ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 287
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
ภายในห้องขนาดเล็กไม่ถึง 5 ตรม. ล้อมรอบไปด้วยกระจกทึบที่ไม่สามารถมองผ่านไปอีกด้าน ตรงกลางห้อง บนเตียงเหล็กมีร่างของชายหนุ่มร่างกายเปลือยเปล่า แขนขาทั้งสี่ถูกจับล๊อคด้วยเหล็กหนา บนร่างมีสายตรวจจับร่างกายนับร้อยเกาะทั้วร่าง
ผิวหนังของชายหนุ่มขยับสั่นเป็นลูกคลื่นอย่างผิดธรรมชาติเป็นระยะๆ บางครั้งเร็วบางครั้งช้า ทุกๆครั้งที่ร่างกายสั่น ชายหนุ่มจะอ้าปากกว้าง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ดวงตาสองข้างมีสีแดงก่ำดูราวสัตว์ร้าย
อีกด้านนอกห้องกระจก มีกลุ่มคนในชุดขาว กำลังเฝ้ามองไปยังร่างที่กำลังทุกข์ทรมานด้วยความตื่นเต้น
“การหลอมรวมผ่านระยะ 50%”เสียงผู้ช่วยสาวที่กำลังดูหน้าจอโฮโลแกรมกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ชายชราผมขาวทั้งหัว บนใบหน้ามีแว่นตากระจกสีชา เขามองไปยังตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็น 50% เขาก็พยักหน้าช้าๆสีหน้าเรียบเฉย แต่ไม่สามารถซ่อนแววตาที่สั่นระริกด้วยความตื่นเต้นได้”วัตถุทดลองนี้ เป็นคนแรกที่สามารถผ่านการหลอมรวมได้ถึง 50 % รีบไปตรวจสอบเลือดและ DNA ของเขาอีกครั้ง และรีบเริ่มสร้างร่างโคลนนิ่ง 5 ตัว สามารถใช้ยาและอาหารเสริมระดับ S ได้ ทำให้เสร็จภายใน 6 เดือน ถ้าร่างกายของเขาไม่สามารถทนได้ เราจะใช้ร่างโคลนนิ่งในการวิจัย แม้ว่าจะไม่เหมือนร่างหลัก แต่อย่างน้อยก็สามารถเปรียบเทียบความก้าวหน้าของการวิจัยได้”
“ครับหัวหน้า”ผู้ช่วยชายที่ยืนอยู่ข้างๆรับคำสั่ง รีบไปออกจากห้องไปทันที
“หัวหน้าจิง ถ้าการทดลองนี้สำเร็จ คุณจะสามารถเปิดเส้นทางพันธุกรรมใหม่ ที่เหนือกว่าการวิจัยอื่นๆ มันเป็นประโยชน์แก่องค์กรอย่างมาก ด้วยผลงานที่หัวหน้าจิงทำ การได้รับ‘เลือดแห่งพระเจ้า’จะอยู่แค่เอื่อมเท่านั้น”ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆพูดยกย้อง แต่แววตาไม่สามารถซ่อนความริษยาได้
“ฮ่าๆ อีกไม่นาน”หัวหน้าจิงไม่สนใจสายตาของชายวัยกลางคนแม้แต่น้อย ความคิดของเขาร่องลอยไปถึง’เลือดแห่งพระเจ้า’ พร้อมมองลงไปที่แขนที่เหี่ยวย่น
ถ้าเขาได้รับ’เลือดแห่งพระเจ้า’เขาจะสามารถย้อนคืนชีวิต กลับเป็นวัยหนุ่มหลังจากนั้น เขาก็จะเริ่มบ่มเพาะพลัง ด้วยวิธีพันธุกรรมที่เขาสร้าง ไม่นานเขาก็จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และจะสามารถแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจิงกลับมาได้!
นัยน์ตาที่ซ่อนอยู่หลังแว่นสีชาเป็นประกายโหดเหี้ยม
ในห้องกระจก
เฉินหูอ้าปากร้องคำรามไร้เสียง เขาถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดติดต่อกันเกือบ 1 วัน จนเสียงของเขาหายไป เขาอยากจะกรีดร้อง แต่ก็ทำได้เพียงได้แต่อ้าปากกว้าง สีหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด แรงจะดิ้นก็หมดไป
ภายในตำหนักยุทธ พยัคฆ์ทองคำ 8 เนตรอันเลือนลางดิ้นไปมาและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ตำหนักยุทธสีทองแตกร้าวไปทั่วทั้งหลัง
บนเสาทั้ง 4 ต้นมีแสงสีทองปนส้มจางๆ แสงสีทองส้มบิดเบี้ยวเป็นลวดลายคล้ายเสือที่มี 9 หัว ทุกครั้งที่แสงสีทองส้มขยับจะยิ่งเกิดร้อยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ
ทะเลปราณด้านล่างบ้าคลั่งปั่นป่วน เมฆสีทองแดงบนท้องฟ้าหมุนวนอย่างรุนแรง ภายในทะเลสติร้าวกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อ ถ้าไม่มีแก่นพฤกษาพันปี ทะเลสติคงแตกเป็นเสี่ยงๆไปนานแล้ว
เฉินหูใกล้จะหมดสติได้ทุกเมื่อ แต่เขาก็ยังฝืนไม่ให้หมดสติ เพราะเขารู้ว่าถ้าเขาหมดสติไป เขาจะไม่สามารถลืมตาได้อีก
เขายังไม่อยากตาย!
