ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 259
จิวโมไป๋วาดมือคลายข่ายอาคมลง ร่างของเสี่ยวหงค่อยๆวางลงที่พื้นอย่างเบามือ มันก็ลืมตาขึ้นทันทีที่สัมผัสพื้น ดวงตาอสรพิษเปล่งประกายเต็มไปด้วยสติปัญญา
เสี่ยวหงไม่รอช้าพุ่งเข้ามารัดจิวโมไป๋อย่างออดอ้อน เมื่อมันพัฒนาร่างความเหนื่อยล้าทั้งหมดของมันก็หายไป ในตอนนี้ร่างกายของมันคึกคักเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
จิวโมไป๋ถูกเสี่ยวหงรัดจนขยับไม่ได้ แรงรัดของงูไม่ธรรมดาจริงๆ
“เสี่ยวหง! ปล่อยก่อน เราจะต้องออกเดินทางแล้ว”
เสี่ยงหงคล้ายตัว ก่อนที่มันจะรัดแขนของจิวโมไป๋แต่มันก็ทำไม่สำเร็จ เพราะขนาดของมันใหญ่และยาวขึ้น สุดท้ายมันต้องจำใจพันที่เอวของจิวโมไป๋หลายรอบ ก่อนจะเลื่อยส่วนหัวมาพลันแขนซ้ายอีกที และหลับตานอนหลับไปทันที
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็พูดไม่ออก ทำไมสัตว์เลี้ยงของเขามีแต่ตัวขี้เกียจก็ไม่รู้ ยังดีที่มีเสี่ยวหวงที่ขยัน ซื่อสัตย์ และทำงานหนัก
จิวโมไป๋ตรวจสอบข้าวของ ก่อนจะวาดฝ่ามือข่ายอาคมทั้งหมดพลันหายไป ก่อนที่เขาจะกระโดดออกจากถ้ำ มือขวาถือพลองเหล็ก เขามองไปยังทิศทางหนึ่งก่อนจะเดินตรงไป
โอเอซิส
รอบโอเอซิสล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ทะเลทราย ปกคลุมพื้นที่โอเอซิสเพียงแห่งเดียวในบริเวณนี้ สีเขียวคล้ำตัดกับสีส้มเหลืองของทะเลทรายอย่างชัดเจน ใต้ต้นไม้พุ้มเตี้ยมีร่มเงาทับ ร่างชายในชุดคลุมสีเทาทั้งห้าคนกำลังทำที่พักอยู่
“น่าเบื่อ! เมื่อไหร่มันจะมาซะที!”ชายร่างใหญ่พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ต้องมาทำงานแบบนี้ เขาเป็นถึงนักศึกษาที่แข็งแกร่งอันดับ 1 ของเมืองเทียนยี้ แม้ว่าเมืองเทียนยี้จะเป็นเมืองระดับ 3 แต่เขาที่สามารถคว้าชัยชนะอันดับ 1 จากนักศึกษาทั้งหมดของเมืองมาได้ เขาก็ต้องมีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา แต่น่าเสียดายที่เขาได้เขาเป็นคนของนายน้อยเย่ว์ เขาไม่สามารถมีชีวิตเป็นของตัวเองได้อีก
แม้จะทำใจไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่สบอารมณ์อยู่ดี เขาอยากจะรีบสร้างผลงานเพื่อไต่เต้า ไม่ได้เป็นคนกิ๊กก๊อกทำงานแบบนี้
“พักก่อนเถอะครับ คุณชายฮัง บริเวณนี้มีโอเอซิสที่นี่เพียงแห่งเดียว เป้าหมายจะต้องผ่านทางนี้เท่านั้น ถึงจะมีน้ำให้ทาน แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มาพักที่โอเอซิส พักข้างนอก เรี่ยวแรงของเขาจะต้องหมดลงแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะได้ประหยัดแรง ไม่ต้องออกแรงให้เสียพลังงาน”ชายร่างเล็กพูดอย่างชาญฉลาด
ฮังคงฉานพยักหน้ารับอย่างช้วยไม่ได้ เขากอดอกนั่งพิงต้นปาล์มและกล่าวสั่ง”ดูเข็มทิศด้วย ถ้าเป้าหมายเปลี่ยนเส้นทาง เราจะได้รู้ตัว”
