสำนักผีเสื้อดาราทำได้เพียงถ่วงเวลานักฆ่าทั้ง 3 คน เท่านั้น ไม่สามารถจบการต่อสู้ได้ จิวโมไป๋ก็ตัดสินใจช่วยเหลือ
—