ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 224
ทางด้านเหนือของสนามประลอง มีเสียงปะทะกันดังสนั่นรุนแรง แต่ความเสียหายจำกัดอยู่ที่จุดศูนย์กลางของการต่อสู้ ไม่ลงผมกระทบต่อพื้นที่โดยรอบ
ผู้บ่มเพาะพลังของสำนักผีเสื้อดารา ในชุดสีขาวขลิบน้ำตาลกลางหลังมีภาพวาดดวงดาวสีทอง 108 ดวง เรียงรายเป็นรูปผีเสื้อ ทั้ง 6 คน กระจายตัวเป็นวงกลม พวกเขากำลังใช้ค่ายกลที่สร้างจากธง 8 ทิศตรงหน้า ก่อเกิดเป็นม่านพลัง 6 จุดเชื่อมต่อกัน ล้อมกักขังนักฆ่าขององค์กรโลหิตนิรันดร์ทั้ง 3 คน ไม่สามารถหลบหนีหรือโจมตีออกมาได้
นักฆ่าที่มีรูปลักษณ์เป็นหินสีเทาด้านร่างสูงใหญ่กว่าสองเมตรครึ่ง พยายามจะใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งกระแทกร่างเข้ากับม่านพลัง แต่ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับม่านพลังได้ ทำได้เพียงสั่นสะเทือนม่านพลังเท่านั้น การโจมตีไม่สามารถออกไปได้ ความเสียหายทั้งหมดจะถูกจำอยู่ในม่านพลัง
นักฆ่าอีกคนมีเกราะหนาสีแดงเพลิงปกคลุมทั่วร่าง เขามีพละกำลังอันมหาศาล เขาพยายามช่วยนักฆ่าร่างหินโจมตีม่านพลัง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“พินาศไปซะ!”นักฆ่ามดคำรามเสียงดังอย่างโกรธแค้น เขาใช้มือทั้งสองข้างแทงไปที่พื้นปูนด้านหน้า และยกแผ่นปูนหนัก 40 ตันขึ้นมาเหวี่ยงเข้าใส่ม่านพลัง ปัง! เสียงปะทะกันดังสนั่น ก่อนที่แผ่นปูนจะตกลงไปที่พื้น ม่านพลังยังคงรักษาสภาพเหมือนเดิม
นักฆ่ามดกระทืบเท้าด้วยความโกรธแค้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้
นักฆ่าคนสุดท้าย เขามีขนลายเสือดาวปกคลุมทั่วร่างรูปร่างเล็กบาง มีความปราดเปรียวว่องไว ในมือถือกริชปลายแหลมคมกริบ เขาไม่ได้ทดสอบทำลายม่านพลัง แต่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนักฆ่าร่างหิน สายตาแหลมคมกวาดมองหาช่องโหว่
“พวกนายทั้งหมด ยอมแพ้ให้พวกเราจับกุมตัวซะเถอะ พวกนายไม่สามารถออกจากค่ายกลนี้ไปได้หรอก”เตี๋ยมู่หลงกล่าวขึ้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในเขากำลังร้องคร่ำครวญ การคงสภาพค่ายกล จะต้องใช้หินกำเนิดปราณในการส่งพลังงานเพื่อสนับสนุนค่ายกล
ยิ่งนักฆ่าในค่ายกลโจมตีเท่าไหร่ ค่ายกลจะยิ่งสูญเสียพลังงานมากเท่านั้น และจะดูดซับพลังงานจากหินกำเนิดปราณ
ในตอนนี้หินกำเนิดปราณระดับต่ำไป 30 ก้อนแล้ว
แม้จะไม่ได้เสียหายเท่าไหร่นัก แต่สำหรับคนขี้เหนี่ยวอย่างเตี๋ยมู่หลง หินกำเนิดปราณ 30 ก้อนก็ทำให้เขาร่ำไห้ได้แล้ว
นักฆ่าร่างหินเหล่ตามามอง มันก็ชกไปที่ม่านพลังอย่างแรง และกล่าวด้วย้ำเสียงแหบแห้งว่า
“ไม่มีทาง!”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้”เตี๋ยมู่หลงกล่าว เขาไม่อยากเสียหินกำเนิดปราณมากไปกว่านี้แล้ว เขาหันไปลงสายตาคนของเขา ให้ส่งสัญญาณบอกคนอื่นๆ
ผู่บ่มเพาะพลังของสำนักผีเสื้อดาราทุกคนยกเว้นเตี๋ยมู่หลง ก็หยิบแผ่นยันต์อาคมออกมา และทำการโจมตีเข้าไปในค่ายกล โดยที่ไม่มีอะไรกีดขวาง บอลเปลวไฟ ลูกศรน้ำ หรือ เคียวพายุ กระหน่ำเข้าไปโจมตีไม่ยั้ง
นักฆ่าทั้งสามเห็นการโจมตีจำนวนมากก็หน้าเสีย พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะโจมตีผ่านเข้ามาได้
นักฆ่าร่างหินพุ่งไปด้านหนึ่งที่การโจมตีบางตากว่าทางอื่น เขาใช้หมัดชกออกไปทำลายการโจมตีด้านหน้า และหันมาบอกคนอื่น
“มาหลบตรงนี้เร็ว!”