ชายล่างเล็กเห็นดังนั้นก็นั่งรออย่างเงียบเฉียบ
คนอื่นๆก็นั่งรอทำตามคำสั่ง พวกเขาที่สามารถเขารับการทดสอบเข้าหน่วยลับได้ จะต้องมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง แต่โชคร้ายที่ทรัพยากรและตระกูลของพวกเขาอ่อนแอ กว่าคนอื่น ทำให้ต้องติดตามเป็นคนรับใช้
บนต้นปาล์มสูงไม่ไกลนัก ชายในชุดคลุมร่างผอมเพรียวนั่งอยู่บนก้านต้นปาล์ม ซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบไม่สุงสิงกับใคร สายตาคมกริบมองออกไปราวกับว่ากำลังมองอะไรบางอย่างอยู่
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนท้องฟ้าค่อยๆมืดลง อากาศผันเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว อุณหภูมิลดต่ำฉับพลันอยู่ที่ 0 องศา
จิวโมไป๋ค่อยๆเดินอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ ทรายบนพื้นไม่ทำให้การเดินของเขายากลำบาก ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำ ดวงดาวและดวงจันทร์บนท้องฟ้า ทำให้เกิดภาพหมู่ดาวอันงดงาม ดวงดาวนับไม่ถ้วนมองดูเหมือนอยู่ใกล้มากจนสามารถสัมผัสได้
จิวโมไป๋เงยหน้าดื่มด่ำชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามราวกับรูปวาด เขาค่อยๆตกลงไปในห้วงคำนึง ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขาได้ชื่นชมทิวทัศน์เช่นนี้ เขานึกย้อนกลับไปในอดีต เขาก็จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อไหร่
อาจจะก่อนที่เขาต้องสูญเสียครอบครัว หลังจากนั้นเขาไม่เคยใช้ตามองทิวทัศน์อีกเลย จิตใจของเขาหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น หลังจากแก้แค้นเขาก็ยังไม่สนใจทิวทัศน์ใดๆเลย เขาสนใจแต่แก้ปัญหาที่อยู่ในใจ
เขาเสียโอกาสในการชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามเช่นนี้ไปมากมายขนาดไหน
อยู่ๆจิวโมไป๋ชะงักเท้าและยืนนิ่ง ก่อนจะจับสัมผัสที่หน้าอกซ้ายบริเวณหัวใจ
“เกิดอะไรขึ้น”เขากระซิบแผ่วเบา เขาตรวจสอบ เสียงหัวใจของเขายังคงเต้นดังปกติ
จิวโมไป๋ถอนหายใจช้าๆ คิ้วขมวดโดยไม่รู้ตัว เขารู้ตัวเองดีว่าไม่ได้เป็นคนที่จะสามารถทำตัวปลอดโปร่ง ปล่อยวางทุกสิ่ง เพื่อชื่นชมสรรพสิ่งได้เช่นนี้ เขารู้ว่าตัวเองเป็นคนยึดติดอย่างลึกล้ำ
จิตมารทั้งสองในใจของเขา ก็ล้วนเกิดจากความยึดติดที่เป็นนิสัยของเขา แม้ว่าเขาจะแก้ไขจิตมารความรู้สึกผิดไปได้ แต่จิตมารความผิดบาปก็ยังคงฝังลึกอยู่ในใจ และมันไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ
ดังนั้นเขาไม่มีทาง ที่จะรู้สึกปล่อยวางได้แบบนี้
หรือเป็นเพราะจารึกอันนี้ จิวโมไป๋ขมวดคิ้วแน่น เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ ก็ไม่พบความผิดปกติ เขาไม่ชอบความไม่รู้ หรือคาดเดาไม่ได้ เพราะมันอาจส่งผลทำให้เกิดความผิดพลาดได้
หลังจากกลับไปเขาต้องศึกษาจารึกอันนี้อย่างละเอียด