เฉินหูร้องคำรามในใจอย่างบ้าคลั่ง ในตอนนั้นเองภายในหัวนับร้อยๆผุดขึ้นมา ทุกภาพเป็นความทรงจำที่ดีในชีวิตของเขาทั้งหมด
นี่มันภาพก่อนตาย!
เฉินหูพยายามสะบัดหัวที่อ่อนแรงเพื่อเรียกสติ
เขายังตายไม่ได้!
แต่ความเจ็บปวดอีกระรอกก็เกิดขึ้น เฉินหูอ้าปากค้างอีกครั้ง ความรู้สึกทุกอย่างเริ่มพร่ามัว
ในชั่วเวลานี้เอง เขาพลันนึกถึงลูกของเขาในท้องของเย่จื่อปิง ในตอนนั้นสติที่พร่ามัวก็กลับมา
เขาฝืนตัวเอง พยายามใช้จิตสัมผัสอีกครั้ง จิตสัมผัสของเขาแผ่ขยายออกไปดูหลังกระจกป้องกัน ลอบดักฟังที่คนชุดขาวด้านนอกพูดกัน
แม้ว่าเขาจะอยู่ขั้นทองแดงต้น ใช้จิตสัมผัสได้แค่ระยะ 10 เมตร แต่เพราะห้องที่เขาถูกขังเป็นห้องเล็กๆไม่กว้างนัก ทำให้สามารถใช้จิตสัมผัสไปดูหลังกระจกได้
หลังจากเฝ้าดูมา 1 วัน เขารู้ว่า เขากำลังถูกวิจัยด้วยกลุ่มคนที่บ้าคลั่ง พวกเขาฉีดสายเลือดพยัคฆ์ทองคำ 9 หัวเข้าไปในร่างของเขา เพื่อหลอมรวมเข้ากับสายเลือดที่แปลกประหลาดในร่างของเขา
พยัคฆ์ทองคำ 9 หัว เป็นสัตว์ร้ายจากยุคโบราณ เขาไม่รู้ว่ากลุ่มคนชุดขาวได้สายเลือดนี้มาได้ยังไง แต่จากที่ได้ฟัง สายเลือดพยัคฆ์ทองคำ 9 หัว มีพละกำลังอันมหาศาลและมันยังเป็นสัตว์โบราณที่มีการกลายพันธุ์ของกฎแห่งธาตุทองและไฟ กลายเป็นกฎแห่งธาตุที่เหนือกว่ากฎแห่งธาตุทั่วไป น่าเสียดายที่แม้แต่คนในชุดขาวก็ไม่รู้ว่าเป็นกฎแห่งธาตุนั้นคืออะไร
หลังจากเฝ้ารอโอกาสที่จะหลบหนีมา 1 วัน สติของเขาก็ไม่สามารถประคองไว้ต่อได้ ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาใช้จิตสัมผัสเพื่อเฝ้ารอโอกาส
ปี๊ดดดด เสียงสัญญาณแหลมยาวร้องดังขึ้น
กลุ่มคนในชุดขาวนิ่งไปครู่หนึ่ง
“ตรวจสอบ! มีการบุกรุก!”หัวหน้าจิงได้สติ เขาก็ตะโกนเตือนสติคนอื่นๆ
กลุ่มคนในชุดขาวได้สติพวกเขาก็วิ่งวุ่นไปยังหน้าจอโฮโลแกรมอีกด้าน ที่มีระบบเชื่อมต่อกับกล้องเฝ้าระวัง
ในเวลาเดียวกันเฉินหูที่เห็นโอกาส เขาไม่รอช้า เขานึกถึงเคล็ดวิชาเอาตัวรอดจากสถานะการต่างๆที่จิวโมไป๋เคยสอน
ในตอนนั้นเองกระดูกข้อมือและกระดูกข้อเท้าที่ถูกล็อค ก็หดลงเล็กลงในชั่วพริบตา ในตอนนั้นเอง เฉินหูก็ดึงแขนขาออกจากล๊อคเหล็ก
เมื่อได้อิสระเขาข่มความเจ็บปวด ลุกจากเตียงวิ่งไปยังประตู เขาเพ่งสมาธิใช้จิตสัมผัสไปที่เครื่องแสกนจากฝั่งด้านนอก จากนั้นใช้พลังวิญญาณเปิดประตู
เมื่อประตูเปิด เฉินหูก็ออกจากห้องขัง แววตาสีแดงเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว เขาไม่รอช้าพุ่งเข้าไปโจมตีนักวิจัยชุดขาวทันที
…
ปัง! จิวโมไป๋เตะไปที่ร่างของผู้คุมกันจนกระเด็นไปยังประตูที่กำลังจะเปิด ผู้คุ้มกันจากอีกห้องกำลังเข้ามาพอดี ร่างผู้คุ้มกันที่ถูกเตะพุ่งชนผู้คุมกันล้มหลายคน