นักฆ่ามดและนักฆ่าเสือดาวรู้เจตนาของนักฆ่าหิน พวกเขาวิ่งไปหลบด้านหลังชิดม่านพลัง
นักฆ่าหินหันหลับมาใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งขวางการโจมตีอื่นๆ
เปรี้ยง! ตูม! เสียงการโจมตีดังสนั่น ยากที่จะป้องกันได้ แต่การโจมตีทั้งหมด ถูกเพียงร่างนักฆ่าร่างหิน เขาสามารถป้องกันการโจมตีให้กับนักฆ่าคนอื่นๆได้
ผู้บ่มเพาะพลังของทวีปตะวันตก มีร่างกายเหนือกว่าผู้บ่มเพาะพลังของทวีปตะวันออกอยู่แล้ว
นักฆ่าร่างหินมีการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย สายเลือดหินเทา โดยเด่นเรียกพลังป้องกัน ความแข็งแกร่งของนักฆ่าหินสามารถป้องกันการโจมตีของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 โลหิตต้นได้อย่างสบาย
ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีของสำนักผีเสื้อดาราด้านหน้า ที่มีเพียงเตี๋ยมู่หลงคนเดียวที่อยู่ขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย และเขาก็ไม่เข้าร่วมการโจมตีด้วย
แม้ร่างของนักฆ่าร่างหินจะเสียหาย แต่มันก็เป็นเพียงภายนอกเท่านั้น มันทำให้รู้สึกเหมือนถูกชกเบาๆเท่านั้น
“พวกน่ารังเกียจ!”นักฆ่ามดมองออกไปข้างนอกด้วยแววตาโหดเหี้ยม แต่น่าเสียตายที่มันมีเพียงความสามารถพละกำลังอันมหาศาล ในสถานะการแบบนี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
เห็นการโจมตีรอบแรกไม่ได้ผลเตี๋ยมู่หลงก็สั่งให้โจมตีอีชุด เขาไม่ได้ต้องการจะฆ่านักฆ่าทั้งสาม เพราะกฎของสำนัก ทำได้เพียง ใช้พลังโจมตีที่แค่ทำให้หมดสภาพเพื่อเข้าไปจับคุมตัว
เสียงการโจมตีดังสนั่น นักฆ่าร่างหิรใช้ร่างกายป้องกันการโจมตีทั้งหมด ในระหว่างที่สถานการกำลังย่ำแย่
นักฆ่าเสือดาวที่เงียบไปนานก็กล่าวกับนักฆ่ามด
“ด้านบน! ด้านบนสามารถหลบหนีไปได้”
ดวงตาของนักฆ่าร่างหินและนักฆ่ามดเป็นประกาย
“เยี่ยม A ใช้พละกำลังทั้งหมด โยน L ออกไป เมื่อออกไปได้ก็รีบไปโจมตีพวกสารเลวด้านนอก เพื่อเปิดม่านพลัง”นักฆ่าร่างหินออกคำสั่ง และใช้หมัดชกไปที่พื้นอย่างแรง จนแตกกระจาย เกิดฝุ่นปกคลุมร่างของทั้งสาม
นักฆ่ามดเอื่อมมือไปจับนักฆ่าเสือดาวทันที เกราะบนร่างเปร่งประกายสีแดงเข้ม พละกำลังเพิ่มขึ้นมหาศาล
“เตรียมพร้อม”นักฆ่ามดพูดเตือน นักฆ่าเสือดาวพยักหน้าและทำให้ร่างกายผ่อนคลายที่สุด
