ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 230
8 วันหลังเหตุการณ์ลอบสังหาร ผู้คนกลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติ แม้จะยังระแวดระวังอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงวิตกกังวล
นอกเมืองเทียนซูหิมะสีขาวค่อยๆตกลงมา บริเวณโดยรอบกลายเป็นสีขาวสุดสายตา
จิวโมไป๋ในชุดกันหนาวสีดำตัวยาวเดินบนฟุตบาทข้างทางออกจากประตูเมืองเทียนซู มาหยุดอยู่ตรงป้ายรอรถนอกเมือง นอกจากเขาแล้วไม่มีใครมารอรถตรงนี้อีก เพราะอากาศที่หนาวเย็นและอยู่นอกเมือง จึงไม่มีใครฝ่าความหนาวเย็นมารอรถไกลถึงที่นี่
เขาก้มลงมองไปที่กำไลข้อมือ ตัวเลขบอกเวลากำลังเดินไปอย่างช้าๆ จนกระทั้งเกือบถึงเวลานัดหมาย
ก็มีรถตู้สีดำขับออกมาจากในเมือง มาจอดเทียบฟุตบาทด้านหน้าของเขาพอดี ก่อนที่ประตูเลื่อนด้านข้างจะเปิดออก ตรงตามเวลานัดหมายพอดี ไม่มีขาดไม่มีเกิน
จิวโมไป๋ตบไปที่เสื้อกันหนาวเพื่อปัดหิมะที่ตกใส่ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในรถอย่างไม่ลังเล
ถ้าเขาไม่เข้าไปในรถตู้ภายใน 15 วินาที ประตูรถจะปิดและขับจากไปโดยไม่รอ ถ้าไม่สามารถขึ้นรถตู้ได้ จะเสียสิทธิ์การเข้าทดสอบเข้าหน่วยลับทันที ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
ในอดีตมีผู้ที่เสียสิทธิ์ในการเข้าทดสอบเข้าหน่วยลับ เพราะไม่เข้าไปในรถตู้สีดำในเวลาที่กำหนดเกือบ 1 ใน 3
พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อถึงเวลาตามที่นัดหมาย มันก็เริ่มการทดสอบเบื้องต้นแล้ว
การที่รถตู้สีดำ มาจอดและเปิดประตูออกตรงหน้า โดยที่ไม่มีข้อความอะไรบ่งบอกให้ขึ้น ทุกคนจะต้องเกิดความระแวงสงสัย ว่ามันคืออะไร ต้องเข้าไปหรือไม่ เกิดคำถามมากมาย
โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับจดหมายเชิญ พวกเขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาต้องวิเคราะห์สถานะการอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจ ทำให้เสียเวลามากขึ้นไปอีก
พวกเขาไม่รู้ว่ามีเวลาจำกัดเพียง 15 วินาทีเท่านั้น
การทดสอบขึ้นรถ เป็นการทดสอบแรก ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นด้านตัดสินใจ ถ้าไม่สามารถตัดสินใจได้ในเวลาที่กำหนด ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าทดสอบ
แม้ว่าเวลา 15 วินาทีจะน้อยไป แต่มันก็เพียงพอที่จะใช้เวลานี้ในการตรวจสอบ รถตู้สีดำได้ว่าส่งมารับไปสถานที่ทดสอบจริงหรือไม่
