ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 270
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนถึงตอนดึก พวกเขาเลือกพักกลางแจ้งไม่มีเต็นท์พวกเขาก็ขุดหลุมลงไปครึ่งเมตรเพื่อบังลมและลงไปนั่งในหลุม ตรงกลางก่อกองไฟเล็กๆ
เขต 3 ไม่มีสภาพอากาศสุดขั่วเหมือนเขต 1 พวกเขาไม่จำเป็นต้องก่อกองไฟขนาดใหญ่
ดวงจันทร์เสี้ยวค่อยๆลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงดาวเต็มท้องฟ้า จิวโมไป๋ถอนหายใจด้วยความชื่นชมความงดงามล่ำค่า
หลิวยี้เอินก็มองไปยังหมู่ดาวเช่นกัน นัยน์ตาของเธอเหมือนกำลังเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
จิวโมไป๋ก็ไม่อยากรบกวน เขามองหมู่ดาวและชื่นชมด้วยตัวของเขาเอง
แต่ในตอนนั้นเอง ก็บางอย่างดังขึ้นจากที่ห่างออกไปไม่ไกล พวกเขาทั้งสองสบตากันเล็กน้อย ว่าจะไปดูหรือไม่
ก่อนที่จะตัดสินใจออกไปดู
เวลาเดียวกัน
ปัง! ร่างในชุดคุลมชนเข้ากับต้นไม้อย่างรุนแรงจนหักครึ่ง เฉินหูทะยานร่างมาใกล้ก่อนจะหมุนตัวถีบอย่างแรงจนอีกฝ่ายสลบไม่มีโอกาศได้พูด
วูบ!เสียงแหวกอากาศดังขึ้นจากด้านหลัง
เฉินหูไม่คิดอะไรก้มตัวลงคว้าก้อนหินที่อยู่พื้น ก่อนจะม้วนตัวหลบการโจมตีและขว้างก้อนหินไปด้านหลัง
ผัวะ!
“อ๊าก”ร่างใหญ่ในชุดทรุดตัวลงพื้นมือกุมจุดสำคัญที่หวางขา เฉินหูไม่รู้สึกผิดเลยเขาม้วนตัวหลบการโจมตีอีกครั้ง
ปัง!
ตรงที่เขาเคยอยู่ถูกแข็งเหล็กฟาดอย่างแรง ชายร่างผอมพุ่งตามมาติดๆ
เฉินหูกัดฟันพุ่งหลบไปอีกด้าน เขาวนเวียนอยู่เขต 2 ไม่สามารถออกไปได้ เพราะคนในชุดคลุมดักไว้ทุกทาง
“พวกแกเป็นใครกันแน่!”เฉินหูคำรามขณะที่เท้ายังคงวิ่งสุดแรง
เขาเป็นแค่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย แค่คนในชุดคลุมร่างผอมที่ไล่ตามเขาคาดว่าน่าจุอยู่ขั้นที่ 6 โลหิตต้น เขาไม่มีทางสู้ได้เลย แม้แต่หลบหนียังเป็นไปได้ยาก อีกฝ่ายใกล้เข้ามาติดๆ
แต่เขายังวิ่งไปไม่ถึงไหน ด้านหน้าของเขาก็มีคนในชุดคลุมโผล่มาขวางอีก 2 คน
“อีกแล้วเหรอ!”เฉินหูร้องคำราม กล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาพลันบีบอัดเป็นมัดกล้ามอันทรงพลัง กฎแห่งธาตุทองห่อทุ้มทั่วร่าง เขาบุกปะทะตรงๆไม่หลบหนี เขาในตอนนี้เหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่อันทรงพลัง ร่างของเขาพุ่งชนชายในชุดคลุมที่ขวางทาง
โครม! เสียงปะทะกันดังสนั่น คลื่นพลังกวาดไปโดยรอบ
ร่างของเฉินหูกระเด็นกลับไป ก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมา สายตาของเขาพร่ามัวเล็กน้อย เขามองไปยังร่างในชุดคลุมอย่างไม่เต็มใจ เขาเห็นเงาอวาตาลกระทิงสีน้ำตาล สูง 5 เมตร พ่นควันสีขาวออกจากรูจมูก ก่อนที่สติของเขาจะดับไป…