เมื่อเห็นว่าพร้อม นักฆ่ามดดูการโจมตีด้านนอก เมื่อการโจมตีหยุดลง เขาก็วิ่งออกไป ทุกๆก้าว พื้นดินจะแตกออกด้วยกำลังอันมหาศาล
นักฆ่าหมดวิ่งเพื่อเพิ่มแรงส่ง เมื่อไปถึงจุดหนึ่ง เขาก็เหวี่ยงแขน โยนร่างของนักฆ่าเสือดาวไปในแนวเกือบตั้งฉาก
พลิ้ว ร่างของนักฆ่าเสือดาวพุ่งตัวผ่านฝุ่นที่ปกคลุมอยู่ ออกไป
ยิ่งสูงเขาก็แน่ใจว่าม่านพลังจะยิ่งเบาลง ด้วยแรงโยน เขาสามารถออกไปได้อย่างแน่นอน
ด้านล่างคนของสำนักผีเสื้อดารา ไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนหลบออกมาได้ พวกเขาใช้ยันต์โจมตีไปในม่านพลังไม่ยั้งมือ
ในระหว่างที่พวกเขากำลังลอบหยังเชิงกันอยู่ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ขยายค่ายกล!”เสียงร้องสั่งงานดังขึ้น
ผู้บ่มเพาะของสำนักผีเสื้อดาราตกใจ มองไปยังต้นเสียงพร้อมกัน พวกเขามองเห็นผ่านหลังของนักฆ่ามดที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า อีกเพียงนิดเดียวก็จะออกจากม่านพลังได้แล้ว
แต่ด้านหน้าของนักฆ่ามด ก็มีชายในชุดคลุมสีดำ ที่กระโดดจากอีกด้านไปบนตรงกลางค่ายกลพอดี ปิดทางหนีของนักฆ่ามด
“ถอยไป!”นักฆ่าเสือดาวร้องตะโกน กริชสั้นในมือแทงออกด้วยความเร็ว ตรงเข้าจุดตายกลางหัวใจอย่างแม่นยำ
จิวโมไป๋รู้อยู่แล้ว เขาจึงไม่ตกใจ เขาชกหมัดตรงเข้าปะทะ
นักฆ่าเสือดาวยิ้มเย้ย เพราะกริชของเขาสร้างมาจากโลหะล้ำค่า หมัดเปล่าไม่สามารถป้องกันได้แน่ และอาจต้องเสียมือข้างนั้นไปก็ได้
แกร๊ง! เสียงเหมือนแทงเข้ากับโลหะ ใบหน้าของนักฆ่าเสือดาวเปลี่ยนสี ก่อนที่หมัดจะกระแทกกริชจนกระเด็นกลับไป พร้อมกับร่างของนักฆ่าเสือดาวที่ถูกผลักตกลงไปที่เดิม
“อ๊าาาก”นักฆ่าเสือดาวกรีดร้องเสียงยาว มือข้างที่ถือกริชถูกทำลาย ร่างของเขาตกลงไปกระแทกพื้นด้านล่างอย่างแรง เป็นการบาดเจ็บสองต่อ
นักฆ่าคนอื่นๆเข้าไปดูอาการ
จิวโมไป๋ค่อยๆตกลงไปตรงกลางม่านพลัง เขาโบกมือยันต์อาคม 5 แผ่นลอยออกมา เรียงเป็นดาวห้าแฉก
เตี๋ยมู่หลงเห็นการจัดเรียงแผ่นยันต์ ก็ออกคำสั่งให้ผู้บ่มเพาะของสำนักผีเสื้อ รีบถอยออกมา พร้อมขยับธง 8 ทิศขยายค่ายกล การทำแบบนี้จะทำให้ม่านพลังอ่อนแอลง
ยันต์อาคมทั้ง 5 เผาไหม้ ก่อนจะกลายเป็นพายุเพลิงพุ่งไปยังนักฆ่าทั้งสามด้านล่าง
พายุเพลิงทำลายล้าง
ตูม!