ถ้าไม่สามารถตัดสินใจก่อนถึงเวลาที่กำหนด ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาดเพียงพอ
ภารกิจของหน่วยลับเกือบทั้งหมด ต้องใช้การตัดสินใจที่รวดเร็วเฉียบขาด เพราะถ้าเสียเวลาในที่ๆหนึ่งนานเกินไป อาจทำให้ภาพรวมของภารกิจเสียหายได้
จิวโมไป๋ขึ้นไปบนรถตู้สีดำ ประตูเลื่อนก็ปิดลง ไฟในรถตู้ก็สว่างขึ้นทันที ภายในรถตู้มันไม่ได้เป็นที่นั่งเหมือนรถตู้ทั่วไป แต่เป็นห้องเล็กๆ ที่มีอุปกรณ์ต่างๆวางเอาไว้
ไม่มีอะไรบอกว่าจะต้องให้ทำอะไร ให้ผู้เข้าทดสอบตัดสินใจเอง
รถตู้ขับออกไป ไม่มีการสั่นไหวภายใน
จิวโมไป๋เหลือบตาไปมองที่นั่งคนขับ ก็พบที่นั่งว่างเปล่า เป็นระบบขับรถอัตโนมัติ ถอนสายตากลับมากวาดตามองไปรอบๆ เขาก็เดินไปที่ตู้แขวนชุดคลุมสีดำ และหยิบมันลงมาเปลี่ยนกับชุดกันหนาวตัวนอก
ไม่นานเขาก็อยู่ในชุดคลุมสีดำธรรมดาไร้ลวดลายคลุมหัวยาวลงไปเกือบถึงพื้น และมีผ้าปิดปากสีดำกลืนไปกับชุดคลุมสีดำ ปิดบังใบหน้ามิดชิด น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ถูกเปลี่ยนให้เป็นน้ำเสียงเรียบ ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิง
จัดชุดคลุมให้เข้าที่ เขาก็เดินไปที่ตู้ยาวที่มีอาวุธเย็นแหลมคมวางอยู่หลายชนิด เขาหยิบพลองเหล็กสีเงินมาถือคำนวนน้ำหนัก และว่างไว้ด้านข้าง ก่อนจะหยิบกระบี่อ่อนออกมาสวมที่รอบเอว
เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อย จิวโมไป๋ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ด้านข้างเพื่อรอให้ถึงที่หมาย
สำนักงานหน่วยลับประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
“เด็กคนนี้ดูเหมือนจะใจเย็นเกินไปหน่อยไหม”ชายในชุดคลุมสีส้มกล่าวกับเพื่อนที่นั่งอยู่ด้านข้าง สายตามองไปยังหน้าจอโฮโลแกรมที่กำลังฉายภาพของจิวโมไป๋อยู่
ชายชุดคลุมสีเหลืองกดกำไลข้อมือของตัวเอง ก็มีข้อมูลของจิวโมไป๋ลอยขึ้นมา
“เขาเป็นบุคคลคุ้มครองระดับ A”
“ระดับ A! ฉันไม่ได้เห็นบุคคลระดับนั้นนานแล้วนะ เขาเป็นใคร ลูกหลานตระกูลราชวงศ์ หรือ ผู้กอบกู้ประเทศ?”คำพูดของชายชุดคลุมสีส้มดูเสียดสีอย่างชัดเจน
ชายชุดคลุมสีเหลืองอ่านไปที่ประวัติของจิวโมไป๋ ก่อนจะส่ายหัวและพูด”ข้อมูลสำคัญถูกเก็บเป็นความลับ แต่ดูจากพื้นฐานครอบครัว แม้ว่าทางฝั่งแม่จะ… ก็ไม่น่าที่จะกลายเป็นบุคคลคุ้มครองระดับ A ได้ น่าจะไปทำอะไรบางอย่างที่สำคัญต่อประเทศมามากกว่า”
“โอ้… ดูเหมือนฉันจะต้องจับตาดูเด็กคนนี้ซักหน่อยแล้ว”ชายชุดคลุมสีส้มพยักหน้าช้าๆ แววตาเป็นกระกายบางอย่าง
