ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 232
บรรยากาศริมทะเลสาบดอกบัวกลายเป็นเงียบงัน สายลมหนาวเย็นพัดผ่านทำให้เสื้อคลุมของจิวโมไป๋โบกสะบัดไปมา
จิวโมไป๋จ้องไปยังฟงอี้เฟย รอคอยคำตอบ เขาไม่คิดว่าฟงอี้เฟยจะติดตามรับใช้ถวายชีวิตให้กับเขาจริงๆ อาจจะแค่ต้องการติดตาม เพื่อให้เขาสอนการฝึกตนเท่านั้น ในอดีตก็มีคนติดตามเขาแบบนั้นมากมาย
แต่ฟงอี้เฟยกับนิ่งเงียบมองตอบไม่หลบหนี สายตาแฝงไปด้วยความจริงจัง ยืนยันว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
จิวโมไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที ทำเป็นไม่สนใจ
ฟงอี้เฟยเห็นดังนั้นก็ใช้ความเร็วสูงหายไปนั่งคุกเข่าดักหน้า
“หลบไป!”จิวโมไป๋กล่าวเสียงแข็ง ในอดีตเขาจะเป็นเจ้าสำนัก มีผู้รับใช้จำนวนมาก แต่พวกเขาทำเพราะต่ำแหน่งหน้าที่ มันไม่ได้เป็นการรับใช้ขายชีวิตเหมือนฟงอี้เฟย
ฟงอี้เฟยเห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ยอมรับ เขาก็ไม่แปลกใจ ถ้าจิวโมไป๋รับปากทันทีเขาอาจผิวหวังเล็กน้อย เขาสูดลมหายใจก่อนจะโขกศีรษะอย่างแรงบนกองน้ำแข็ง ทำให้ใบหน้าฝั่งลงในกองน้ำแข็ง ก่อนจะยกศีรษะขึ้นใบหน้าเต็มไปน้ำแข็งที่ละลายเกาะใบหน้า
“นายท่านได้โปรดให้ผมได้ติดตามด้วย ผมต้องการที่จะติดตามนายท่านจริงๆ”
จิวโมไป๋มองไปที่ใบหน้าคนตรงหน้า ก่อนจะยิ้มเย็น
“พูดความจริงออกมา!”
ฟงอี้เฟยชะงัก สายตาหลุบลงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาและกล่าว
“กฎของตระกูลฟง ถ้าคนในตระกูลพ่ายแพ้ในการต่อสู้ตัวต่อตัวถึง 3 ครั้ง จะต้องสาบานตัวเป็นผู้ติดตามผู้ชนะตลอดชีวิต ไม่สามารถทรยศ หักหลัง เมื่อเจ้านายตกอยู่อันตรายจะต้องเอาชีวิตเข้าแลก
ถ้านายท่านไม่ยอมรับให้ผมติดตาม ผมจะต้องถูกขับออกจากตระกูล เพราะเป็นการเสื่อมเสียเกียรติของตระกูล”
จิวโมไป๋ได้ยินดังนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะหุบยิ้มลงและหันหลังเดินจากไปทันที
พ่ายแพ้แค่ 3 ครั้งถึงกับต้องติดตามรับใช้ผู้ชนะ เกียรติไร้สาระอะไร มันเป็นการขายศักดิ์ศรี เอาตัวรอดจากการขายหน้าชัดๆ
จิวโมไป๋ดูแคลนความคิดนี้
แต่เมื่อจิวโมไป๋เดินมา 3 ก้าว เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
ก่อนที่เขาจะเข้าหน่วยลับ ได้มีการกวาดล้างภายในครั้งใหญ่ ตระกูลฟงก็ถูกทำลายในช่วงเวลานั้น ข้อมูลเกี่ยวกับการกวาดล้างถูกเก็บเป็นความลับ ตำแหน่งของเขาไม่สามารถดูข้อมูลได้
เขาเคยสงสัยมาตลอดว่าตระกูลฟง ตระกูลโบราณที่เคยยิ่งใหญ่ ทำไมถึงถูกทำลายลงไปง่ายๆ ถ้าพวกเขาติดจะทรยศหน่วยลับหรือประเทศจริงๆ พวกเขาก็ต้องมีแผนสำรอง ไม่มีทางทุ่มหมดหน้าตักออกไปทั้งหมดอย่างแน่นอน
ถ้าจะบอกว่าตระกูลฟงในยุคปัจจุบันไม่มีคนฉลาดอยู่เลยมันก็อาจเป็นไปได้…
แต่ถ้าตระกูลฟงมีกฎไร้สาระแบบนี้อยู่จริงๆ เขาก็พบช่องทางบางอย่างที่จะดึงตระกูลฟงให้พบกับหายนะได้
ถ้าเป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ ตระกูลฟงก็น่าเห็นใจ เขาที่ใช้วิชาเกือบทั้งหมดที่ดัดแปลงมาจากวิชาของตระกูลฟง เขามีสายใยบางอย่างที่ผูกพันกับตระกูลฟง ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจ แต่เขาจะไม่รับใครมาเป็นทาสรับใช้!