เสียงระเบิดดังสนั่น ม่านพลังสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับจะพังลงมา แรงระเบิดถูกม่านพลังกักขังเอาไว้ กลายเป็นเสาไฟขนาดใหญ่พุ่งไปบนท้องฟ้า ก่อนจะสลายหายไป เหลือเพียงฝุ่นคละคลุ้งอยู่ภายในม่านพลัง ใบหน้าของเตี๋ยมู่หลงยิ่งขาวซีด เพราะหินกำเนิดปราณลดลงไป 40 ก้อน ภายในวินาทีเดียว
เมื่อฝุ่นหายไป นักฆ่าทั้งตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บ โดยเฉพาะนักฆ่าร่างหินที่เสียสละบังร่างของนักฆ่าเสือดาวและนักฆ่ามดเอาไว้ ทำให้ตัวเองรับความเสียหายส่วนมากไป
จิวโมไป๋ลงมาถึงพื้น โดยที่ไม่ถูกผลกระทบของการโจมตี เขาพุ่งเข้าไปตัดแขนขวาของนักฆ่ามด และตัดขานักฆ่าเสือดาว และชกนักฆ่าร่างหินจนตัวแตกร้าวไปครึ่งร่าง การโจมตีเฉียบขาดรวเร็ว ไม่ให้ใครได้ตั้งตัว
คนของสำนักผีเสื้อดารามองด้วยความตกใจ ยังไม่ทันที่พวกเขาจะเรียกสติ นักฆ่าทั้งสามหมดสภาพต่อสู้แล้ว เตี๋ยมู่หลงสั่งให้ยกเลิกค่ายกล และเดินไปหาจิวโมไป๋ สายตากวาดมองด้วยความสงสัย
“ฉันเตี๋ยมู่หลง ผู้อาวุโสแห่งสำนักผีเสื้อดารา ไม่ทราบว่าคุณมีชื่อว่าอะไร”
จิวโมไป๋ยืนนิ่ง ไม่ได้สนใจเตี๋ยมู่หลงที่เดินเข้ามา เขากำลังตรวจสอบตำหนักยุทธกระบี่เลือนเร้น ที่อยู่ๆก็มีพลังงานสีขาวปรากฏขึ้น
พลังงานสีขาวดูเหมือนจะเป็นกรรมดี เขาไม่ได้สังหารนักฆ่าทั้ง 3 แต่ทำให้หมดสภาพ ไม่สามารถไปทำชั่วได้อีก เขาจึงได้กรรมดี แม้ว่าจะได้เพียง 1 ส่วน 3 ของกรรมชั่วของนักฆ่าคนๆนั้นก็ตาม
จิวโมไป๋คิดเล็กน้อยก็เข้าใจ มันก็เหมือนกับตอนที่เขาหยุดเหตุการณ์สังหารหมู่ ครั้งนั้นเขาก็ได้รับกรรมดีเช่นกัน
เมื่อร่วมกรรมดีที่ได้ กับกรรมชั่วที่เขาสังหารนักฆ่าไป 4 คน เขาสามารถทะลวงขั้นเส้นเอ็นสูงสุดได้แล้ว
เตี๋ยมู่หลงเห็นว่าจิวโมไป๋เหม่อไป เขาก็ไม่ขัด เพราะอีกฝ่ายเป็นคนช่วยเหลือตัวเอง เขาเพียงแค่สงสัยการใช้ยันต์ของจิวโมไป๋ ที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าสำนักของพวกเขาอย่างมาก
มันเป็นเพียงความสงสัย ไม่มีความโลภ
จิวโมไป๋ถอนจิตกลับมา เห็นว่าเตี๋ยมู่หลงกำลังมองตัวเองอยู่ เขาก็ยิ้มภายใต้หน้ากาก
“ฉันเลือนเร้น”จิวโมไป๋บอกชื่อฉายาในอดีตและเป็นชื่อเคล็ดบ่มเพาะพลังออกไป
“เลือนเร้น”เตี๋ยมู่หลงขมวดคิ้วเพราะเขาไม่รู้จักยอดฝีมือที่ใช้ฉายานี้เลย เขาก็เข้าใจว่าชายตรงหน้าไม่อยากบอกตัวตนของตัวเอง เขาไม่โกรธ พยักหน้าและยิ้มให้จิวโมไป๋ก่อนจะกล่าว