รถตู้สีดำขับมาถึงหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากเมืองเทียนซูมากนัก
จิวโมไป๋มองไปที่ทางเข้าหมู่บ้าน เขาก็รู้ว่าหมู่บ้านนี้ คือหมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว มีผู้อยู่อาศัยหนึ่งหมื่นหลังคาเรือน ใจกลางหมู่มีทะเลสาบขนาดใหญ่และมีดอกบัวหลากสี
ตลอดทั้งปีหมู่บ้านจะมีเทศกาลเกี่ยวกับการชมดอกบัวจัดขึ้นเสมอ ในช่วงระยะเวลาเทศกาลจะมีนักท่องเทียวจำนวนมากมาที่หมู่บ้านแห่งนี้
ทำให้หมู่บ้านกลายเป็น สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเทียนซู แม้จะเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็กๆ แต่เศรษฐกิจของหมู่บ้านดีกว่าเมืองขนาดกลางเสียด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋มองไปที่หมู่บ้านด้วยความสายตาเหม่อลอย ในอดีตทุกๆปี เขา จิวเสวี่ยเหม่ยและพ่อแม่ จะมาเที่ยวที่นี่ด้วยกันเสมอ
แต่หลังจากที่ครอบครัวของเขาถูกทำลาย เขาไม่เคยมาเหยียบที่นี่อีกเลย เขาจำได้ว่าเมืองวันที่พลังธรรมชาติพลุ่งพล่าน กลางทะเลสาบดอกบัวมีประตูมิติปรากฏขึ้น หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัวถูกทำลาย
แม้ภายหลังจะสามารถต้านทานการบุกรุกได้ แต่พื้นที่รอบประตูมิติก็ถูกทำลายจนไม่เหลือสภาพเดิม แม้จะสร้างเมืองขึ้นมารอบๆประตูมิติ และเรียกเมืองนั้นว่าเมืองทะเลสาบดอกบัว แต่มันก็ไม่ใช่ หมู่บ้านทะเลสาบดอกบัวในอดีตอีกต่อไป
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ขับไล่ความคิดออกไป
รถตู้สีดำขับเข้าไปในหมู่บ้าน ผ่านร้านค้าต่างๆมากมาย มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินจับจ่ายอย่างคึกคัก
ผ่านถนนย่านท่องเที่ยว มาถึงถนนอีกเส้นที่มีผู้คนบางตา รถตู้สีดำมาจอดที่ด้านหลังสถานีตำรวจประจำหมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว
จิวโมไป๋มองไปนอกรถโดยไม่ใช้จิตสัมผัส นอกจากเขาแล้วก็มีรถตู้สีดำอีก 14 คันจอดอยู่ก่อน
รถตู้สีดำของเขามาจอดรออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ประตูรถตู้จะเปิดออก ไม่มีรถตู้คันอื่นมาอีก แสดงว่าเขาเป็นคนสุดท้าย เมื่อร่วมกับที่จอดก่อนหน้า มีผู้เข้าทดสอบ 15 คน
จิวโมไป๋ถือพลองเหล็กสีเงินลงจากรถตู้
จิวโมไป๋กวาดตามองทุกคนที่ลงจากรถทันที
ไม่มีคนที่เขารู้จักสักคนเดียว ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไร เพราะการทดสอบเข้าหน่วยลับไม่ได้มีเพียงที่นี่ มีสถานที่ทดสอบอื่นๆอยู่อีก การทดสอบเข้าหน่วยลับจะไม่ให้คนที่รู้จักกัน หรือคนที่มีความเกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง ทดสอบด้วยกัน