ชีวิตของตัวเองจะต้องเดินด้วยตัวเอง
จิวโมไป๋ถอนหายใจก่อนจะจากไป
ฟงอี้เฟยเห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ยอมรับ เขาก็ไม่ไปข้างทางอีก เขาไม่ใช่ยอมแพ้ แต่ติดตามจิวโมไป๋อยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปใกล้เกินไปจนน่ารำคาญ
จิวโมไป๋ทำเมินเหมือนฟงอี้เฟยไม่มีตัวตน เขาเดินมาอีกด้านหนึ่งของทะเลสาบดอกบัว ในบริเวณนี่มีผู้คนคึกคัก ผิดกับอีกด้านที่ไม่มีใครเดินผ่านไปเลย จิวโมไป๋สังเกตเห็นกล้องวงจรติดที่หนาแน่น เขาก็กระโดดไปตามต้นไม้ โดยที่ผู้คนด้านล่างไม่รู้ตัว
ฟงอี้เฟยเห็นดังนั้นก็ซ่อนตัว ติดตามห่างๆ แต่ยิ่งเวลาผ่านไปจิวโมไป๋ก็ไกลขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีสัญญาณติดตามบนชุดคลุมทดสอบ เขาก็ไม่สามารถตามหาจิวโมไป๋ได้
และที่เขาไม่เข้าใกล้จิวโมไป๋เกินไป เพราะเขาไม่อยากให้จิวโมไป๋ถูกขับออกจากการทดสอบเพราะรู้จักกับผู้คุมสอบ
จิวโมไป๋เห็นว่าฟงอี้เฟยช้าลง ไม่ตามติดมากเกินไป เขารก็เบาใจ ออกสำรวจรอบๆทะเลสาบดอกบัวเพื่อหาวิญญาณร้าย
เขาเดินไปไม่นานจิตสัมผัสของเขา ก็พบกลุ่มลูกพลังงานกรรมชั่วสีดำปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ไร้ที่มาราวกับปรากฏขึ้นจากอากาศ เขาเพ่งการตรวจสอบไปทางนั้นทันที
ผีน้ำ
ใบหน้าของจิวโมไป๋พลันกลายเป็นจริงจัง ผีน้ำ เป็นวิญญาณแค้นที่ยากจะจัดการเกือบที่สุดของวิญญาณแค้นทุกตัว พวกมันส่วนมากจะมีอาณาเขตวิญญาณเกี่ยวกับการหลบหนีไปในน้ำ
ทำให้ยากที่จะจัดการ
ร่างของผีน้ำค่อยๆปีนขึ้นจากทะเลสาบดอกบัวอย่างช้าๆ เหมือนหนังสยองขวัญ บริเวณนั้นมีนักท่องเที่ยวชายหญิงที่ไม่รู้ว่ากำลังถูกเล่นงาน กำลังเดินเข้าใกล้ทะเลสาบดอกบัวมากขึ้นเรื่อยๆ
จิวโมไป๋ไม่รอช้าเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเต็มกำลังตรงไปทันที
อีกด้านหนึ่งของทะเลสาบดอกบัวชายหนุมจับมือนุ่มของแฟนสาว พาเธอไปยังจุดลับที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน ทำให้เขาและแฟนสาวสามารถแสดงความรักให้กันโดยไม่มีใครรบกวน
ดอกบัวตูมนับไม่ถ้วน ลอยอยู่บนผิวน้ำของทะเลสาบดอกบัว ไม่สนใจความหนาวเย็นของทะเลสาบ และทั้งๆที่อุณหภูมิติดลบ แต่ทะเลสาบยังไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง ทำให้เกิดภาพตัดท้องฟ้ากลางคืนสีดำ พื้นดินที่ปกคลุมหิมะสีขาว และทะเลสาบดอกบัวที่ใสสะอาด สะท้อนภาพบนล่างอย่างงดงามหมดจด