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือพวกเราจัดการนักฆ่าพวกนี้ ถ้าไม่ได้นายช่วยเหลือ พวกเราจะต้องแย่แน่ๆ”
จิวโมไป๋ส่ายหน้าและกล่าว
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถึงฉันไม่มาพวกนายก็สามารถจัดการนักฆ่าพวกนี้ได้”
“ไม่ๆ น้องชายช่วยได้มากจริงๆ ถ้าไม่ได้น้องชาย ฉันจะต้องเสียทรัพยากรมากกว่านี้”เตี๋ยมู่หลงกล่าวด้วยความจริงใจ แม้การโจมตีของจิวโมไป๋จะทำให้เขาเสียหินกำเนิดปราณไปจำนวนมาก แต่ถ้าพวกเขายังยื้อการต่อสู้ต่อไป อาจเสียหินกำเนิดปราณมากกว่านี้ก็ได้ และอาจมีนักฆ่าคนอื่นเข้ามาช่วย ทำให้สถานการยิ่งแย่ลงไปอีก
ทำให้เขาขอบคุณจิวโมไป๋ด้วยใจจริง
ทั้งสองพูดคุยกัน ราวกับเคยเป็นคนรู้จักกันมาก่อน
คนของสำนักผีเสื้อดาราทั้งห้า เข้าไปจับกุมตัวนักฆ่าทั้งสามใส่กุญแจมือแบบพิเศษ ไม่ใช้กุญแจมือที่คนของหน่วยลับใช้จับนักฆ่าก่อนหน้า
กุญแกมือของสำนักผีเสื้อดาราทำมาจากวัตถุดิบหายาก แข็งแกร่งกว่ากุญแจมือของหน่วยลับหลายเท่า ไม่ยากที่จะจับกุมนักฆ่าทั้งสาม โดยไม่หลุดได้อีก
คลืนนนน เสียงสะท้อนจากฟากฟ้าดังขึ้น จิวโมไป๋และเตี๋ยมู่งหลงต่างก็เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าไกลออกไป
ท้องฟ้าที่เคยมีแสงจันทร์เสี้ยวและดวงดาว ในตอนนี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำมืดมิดไร้แสงใดๆ ความมืดปกคลุมเมืองเทียนซูทั้งหมด
จิวโมไป๋และเตี๋ยมู่หลงมองสบตากัน ก่อนที่จะพาคนอื่นๆตรงไปนอกสนามประลอง
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
ร่างของแวมไพร์ลอร์ถูกหอกสายลมเสียบกลางอกตึงอยู่กับพื้น บนร่างมีหนามสายลมรัดทั่วร่าง เลือดสีดำไหลออกมาไม่หยุด แม้แต่สุดยอดการฟื้นฟูก็ไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้
ประสบการณ์ของดยุกเซราสและซานคุนหมิงแตกต่างกันเกินไป
ดยุกเซราต้องต่อสู้แลกชีวิตเพื่อฟื้นฟูตระกูล เขาผ่านการต่อสู้และสนามรบมานับไม่ถ้วน
แตกต่างกับซานคุนหมิง ที่เกิดมาพร้อมกฎแห่งแรมโน้มถ่วง ตั้งแต่เกิดเขาก็เหนือกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ในการต่อสู้ เขาใช้กฎแห่งแรงโน้มถ่วงก็สามารถเอาชนะคนอื่นได้ง่ายๆ ทำให้เขาไม่พบความยากลำบากในการต่อสู้เลยสักครั้ง ประสบการณ์ต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งจึงมีน้อย