เพื่อป้องกันไม่ให้มีการร่วมมือกัน ในระหว่างการทดสอบ
จิวโมไป๋เดินไปด้านหน้าที่จอดรถ ที่มีพื้นที่กว้างให้พวกเขาได้ไปยืนรอ สายตาของเขาก็เห็นว่ามี 3 คนที่ไม่ยอมใส่ชุดคลุมสีดำ และถือมันไว้แทน สังเกตจากท่าทางเย่อหยิ่งของทั้ง 3 แล้ว จิวโมไป๋ก็ถอนหายใจ
ในตอนนั้นเอง ชายในชุดคลุมสีน้ำเงิน เดินออกมาจากสถานนีตำรวจ ด้านหลังมีคนในชุดคลุมหลากสี 4 คนเดินตามมา
ชายในชุดคลุมสีน้ำเงินกวาดตามองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะไปหยุดอยู่ที่คนทั้ง 3 ที่ไม่ใส่ชุดคลุม
โดยไม่ต้องพูดอะไร คนในชุดคลุมหลากสีมี 3 คน เดินเข้าไปหาคนที่ไม่ใส่เสื่อคลุมทั้ง 3 คน และจับกลับไปในรถตู้สีดำ ก่อนที่รถตู้สีดำจะขับออกไปทันที
ทั้ง 3 หมดสิทธิ์เข้าทดสอบทันที
บรรยากาศกลายเป็นตึงเครียด ชายชุดคลุมสีน้ำเงินกวาดตามองไปกลุ่มคนตรงหน้า ก่อนจะหันไปยังชายในชุดคลุมสีส้มที่ยืนถือกล่องเล็กๆอยู่ด้านข้าง
ไม่ต้องพูดอะไรชายชุดคลุมสีส้มก็เดินไปยังกลุ่มคนที่เข้าทดสอบ เมื่อเขาเปิดกล่องก็มีตราสี่เหลียมสีเงิน
“เข้ามาหยิบไปคนละหนึ่งอัน”ชายชุดคลุมสีส้มกล่าวเสียงเย็นชาเล็กน้อย
ในผู้เข้าทดสอบที่เหลือ 12 คน จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบคร่าวๆมีผู้ชาย 7 คน และผู้หญิง 5 คน
คนแรกที่เดินไปเป็นหญิงสาว เธอไปหยิบตราขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ทันทีที่มือของเธอสัมผัส ด้านหน้าตราก็มีตัวเลข 1 ปรากฏขึ้น
“ติดตราไปที่อกด้านขวา หลังจากนี้ตลอดการทดสอบ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย จะถูกเรียกชื่อตามหมายเลขบนตรา และก็จำไว้ กฎสำคัญในการทดสอบ ห้ามบอกชื่อจริง เพศ อายุ ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเอง และภารกิจกับใคร ถ้ามีข้อมูลหลุดออกไป จะถูกตัดสิทธิ์การทดสอบทันที ไม่มีข้อยกเว้น”ชายชุดคลุมสีส้มกล่าวเสียงดังให้ทุกคนได้ยิน
หญิงสาวเดินไปที่เดิม ก่อนจะติดตราไว้ที่อกขวา
คนอื่นๆทยอยเดินไปรับตรา จิวโมไป๋เป็นคนสุดท้าย เมื่อจิวโมไป๋หยิบตรา เขาก็ได้รับหมายเลข 12
ชายชุดคลุมส้มยิ้มแผ่วเบา จนแทบจะไม่สามารถสังเกตได้ แต่จิวโมไป๋ที่ใช้จิตสัมผัสอยู่ตลอดเวลา จับการยิ้มของอีกฝ่ายได้ เขาหันหลังเดินกลับไปประจำที่ ท่าทางของเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่ละความระแวงสงสัย
ทำไมอีกฝ่ายถึงรู้จักเขาได้?