แม้ดอกบัวจะยังไม่บาน แต่ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“ที่รักตรงนี้ดีไหม ดูสิสามารถมองเห็นรอบๆได้โดยไม่มีใครมารบกวนพวกเรา”ชายหนุ่มยืดอกพูดให้หญิงสาวชื่นชม
“ที่รักสุดยอดมากเลย”หญิงสาวกล่าวชื่นชมตามน้ำไป เธอเคยอ่านบนความหนึ่งที่บอกสถานที่ลับตรงนี้เช่นกัน น่าจะเป็นบทความเดียวกัน แต่เธอไม่พูดทำลายจิตใจแฟนหนุ่มให้รู้สึกเสียหน้า
เธอกอดเอวแฟนหนุ่มแน่นและเขาก็จับที่ไหวของเธอ พวกเขาอิงแอบแนบชิดกัน ก่อนจะมองไปยังทะเลสาบเพื่อชื่นชมดอกบัว
แต่ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาขยับตัวผลักแฟนสาวไปด้านข้างทันที
“อันตราย!”
หญิงสาวถูกผลักกระเด็นออกไปไกล เพราะชายหนุ่มเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 เส้นเอ็นกลาง ความแข็งแกร่งของเขาไม่ธรรมดา
หญิงสาวกลิ่งไปบนกองหิมะทำให้เสื้อกันหนาวเปียกแฉะ เธอลุกขึ้นจากกองหิมะด้วยความโกรธ ที่เธอถูกผลักกระเด็นออกมาแบบนี้ ถ้าเธอไม่ได้อยู่ระดับขั้นที่ 3 เส้นเอ็นต้น เธอจะต้องบาดเจ็บหนักแน่
แต่เมื่อเธอยืนขึ้น เธอก็เห็นผู้หญิงร่างเตี้ย สูงเพียง 140 ซม. กำลังจับขาของแฟนหนุ่มของเธอด้วยแขนซ้ายและลากลึกลงไปยังทะเลสาบ บนตัวของชายหนุ่มถูกเส้นผมสีดำที่ยาวมากรัดแน่นจนขยับร่างกายไม่ได้
หญิงสาวตกตะลึง เธอมันใจว่าอีกฝ่ายไม่ใช้เด็กเป็นเพราะใบหน้าที่บิดเบี้ยวและเหี่ยวย่น เหมือนหญิงชรา ไม่เหมือนเด็กเลยซักนิดเดียว
“ปล่อยฉัน!”ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังลั้น พยายามดิ้นรนให้หลุดจากเส้นผม กลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียนเหมือนศพเน่า ทำให้เขาต้องกลั่นหายใจ
หญิงสาวเห็นว่าแฟนหนุ่มกำลังตกอยู่ในอันตราย เธอลืมความกลัวพุ่งไปช่วยทันที แต่เมื่อเธอเอื่อมมือออกไปจับที่ร่างของผู้หญิงร่างเตี้ย เธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ทั้งๆที่อุณหภูมิปัจจุบันก็หนาวเย็นอยู่แล้ว ก่อนจะได้สติเธอก็รู้สึกว่ามือของเธอ สัมผัสได้ว่าร่างของผู้หญิงร่างเตี้ยเปียกไปทั้งตัว และกลิ่นเหม็นเน่า ทำให้หญิงสาวรู้ตัวทันทีว่าผู้หญิงร่างเตี้ยตรงหน้าไม่ใช่คน