จิวโมไป๋ถอนหายใจก่อนจะเดินต่อ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาวอีกครั้ง ในครั้งนี้เขาใช้ตาตัวเองมองทิวทัศน์ มันเป็นความรู้สึกของตัวเองไม่มีอะไรบังคับ
“งดงามจริงๆ”จิวโมไป๋ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวกับตัวเอง
“ทำตัวปล่อยวางบ้างก็คงไม่เสียหาย”
ในทะเลสติ ดอกบังพิสุทธิ์ล่องลอยอย่างสงบเงียบเชียบ แต่ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าแสงสีขาวบริสุทธิ์บนกลีบดอกบัวสีขาว มีลวดลายอักขระโบราณสีเงินอ่อนแกะสลักอย่างบางเบาจนแทบมองไม่เห็น
จิวโมไป๋เดินอย่างช้าๆ ผ่านทะเลทรายที่เริ่มมีไอหมอกสีขาว เพราะอุณหภูมิที่ติดลบ จิตสัมผัส 5 กิโลเมตรของเขาก็พบกับโอเอซิสโดดเดียว ภายในมีกลุ่มคนกำลังล้อมวงรอบกองไฟ
จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ประหลาดใจ เพราะเขาคิดอยู่แล้วว่า อีกฝ่ายจะดักรอที่โอเอซิส
เขาตรวจสอบคนทั้ง 6 อย่างละเอียด เอาก็อดประแปลกใจไม่ได้ พวกเขามีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกปลาย 1 คน ขั้นที่ 5 กระดูกกลาง 1 คน และขั้นที่ 5 กระดูกต้น 4 คน
จิวโมไป๋ยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าหมายเลข 5 จะประเมินตัวเขาไว้สูงจริงๆ
จิวโมไป๋เดินตรงไปยังโอเอซิสอย่างช้าๆ แม้อีกฝ่ายจะเป็นอัจฉริยะขั้นที่ 5 กระดูกทั้งหมด เขาก็ไม่รู้สึกลำบากอะไร ในตอนนี้ประสบการณ์ต่อสู้ของเขาก้าวหน้ามากแล้ว แม้เขาจะอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในกลาง แต่เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการทั้งหมดได้
แต่ยังไม่ทันทีเขาจะเดินไปถึง จิตสัมผัสของเขาก็พบคนๆหนึ่งซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปไม่ถึง 500 เมตร!
วิชาซ่อนตัวระดับสูง!
จิวโมไป๋ไหวตัว ก่อนจะเพ่งจิตสัมผัสไปตรวจสอบ เขาก็พบว่าเป็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้มตัว หลบหลังเนินทรายซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบ
หมายเลข 1!
เขารู้สึกตกใจกับทักษะการซ่อนตัวของหญิงสาวอย่างมาก มันเกือบซ่อนตัวจากจิตสัมผัสของเขาได้แล้ว แม้เขาจะไม่ได้ใช้จัตสัมผัสตรวจสอบอย่างจริงจัง แต่การซ่อนตัวหลบรอดไปได้ มันแสดงให้เห็นว่า ทักษะซ่อนตัวของหญิงสาวมันไม่ธรรมดาเลย
จิวโมไป๋ค่อยๆเคลื่อนตัวไปใกล้หญิงสาว เมื่อใกล้จะถึง เขาส่งเสียงเล็กน้อยให้เธอได้ยิน
หญิงสาวหันควับมาแย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเป็นจิวโมไป๋กำลังเข้าใกล้ เธอก็เบาใจ เธอยังไม่รู้ตัวว่าถูกค้นพบแล้ว หญิงสาวค่อยๆถอยหลังอย่างช้าๆ และค่อยๆเข้ามาใกล้จิวโมไป๋
เธอโผล่ออกมาหลังเนินทะเลทรายให้จิวโมไป๋เห็น จิวโมไป๋หันไปพยักหน้าให้ หญิงสาวพยักหน้าตอบและขยับมีส่งสัญญาณเรียก