จิวโมไป๋ติดตราไปที่อกขวาจิตสัมผัสก็ตรวจสอบชายชุดคลุมสีส้ม แต่ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ
ชายชุดคลุมสีน้ำเงินที่ยืนรออยู่เห็นว่าทุกคนได้ตราแล้ว เขาก็พูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเฉยชา
“ฉันจะไม่พูดอะไรให้ยืดเยื้อ พวกเธอทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะมาทดสอบเข้าหน่วยรักษาความมั่นคงของชาติ”ชายชุดคลุมหยุดเล็กน้อย และกวาดตามองไปยังทุกๆคนพลังกดดันแผ่ขยายออกจากร่างอย่างช้าๆ”ฉันขอบอกไว้ตรงนี้ ภารกิจทดสอบที่ฉันจะให้ มันไม่ใช้เรื่องง่าย มันมีโอกาสเสียชีวิต ถ้าใครต้องการจะถอนตัวก็รีบพูดขึ้นตอนนี้ ถ้าฉันให้ภารกิจไปแล้ว จะไม่สามารถถอนตัวได้อีก”
ทุกคนเงียบไม่พูดอะไร
ชายชุดคลุมสีน้ำเงินพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะกดไปที่กำไลข้อมือ ภาพโฮโลแกรมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น
“ถ้าต้องการเข้าทดสอบ ก็เดินมาประทับสัญญาณเชื่อมต่อ”
ทุกคนเดินไปที่โฮโลแกรมและเปิดกำไลข้อมือของตัวเอง เมื่อสัญญาณเชื่อมต่อกัน พวกเขาก็ได้ข้อมูลของภารกิจ
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้อ่าน ชายชุดคลุมสีน้ำเงินก็พูดขึ้น
“ภารกิจที่พวกเธอได้รับ เป็นภารกิจสืบสวน เกี่ยวกับการหายตัวของคนในหมู่บ้านแห่งนี้ ระยะเวลาภารกิจ 7 วัน ในระยะเวลานี้ พวกเธอจะต้องสืบหาร่องรอยหรือสาเหตุของการหายตัวไปของคนในหมู่บ้าน
คะแนนการทดสอบจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของภารกิจ ยิ่งค้นพบสาเหตุยิ่งได้คะแนนมากขึ้น”
ชายชุดคลุมหยุดเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปยังสถานนีตำรวจและกล่าวว่า
“พวกเธอสามารถร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล อุปกรณ์บางอย่างเช่นรถยนต์ หรือที่พัก เอาละเสียเวลาไปมากแล้ว พวกเธอแยกย้ายกันไปได้แล้ว”ชายชุดคลุมสำน้ำเงินกล่าวจบก็พาคนในชุดคลุมทั้ง 4 คนเดินจากไปทันที
จิวโมไป๋ที่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอยู่ก็ขยายขอบเขตเข้าไปในสถานนีสำรวจ เขาก็พบคนในชุดคลุมอีกหลายคน ดูเหมือนกำลังวุ่นวายกันอยู่
ใบหน้าของจิวโมไป๋กลายเป็นจริงจัง ดูเหมือนว่าจะไม่ใช้ภารกิจง่ายๆเสียแล้ว
หายตัวไปอย่างลึกลับ
วิญญาณแค้น?
จิวโมไป๋พยักหน้าแผ่วเบาดูเหมือนว่า อะไรหลายอย่างจะเปลี่ยนไป คนของหน่วยลับตระหนักถึงความสำคัญของเหตุการณ์วิญญาณมากขึ้นตามที่เขาต้องการ
จิวโมไป๋แยกเดินออกไปอีกทางออกจากสถานนีตำรวจ ทิ้งผู้เข้าทดสอบคนอื่นๆที่กำลังอ่านข้อมูลเกี่ยวกับภารกิจในกำไลข้อมือ
จิวโมไป๋แอบไปเปลี่ยนชุดคลุมกลับมาเป็นชุดธรรมดา เขาทำตัวเหมือนกับเป็นนักท่องเที่ยวธรรมดา ที่มาเที่ยวหมู่บ้านทะเลสาบดอกบัว
แค่เขาไม่บอกข้อมูลของตัวเองและภารกิจออกไป ก็ไม่มีปัญหา
จิวโมไป๋แฝงตัวไปกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ในระหว่างนั้นเขาก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบไปด้วย เพื่อสืบข่าว
เดินไปทั่วเมืองจนท้องฟ้าเริ่มมืด เขาก็เช่าห้องโรงแรมที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้าน
ตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาจากหน่วยลับและข้อมูลที่เขาสืบมา มีรายระเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ไม่แตกต่างกันมาก
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ได้มีเหตุการ คนสูญหายไป 51 คน ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยว ทำให้ในตอนแรกไม่มีใครพบอะไรผิดปกติ จนกระทั้งเริ่มมีคนในหมู่บ้านหายตัวไป
เพราะหมู่บ้านมีแค่หนึ่งหมื่นหลังคาเรือน ทำให้ค้นพบความผิดปกติได้เร็ว
พวกเขารีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนผ่านไป 1 วันก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ จนถึงวันนี้มีคนหายไปทั้งหมด 51 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งไปที่หน่วยลับ ให้มาช่วยสืบหาสาเหตุของการหายตัวไป
หน่วยลับจึงถือโอกาสตรงนี้ นำผู้เข้าทดสอบ มาช่วยงานทางอ้อม แม้จะเป็นเพียงภารกิจสืบสวนไม่ได้ไปต่อสู้ แต่มันก็มีโอกาสที่ต้องปะทะกับวิญญาณแค้นอยู่ดี
สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณ ไม่ได้ตระหนักกฎแห่งธาตุ หรือใช้พลังกดดันยังไม่ชำนาญ ไม่มีทางเลยที่จะสามารถเอาชนะวิญญาณแค้นได้
มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก แม้จะเป็นอัจฉริยะก็ตาม
เขาไม่รู้ว่าคนของหน่วยลับ ยังไม่รู้ถึงความสามารถของวิญญาณแค้น เลยประมาทพวกมัน หรือพวกเขาไม่สนใจชีวิตของผู้เข้าทดสอบกันแน่
หน่วยลับในตอนนี้ยังไม่ผ่านการชำระล้าง ทำให้มีพวกที่น่ารังเกียจอยู่มาก
เขาจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น
จิวโมไป๋นั่งสมาธิฟื้นฟูพลัง เมื่อดวงจันทร์ลอยขึ้นท้องฟ้า เขาก็เปลี่ยนเป็นชุดคลุมสีดำสำหรับผู้เข้าทดสอบ และออกจากโรมแรม เดินไปตามฟุตบาทข้างทาง
แม้จะอยู่ในช่วงเวลาเกือบเที่ยงคืน ผู้คนยังคงพลุ่งพล่าน
ในข้อมูลคนส่วนมากที่หายตัวไป จะหายไปในช่วงเวลานี้
จิวโมไป๋เดินมาถึงทะเลสาบดอกบัว เขาหาที่ซ่อนตัว และใช้จิตสัมผัสตรวจสอบทั้งหมู่บ้าน เพื่อหาวิญญาณแค้นตัวนั้น
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะใช้จิตสัมผัสไปได้ไกล เขาก็พบชายในชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่หลังต้นไม้ห่างออกไปไม่ไกล
จิวโมไป๋หันไปหาอีกฝ่ายทันที
ฟงอี้เฟยรู้ตัวว่าถูกจับได้ เขาก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้อย่างช้าๆ บรรยากาศรอบตัวราวกับดาบที่อยู่ในฝัก สงบนิ่งถึงขีดสุด
ถ้าจิวโมไป๋ไม่ใช้จิตสัมผัสก็ไม่สามารถรู้ถึงตัวตนของฟงอี้เฟยได้
จิวโมไป๋ประหลาดใจกับท่าทางของอีกฝ่าย ราวกับคนละคนกับคนกับที่เขาเคยพบ
ในแววตาของฟงอี้เฟย ไม่มีความเย่อหยิ่งจองหองอีกต่อไป มีแต่ความสงบนิ่ง ราวกับผิวน้ำไร้ระลอก สงบจนน่ากลัว เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายจากอีกฝ่ายได้เลย
จิตสัมผัสของจิวโมไป๋ตรวจสอบร่างกายของฟงอี้เฟย เขาก็ต้องตกใจ เพราะร่างกายภายใต้เสื้อผ้า มีรอยแผลเป็นที่เกิดจากดาบนับไม่ถ้วน
ทุกรอยเป็นดาบที่อันตรายถึงชีวิต!
เพียงไม่กี่วันฟงอี้เฟยไปเจอกับอะไรมา ถึงเปลี่ยนให้กลายเป็นคนละคนได้?