ใบหน้าเหี่ยวย่นของผีน้ำบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ บิดหัวหันขวับ 180 องศามาที่ร่างของหญิงสาว ก่อนที่ใบหน้าค่อยๆเละขึ้นอืดอย่างน่าสะพรึงกลัว พลังงานสีดำปกคลุมทั่วร่างทำให้ น่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิม
หญิงสาวกรีดร้องเสียงดังลั้นด้วยความกลัว แต่เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือที่จับผีน้ำ เพราะเธอรู้ว่าถ้าปล่อยให้แฟนหนุ่มถูกพาตัวไป เธอจะไม่มีวันได้พบเขาอีก
ผมยาวสีดำหยิกเปียกบนหัวผีน้ำก็ยาวขึ้น เข้ามาพัวพันร่างของหญิงสาว
เธอใช้มือที่วางพยายามตอบโต้ แต่เส้นผมไม่สนใจการโจมตี มันแยกออกและห่อหุ้มหมัด และเข้ารัดร่างจนทั่วตัว เธอใช้พลังกระชากเส้นผมให้หลุดออกจากตัว แต่ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆที่เธอมีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 เส้นเอ็นต้น
เธอเข้าใจทันที ด้วยความเหนียวของเส้นผม ไม่แปลกเลยที่แฟนหนุ่มของเธอหลบหนีออกมาไม่ได้
“บัดซบ! ปล่อยแฟนของฉัน!”ชายหนุ่มเห๋นว่าแฟนสาวถูกจับก็โกรธ พลังกดดันแผ่ขยายออกจากร่างหลอมรวมไปที่เท้า เขายกขึ้นถีบอย่างแรง จนร่างของผีน้ำสั่นไหว แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น
เส้นผมที่รัดร่างของชายหนุ่มพลันแน่นขึ้นจนบาดลึกลงไปในผิวหนัง
“อ๊าาากกก!”ชายหนุ่มกรีดร้องลั้น
“ที่รัก!”หญิงสาวร้องเสียงดังเธอดิ้นรนอย่างรุนแรง
หึ….หึ..หึ…..หึ ผีน้ำส่งเสียงร้องทำนองแปลกประหลาด ใช้มือขวาอีกข้างเอื่อมมาจับขาของหญิงสาวและลากร่างที่ไร้ทางสู้ของทั้งสองไปที่ทะเลสาบอย่างช้าๆ เหมือนกับกำลังเล่นสนุกให้ทั้งสองรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด
หญิงสาวร้องไห้ด้วยความกลัว
ชายหนุ่มตอนนี้เลือดไหลออกจากร่างจนน่ากลัว เขาร้องตะโกนขอร้องให้ผีน้ำปล่อยแฟนสาว
“ปล่อยแฟนของฉันไป และเอาฉันไปคนเดียว!”
แต่ผีน้ำเหมือนไม่ได้ยิน มันลากทั้งสองตรงไปอย่างช้าๆ ทั้งสองไม่สามารถขัดขวางได้เลย พวกเขาตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์
แต่ในขณะที่เหลือเพียงแค่ 1 เมตร ก่อนถึงทะเลสาบ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“ปล่อย!”