จิวโมไป๋กับหลิวยี้เอินพากันมาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง พวกเขาก็เห็นคนในชุดคลุม 4 คนกำลังไล่ล่า คนในชุดคลุม 1 คน
สังเกตุได้อย่างชัดเจนว่าคนในชุดคลุม 1 คนที่กำลังหนีอ่อนแออย่างมาก และเสียคลุมของเขามีเส้นสีเขียวที่ไหล่
“ผู้ทดสอบเข้าหน่วยวิจัย”หลิวยี้เอินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น”จิวโมไป๋แกล้งถามขณะที่ใช้จิดสัมผัสตรวจสอบ
“การทดสอบเข้าหน่วยลับจะจัดขึ้นพร้อมกัน และมีสองหน่วยที่เข้าทดสอบคือ หน่วยนักรบที่เราเข้าทดสอบ และหน่วยวิจัย”หลิวยี้เอินอธิบาย
“หน่วยนักรบ เดินผ่าน 3 เขตใน 7 วัน และต้องต่อสู้แย่งชิงเข็มทิศ สำหรับหน่วยวิจัย พวกเขาจะถูกปล่อยที่เขต 3 พวกเขาต้องไปสำนักงานภายใน 7 วัน พวกเขาไม่มีการแข่งขันแย่งชิงคะแนนเหมือนพวกเรา…”
“รีบไปช่วยเขาเร็ว คนในชุดคุลมพวกนั้นไม่ใช้ผู้ทดสอบ”จิวโมไปพูดจบก็ลงไปทันที
หลิวยี้เอินรีบตามลงไป…
หลี่ฟูจิว หอบอย่างหนัก ขาของเขาวิ่งต่อไปเรื่อยๆ จนมันส่งเสียงเหมือนจะหักทุกเมื่อ
‘อย่าหยุด วิ่งต่อไป อย่าหยุด…’เขาร้องตะโกนในใจให้กำลังใจตัวเองไม่หยุด เขายังคงวิ่งต่อไป สติจะหมดลงทุกเมื่อ
เขาไม่เคยหนื่อยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เขามีความฝันว่าจะเป็นนักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุด เขาทุ่มเททุกอย่างให้กับการปรุงยา ในที่สุดเขาก็สามารถเป็นนักปรุงยาในตอนที่เขาอายุเพียง 20 ปี
ชื่อเสียงที่เขาจะได้รับ มันจะทำให้เขาได้รับโอกาสมากมายในอนาคต
แต่ความฝันทุกอย่างก็จบลง เมื่อมีคนอายุน้อยกว่าเขา เป็นนักปรุงยาก่อนหน้าเขาเพียงไม่ถึง 1 วัน
เขาไม่แม้แต่จะได้รับความรู้สึกอยู่ในจุดสูงสุดด้วยซ้ำ
เมื่อพบความผิดหวัง เขาก็ได้แก้ไขตัวเองใหม่ ความเย่อหยิ่งหายไป เขาใช้ความพยายามทั้งหมดในการเรียนรู้เพิ่ม เพราะเขายังมีโอกาสที่จะเป็นนักปรุงยาระดับ 2 ที่อายุน้อยที่สุดอยู่
ความหวังได้กลับมาอีกครั้ง
และเขาก็ได้รับโอกาสให้เขาหน่วยลับ ถ้าเขาได้เข้าหน่วยลับ เขาจะมีโอกาสได้อ่านงานวิจับโอสถมากมาย ความรู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขามีโอกาสที่จะเป็นนักปรุงยาระดับ 2 ที่อายุน้อยที่สุดจริงๆ!
โอกาสนี้เขาไม่มีทางพลาดไปได้!
แต่ในเวลานี้ความหวังของเขาใกล้จะมอดดับลงอีกครั้ง
หมับ! มืออันทรงพลังคว้าที่ปกชุดคลุมด้านหลัง
“หยุดวิ่งได้แล้ว ร่างกายของนายอ่อนแอเกินไป ฉันไม่สามารถกะพลังได้ ถ้าฉันทำนายพิการ พวกเราจะสูญเสียครั้งใหญ่”
หลี่ฟูจิวดิ้นสู้สุดกำลัง เขาไม่ยอมถูกจับ
ผัวะ!