ซานคุงหมิงจึงไม่สามารถต่อสู้กับแวมไพร์ลอร์ดได้ แม้อีกฝ่ายจะมีร่างอมตะ ถ้าคิดดีๆยังมีหลายวิธีที่จะกำจัดร่างอมตะได้ เหมือนกับที่ดยุกเซราสกำลังทำอยู่
“ดยุกเซราส ปล่อยฉันออกไป!”แวมไพร์ลอร์ดร้องตะโกนเสียงดังและดิ้นลนโดยไม่สนใจความเจ็บปวดจากหนามที่ทิ่มแทงร่างของตัวเองอยู่
ดยุกเซราสทำเป็นไม่ได้ยิน เขายื่นมือซ้ายไปด้านข้าง พายุอันรุนแรงหมุนวนก่อตัวเป็นหอกสายลมขยาดใหญ่ บนตัวหอกมีลวดลายอันงดงามเหมือนการแกะสลักของทวยเทพ
แวมไพร์ลอร์ดสัมพัสได้ถึงอันตราย เขารีบกรีดร้องเสียงดัง
“แกจะทำอะไร! หยุด! แกไม่สามารถฆ่าฉันได้!”
ดยุกเซราสชี้ไม้เท้าบนมือขวาไปยังร่างของแวมไพร์ลอร์ด หอกสายลมยักษ์ก็พุ่งตรงออกไปด้วยความเร็วสูง ถ้าแวมไพร์ลอร์ดถูกหอกยักษ์โจมตี เขาไม่มีทางที่จะมีชีวิตรอดไปได้
แต่ก่อนที่หอกยักษ์จะไปถึง
“หยุด!”เสียงคำรามจากบนฟากฟ้าก็ดังขึ้น พลังสีดำอันมืดมนไร้ประกายขวางกันหอกสายลมยักษ์เอาไว้
เปรี้ยง! ตูมมมม!
แรงปะทะเกิดการระเบิดคลื่นพลังอันรุนแรง กวาดทำลายล้างพื้นที่โดยรอบ พื้นที่กว่า 50 เมตรด้านหน้าพลังสีดำ กลายเป็นหลุมลึก
บนท้องฟ้า มีพลังกดดันอันมหาศาลราวกับว่ากำลังจะบดขยี้ทุกสิ่งให้ราบคาบ ท้องฟ้าเหนือเมืองเทียนซูกลายเป็นสีดำมืดมิด อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว
ดยุกเซราสยิ้มเย็นชา ดวงตากลายเป็นสีเขียวอ่อน เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่มืดมิด
เขาเห็นร่างในชุดคลุมสีแดงเลือดลอยอยู่
“อย่างที่ฉันคิด แกไม่มีทางปล่อยให้ลูกชายงี่เง่าของแก มาทำภารกิจคนเดียวแน่ๆ จ้าวแห่งความมืด!“
ซานคุนหมิงที่พื้นตัวอยู่ไม่ไกล มองเห็นชายชุดคลุมสีแดงเลือด ใบหน้าพลันซีดเผือก เขากดกำไลข้อมือ แจ้งข่าวด้วยความเร็วนิ้วสูงเท่าที่เคยทำมา
แต่ในเวลาเดียวกัน อีกด้านของท้องฟ้าพลันสว่างไสวด้วยแสงสีขาวประกายทอง แสงสว่างปกคลุมทั่วเมืองเทียนซูราวกับดวงอาทิตย์กำลังขึ้น เปลี่ยนความเย็นยะเยือกให้อบอุ่นขึ้น
พระชราในชุดจีวรสีเหลืองส้มพาดไหล่ด้วยจีวรสีน้ำตาลเข้ม ลอยมาอย่างช้าๆ กลางหน้าผากมีรอยธูปจี้สีแดงอ่อน 12 จุด เปล่งประกายสีขาวทอง รัศมีพลังทั่วร่างทำให้ผู้คนนับถือเลื่อมใส
“เจ้าอาวาสหงหมิง“จ้าวแห่งความมืดแค่นเสียงเย็นชา
—