หญิงสาวและชายหนุ่มที่ถูกจับอยู่ตกใจ ก่อนที่คมกระบี่สีเงินจะพุ่งตรงไปยังแขนขวาของผีน้ำที่จับร่างของชายหนุ่ม
แต่ก่อนที่คมกระบี่จะถึงร่าง เส้นผมสีดำก็กลายเป็นโล่ป้องกัน คมกระบี่แทงเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย ไม่สามารถไปต่อได้ เส้นผมสีดำเหนียวแน่นจนน่ากลัวจริงๆ
ผู้ช่วยเหลือไม่รู้สึกผิดหวัง เธอควงกระบี่เบา ปลายกระบี่พลันห่อหุ้มด้วยพลังงานสีฟ้า เฉือนไปยังเส้นผม ตัดมันขาดได้อย่างไม่ยากเย็น
ผีน้ำเห็นดังนั้น พลังงานสีดำสั่นไหวด้วยความกลัว มันเหวี่ยงร่างของชายหนุ่ม ปล่อยให้กระเด็นไปชนกับแฟนสาว บังวีถีกระบี่ ก่อนจะกระโจนไปยังแม่น้ำ เพื่อหลบหนี
ผู้ช่วยเหลือ อยู่ในชุดสีดำทั้งตัวในมือถือกระบี่เงิน บนอกมีตราหมายเลข 1 ติดเอาไว้ เธอดึงกระบี่รั้งกลับ ก่อนจะใช่ท่าร่างเข้าไปดักหน้าผีน้ำ
แต่เส้นผมหยิกก็แผ่กระจายเป็นวงกว้างปกคลุมด้านบนทั้งหมด เข้าใส่ร่างของคนในชุดคลุมหมายเลข 1 ไม่เปิดช่องให้หลบได้
หมายเลข 1 มองอย่างใจเย็นกระบี่ฟันออกไปเป็นวงกลม คมดาบสีฟ้าเกิดเป็นคลื่นพลังอันแผ่วเบา ตัดเส้นผมทุกเส้นที่ขวาง เป็นเส้นตรงอย่างหมดจด
ก่อนที่คมกระบี่สีฟ้าอ่อนจะแทงออกไปอีกครั้ง ตรงกลางหัวของผีน้ำ
ผีน้ำสัมผัสได้ถึงอันตราย มันกรีดร้องเสียงแหลมพลังงานสีดำแผ่ขยายปกคลุมพื้นที่เกือบ 100 เมตร ในชั่วเวลานั้นเองร่างของผีน้ำพลันเลื่อนรางจมลงไปยังกองหิมะที่ละลายตั้งแต่เมื่อไหลไม่รู้ หลบคมกระบี่ไปในเสี่ยววินาที
หมายเลข 1 ชะงักด้วยความประหลาดใจ เธอไม่เคยได้ยินว่าวิญญาณจะมีลูกเล่นแบบนี้อยู่
ในชั่วเวลาที่ชะงัก ก็เผลอเปิดเผยจุดอ่อนออกมา
เส้นผมสีดำก็แทงขึ้นมาจากทะเลสาบ เข้ามัดขาของหมายเลข 1 ก่อนจะหมุนวนสบัดให้ร่างของหมายเลข 1 ไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง ทำให้สมองมึนงง ก่อนที่เส้นผมจะเข้าพัวพันร่างจนขยับไม่ได้
เพียงพริบตาเดียวหมายเลข 1 ก็พลาดท่า เขามีประสบการณ์ต่อสู้น้อยเกินไป ทำให้ประมาท พลาดท่าอย่างง่ายดาย และมันก็เป็นความผิดพลาดที่หมายถึงชีวิต
ร่างของหมายเลข 1 ถูกดึงลงแม่น้ำอย่างรวดเร็ว
คู่ชายหญิงที่ถูกช่วยก่อนหน้า จะเข้าไปช่วย แต่ก็ไม่ทัน ร่างของหมายเลข 1 ถูกดึงลงไปเรียบร้อยแล้ว
ตูม! หมายเลข 1 ตกลงไปในน้ำที่เย็นเฉียบ ร่างกายไร้ความรู้สึกไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในอันตราย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไร ได้แต่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเองด้วยชีวิต
ก่อนที่สติจะดับลง ก็มีคลื่นพลังอันมหาศาลบดขยี้ผิวน้ำจนระเบิดอย่างรุนแรง
ตูม!