จิวโมไป๋ค่อยๆเคลื่อนตัวไปหา
ในตอนนี้เขาอยู่ห่างจากโอเอซิสเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้าทำอะไรไม่ระวัง อีกฝ่ายสามารถมองเห็นได้
พวกเขาทั้งสองมาซ่อนหลังเนินทราย
“ฉันไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะพบกันเร็วแบบนี้”หญิงสาวกล่าวทักทาย
“ฉันคิดว่าจุดส่งตัวห่างกันไม่มากนัก พวกเราเลยมาเจอกัน”จิวโมไป๋กล่าวหน้าตาย
หญิงสาวรู้ว่าจิวโมไป๋พูดส่งๆไป เธอก็ไม่กล่าวอะไรนอกเรื่อง เธอชี้ไปยังโอเอซิสและกล่าว
“ฉันดูพวกเขามาหลายชั่วโมงแล้ว พวกเขามาถึงที่โอเอซิสตั้งแต่ก่อนเที่ยง และปักหลักอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน ในระหว่างที่ฉันเฝ้าดู มีผู้เข้าทดสอบหลายคนเข้าไป พวกเขาก็ถูกจัดการจนหมด ถูกตัดสิทธิ์แพ้ไปทันที ฉันคิดว่าพวกเขากำลังดักเก็บคะแนนแน่ๆ”หญิงสาวพูดที่ตัวเองคิด
“การปล่อยตัวจะเป็นแบบสุ่ม ทำให้ไม่มีทางที่จะมีคนจับกลุ่มกันเดินทางได้อย่างรวดเร็ว ถ้าเข้าไปคนเดียว พวกเขาก็ต้องถูกจัดการ แม้ว่าจะเป็นสองหรือสามคน ก็แทบไม่ต่างกัน”จิวโมไป๋กล่าว
“จากที่ฉันเฝ้าดู พวกเขา 6 คนน่าจะอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกทั้งหมด พวกเราแค่สองคนไม่สามารถเอาชนะได้แน่ แต่จะผ่านโอเอซิสไปทางอื่นเลยมันก็ไม่ได้ ถ้าไม่มีน้ำพรุ่งนี้เราจะต้องหมดแรง กว่าจะหาโอเอซิสอีกแห่ง มันคงยากแน่ๆ”หญิงสาวถอนหายใจ เธอมองไปยังกลุ่มคนที่นั่งรอบกองไฟ เธอสงสัยว่าทำไมผู้แข็งแกร่งขั้นที่ 5 กระดูก ทั้ง 6 คนถึงมารวมตัวกันได้
จิวโมไป๋ได้ยินก็ลอบพยักหน้าชื่นชม ที่หญิงสาวสามารถพบตัวคนที่ซ่อนบนต้นปาล์มซ่อน อีกฝ่ายซ่อนตัวอย่างแนบเนียน ถ้าสายตาและความรู้สึกไม่แหลมคม ไม่มีทางหาเจอแน่
“ฉันคิดว่า พวกเรารอดักคนที่กำลังเดินทางมา และชวนให้พวกเขาเข้าร่วมกลุ่ม รอให้มีคนมากพอเราค่อยไปโจมตีโอเอซิส แม้จะเกิดความสูญเสีย แต่อย่างน้อย เราก็สามารถกระจายความเสียหายไปได้”หญิงสาวเสนอแผนของเธอทันที
“ทำไมเธอถึงมั่นใจว่าฉันจะเข้าร่วม และจะไม่หักหลัง”จิวโมไป๋ถามหยั่งเชิง
“ฉันมั่นใจในสายตาของตัวเอง ถ้าฉันเลือกผิดก็ต้องโทษตัวเอง ที่สายตาไม่ได้เรื่อง”หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จิวโมไป๋เผยรอยยิ้มหลังผ้าคลุม ก่อนจะยื่นมือออกมา
“ฉันจิวโมไป๋ เมืองเทียนซู”
“ฉันหลิวยี้เอิน เมืองเทียนโจว”หญิงสาวยิ้มและจับมือของจิวโมไป๋และเขย่าเบาๆ เป็นการทำสัญญาร่วมมือกัน
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะชะงักค้างไปเล็กน้อย
“เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ”เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
หลิวยี้เอินเอียงคอเล็กน้อย ด้วยความสงสัย ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง
“ฉันหลิวยี้เอิน เมืองเทียนโจว”
—