“หยุดดิ้นได้แล้ว น่ารำคาญจริงๆ”ชายในชุดคลุมยกมือกลับ
หัวของหลี่ฟูจิวสะบัดไปอย่างแรง เขาอยู่ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อต้น และเขาพึ่งพาโอสถไม่ได้ฝึกฝน เขาจึงอ่อนแออย่างมาก ชายที่ตบเขาอยู่ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย แม้จะผ่อนแรงมากแค่ใน มันก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้
สติเริ่มพร่ามัว แต่เขาใช้พลังใจทั้งหมดพยายามไม่ให้ตัวเองสลบ ถ้าสลบเขาจะไม่มีโอกาสได้หนี!
หลี่ฟูจิวพยายามเรียกสติตัวเอง แต่ความเจ็บปวดมันกระทบถึงสมอง เส้นประสาทของเขาถูกกระทบอย่างแรง แม้จะมีพลังใจ มันก็ช่วยไม่ได้มากนัก
ในระหว่างที่สติกำลังจะดับลง น้ำตาแห่งความเสียใจก็ไหลออกมา
เขาไม่รู้ว่าถูกจับไปจะเป็นยังไง แต่ที่เขารู้แน่ๆคืออิสภาพทุกอย่างจะหายไปหมด เขาไม่มีทางเป็นอิสระอีกเลย
เขาจะสลบไม่ได้!
ในชั่วคาบเกี่ยวระหว่างจะสิ้นสติ สมองของเขาก็สั่นไหวอย่างนุ่มนวล ก่อนที่พลังงานบางอย่างจะไหลทะลักไปทั่วสมอง ก่อนที่จะไหลไปตามเส้นประสาทของร่างกาย ภาพที่พร่ามั่วกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเขาใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นพลองเหล็กพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ภาพที่เขาเห็นเป็นเหมือนภาพช้า
ตูม!
พลองเหล็กกระแทกใส่ร่างของชายในชุดคลุมคนที่ตบเขาอย่างแรง จนอีกฝ่ายกระเด็นไปไกล
ก่อนที่ชายในชุดคลุมผู้เข้าทดสอบ จะกระโดดมาหยิบพลองเหล็กและเดินเข้ามาถาม
“เป็นอะไรหรือเปล่า?”
หลี่ฟูจิวไม่สามารถตอบอะไรได้ และในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าเขาไม่กี่ปี ภายใต้ผ้าคลุมที่ปกปิดมิดชิดอย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่เขาจะสลบไป
จิวโมไป๋มองไปยังร่างของหลี่ฟูจิวที่สลบ ด้วยแววตาประหลาดใจ ที่อีกฝ่ายสามารถปลุกพลังวิญญาณได้
เขาไม่คิดเลยว่าจะพบผู้ปลุกพลังวิญญาณ 2 คน ในการทดสอบ
ก่อนที่เขาจะหันไปมอง คนที่ใส่ชุดคลุมเหมือนผู้เข้าสอบ แต่เข้าใช้จิตสัมผัสตรวจสอบแล้ว อายุของพวกเขาไม่ใช้ผู้ทดสอบอย่างแน่นอนและเขายังสัมผัสได้ว่าพวกเขามีร่างกายที่ดูแปลกประหลาด พลังผันผวนไม่แน่นอน จนเขาไม่สามารถวัดระดับพลังได้
“หลบไป! อย่ามายุ่งกับภารกิจของพวกเรา ถ้าไม่อยากให้ครอบครัวของแกต้องเดือดร้อน”หนึ่งในสามของชายในชุดคลุม เดินมาก่อนที่พลังกดดันอันแข็งแกร่งจะแผ่กระจายออกจากร่าง
ขั้นที่ 6 โลหิต ต้น
จิวโมไป๋คาดเดาความแข็งแกร่งได้ทันที
แต่ในตอนนั้นเอง ด้านหน้าของชายในชุดคลุมก็มีอวตารกอลิล่าสูง 5 เมตร ปรากฏตัวขึ้น
เป็นไปไม่ได้!
จิวโมไป๋ตกตะลึง
—-