นำในทะเลสาบดอกบัวลอยขึ้นสูงกว่า 15 เมตร จนผู้คนที่อยู่ใกล้หรือไกลต่างก็มองเห็น
ร่างของหมายเลข 1 ลอยตามคลื่นน้ำพุ่งขึ้นไปด้านบน จนหลุดออกมาลอยอยู่กลางอากาศ พร้อมกับร่างของผีน้ำที่กำลังดึงเส้นผมของตนออกจากร่างของหมายเลข 1 เพื่อหลบหนี
แต่มันก็ช้าไป
พลองสีเงินก็ฟาดเปรี้ยงไปที่หัวของผีน้ำอย่างรุนแรง พาร่างของหมายเลข 1 ที่ยังถูกพันอยู่ลอยกระเด็นไปด้วย
ทั้งสองตกไปบนพื้นที่ปกคลุมด้วยหิมะ
ผีน้ำใบหน้าถูกทำลายไปครึ่งหัว แต่มันไร้ความเจ็บปวด สบัดร่างของหมายเลข 1 ออกไป ก่อนจะกรีดร้องใช้พลังงานสีดำสร้างอาณาเขตวิญญาณเพื่อหลบหนี
จิวโมไป๋ยิ้มเย็น พลองสีเงินกระแทกไปที่อาณาเขตวิญญาณจนแตกกระจาย
ผีน้ำกรีดร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด อาณาเขตวิญญาณคือส่วนหนึ่งของวิญญาณ ถ้ามันถูกทำลาย เจ้าของก็จะรู้สึกเจ็บปวด
จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาอีก พลองสีเงินหมุนควงด้วยความเร็วสูง ฟาดเปรี้ยงไปที่หัวอีกครั้งจนแตกกระจาย
ผีน้ำหมดสภาพต่อสู้
จิวโมไป๋ไม่สนใจผีน้ำอีก เขาเดินไปตรวจอาการของหมายเลข 1 โชคดีที่ตกลงไปในน้ำเย็นไม่นาน ทำให้ไม่เกิดอันตราย
หมายเลข 1 รู้ว่าจิวโมไป๋เดินกลับมา ก็ลืมตาขึ้นและกล่าวเสียงเบา
“ขอบคุณ”
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ถ้าตอนสุดท้ายคุณไม่ประมาท ก็สามารถเอาชนะได้ด้วยตัวเอง ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ฉันเป็นคนมาทีหลังและยังแย่งคะแนนของคุณอีก”จิวโมไป๋โบกมือ
หมายเลข 1 ส่ายหัวเบาๆ
“ถ้าไม่ได้คุณ ฉันก็ตายแล้ว”
ทั้งสองพูดผลักกันไปมา
คู่รักหนุ่มสาวที่ยังอยู่ก็มองทั้งสองสลับไปมา
เวลาผ่านไปเล็กน้อย จิวโมไป๋ที่กำลังพูดกับหมายเลข 1 ก็ ชะงักหยุดลง ก่อนจะหันไปมองที่ศพผีน้ำ แววตาฉาบแววสงสัย ก่อนที่เขาจะเดินไปยังศพของผีน้ำ
หมายเลข 1 เห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นและเดินตามหลัง
จิวโมไป๋มองไปยังศพผีน้ำที่ยังไม่สลายหายไป ก่อนจะยกพลองสีเงินขึ้นมาทุบไปยังผิวศพ จนบี้แบน
นัยน์ตาของเขาก็หดลงด้วยความผิดหวัง ก่อนจะเหลือบมองไปยังหมายเลข 1
“ดูเหมือนว่าเจ้านี้จะเป็นแค่ร่างแยก ภารกิจยังไม่จบ”
—