“เพราะภารกิจ ฉันไม่สามารถพูดอะไรถึงตัวตนของนายได้”ฟงอี้เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับไร้ความรู้สึก ทุกๆก้าวที่เดินเข้ามา พลังกดดันไร้สภาพแผ่ขยายเหมือนดาบที่ค่อยๆดึงออกจากฝัก”ฉันจะไม่พูดอะไรอ้อมค้อม ฉันขอท้าประลองกับนายอีกครั้ง”
จิวโมไป๋มองเห็นความมุ่งมั่นของฟงอี้เฟยได้ เขาไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ถ้าเขาปฏิเสธอีกฝ่่ายจะตามต่อแยเขาไม่เลิกแน่
และเขายังอยากรู้ว่า เพียงไม่กี่วัน เกิดอะไรขึ้นกับฟงอี้เฟยกันแน่ พลังกดดันที่อีกฝ่ายแผ่ขยายออกมา มันอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลายไปแล้ว!
“ได้!”จิวโมไป๋ตอบตกลงทันที เขาก็อยากทดสอบความแข็งแกร่งของตัวเองหลังเลื่อนขั้นเช่นกัน ก่อนที่จะโยนพลองเงินไปด้านข้าง พลองเงินแทงลงไปยังกองน้ำแข็งที่เกาะกันอยู่ข้างทะเลสาบ และหยิบกระบี่อ่อนออกจากเอว
ฟงอี้เฟยเห็นดังนั้น นัยน์ตากลายเป็นคมกริบจ้องตรงไปยังจิวโมไป๋ไม่ละสายตา
มือขวาเลือนไปจับที่ด้ามจับดาบที่ถือมือซ้าย พลังกดดันอันแหลมคมพุ่งออกจากร่าง พัดกองน้ำแข็งที่แห้งอยู่บนพื้นให้แตกสลายเป็นชิ้นๆ
จิวโมไป๋ก็วาดกระบี่ชี้ไปยังฟงอี้เฟย ตั้งท่าเตรียมพร้อม
เกล็ดหิมะสีขาวค่อยๆตกลงมาอย่างช้าๆ ทั้งสองยืนประจันหน้ากันไม่มีใครขยับ ราวกับว่ารอให้ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวก่อน เกล็ดหิมะเล็กๆตกลงไปที่ปลายกระบี่อ่อน ก่อนที่จะถูกพลังกดดันที่ห่อหุ่มกระบี่อ่อนสลายกลายเป็นหยดน้ำตกลงไป
“ระวัง!”ฟงอี้เฟยร้องเตือน มือขวาที่จับด้ามดาบขยับเล็กน้อยเกิดเสียงดัง เกร็กเบาๆ
ฉัวะ! ในชั่วพริบตาร่างของจิวโมไป๋ก็เกิดรอยตัดขาดครึ่งตัว ร่างของฟงอี้เฟยโผล่อีกด้านของจิวโมไป๋ เขาเสียบดาบกลับลงไปที่ฝักดาบอย่างช้าๆ
หยดน้ำยังตกลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
ระยะที่ทั้งสองอยู่ห่างกันเกือบ 20 ก้าว แต่ฟงอี้เฟยพุ่งตัวและฟันในระยะนั้นในพริบตา!
ดาบไวที่ร้ายกาจ!
ร่างของจิวโมไป๋ที่ถูกฟันสลายหายไป ก่อนที่จิวโมไป๋จะปรากฏขึ้นอีกด้าน เขาหันไปมองฟงอี้เฟยที่หันกลับมาอย่างช้าๆ
จิวโมไป๋ตกใจอย่างมาก เพราะฟงอี้เฟยไม่ใช่อยู่ระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกปลายเท่านั้น
เขายังตระหนักกฎแห่งธาตุลมพื้นฐาน และวิชาดาบสายลมกรรโชกถึงระดับตระหนักรู้!
—