ลู่หว่านกระโดดผ่านร่างของจิวโมไป๋ใช้ท่าร่างอันแยบยน เหยียบไปที่ผู้คุ้มกันที่ล้มลงจนหมดสติ
จิวโมไป๋ตามไปติดๆ
ผู้คุ้มกันจากอีกห้อง ไม่เสียสมาธิเหมือนผู้คุ้มกันห้องแรก พวกเขาถอยหลังทิ้งระยะห่าง ก่อนที่พลังกดดันอันแข็งแกร่งจะแผ่กระจายออกจากร่าง ก่อนที่อวตารสัตว์หลากชนิดจะปรากฏตัวขึ้น
ลู่หว่านไม่ตกใจที่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 สามารถใช้อวตารได้ เธอพุ่งเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว เธอฟาดฝ่ามือออกไปเกิดคลื่นลมสีเขียวอ่อนกระแทกคนทั้งหมดจนกระเด็นไม่สามารถตั้งตัวได้
จิวโมไป๋ที่ตามมาเข้าไปโจมตีคนที่ล้มลง
ทั้งสองคนผสานการต่อสู้ด้วยกันอย่างลงตัว ราวกับเคยร่วมต่อสู้ด้วยกันมาหลายครั้ง
ลู่หว่านประหลาดใจ แต่เธอก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหว พุ่งผ่านไปห้องอีกห้อง
ในตอนนี้ห้องที่ 3 ผู้คุ้มกันจากห้องที่ 4 และ 5 ได้รวมตัวกัน 12 คน ทุกคนต่างเรียกอวตารเงาสัตว์หลากชนิดออกมารอไว้ก่อนแล้ว
จิวโมไป๋ใช้ท่าร่างผ่านร่างของลู่หว่าน เขาปรากฏตัวข้างเงาอวตารหมาป่า และชกหมัดออกทำลายอวตารหมาป่าจนแตกกระจาย ร่างของเจ้าของอวตารกระอักเลือดด้วยความเจ็บปวด
อวตารนกอินทรีกรีดร้องและเหินร่างเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนเกิดคลื่นฉีกอากาศอย่างน่ากลัว
ลู่หว่านเหินร่างเข้าขวาง ก่อนที่จะหมุนตัวกลางอากาสเตะร่างอวตารนกอินทรีให้พุ่งไปทางด้านผู้คุ้มกันที่กำลังป้องกันประตูไปห้องที่ 4
ด้วยความเร็วของอวตารนกอินทรี เมื่อรวมกับแรงเตะของลู่หว่านความเร็วของมันก็เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว ร่างของมันพุ่งชนผู้คุ้มกันและอวตารที่ขวางอยู่จนแตกพ่าย
จิวโมไป๋พุ่งเข้าไปจัดการคนทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
“40 วินาที”ลู่ว่านพูดกับจิวโมไป๋ก่อนที่จะไปอีกห้อง
จิวโมไป๋พยักเข้าใจที่ลู่หว่านบอก พวเขาไปห้องต่อไปพร้อมกัน
แต่ในตอนนี้ห้องที่ 4 มีคนของห้องที่ 6 7 8 ร่วมกัน 18 คนและอวตารยืนขวางเต็มห้องเล็กๆจนแน่น
จิวโมไป๋เห็นดังนั้น เขาก็ตรงเข้าไปโจมตีโดยไม่ลังเล แต่ก่อนที่จะผ่านลู่หว่านเขากระซิบเสียงเบา
“สายฟ้า”
จิวโมไป๋เข้าไปโจมตีอวตารสัตว์ที่ขวางเบื้องหน้าอย่างรุนแรง เสียงปะทะดังสนั่น
ลู่หว่านเห็นว่าการต่อสู้ถูกจิวโมไป๋ดึงดูดความสนใจ เธอก็ลอบโยนลูกเหล็กสีเงินลอดผ่านขาของอวตาร ไปยังเท้าของกลุ่มผู้คุ้มกัน
ในเวลานั้นเองจิวโมไป๋ก็กระโดดขึ้นกลางอากาศ
เปรี้ยะ! เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ก่อนที่ผู้คุ้มกันและสัตว์อวตารจะตัวสั่นระริก
ในชั่วพริบตานั้นเอง จิวโมไป๋หมุนตัวกลางอากาสใช้แรงหมุนพุ่งตกไปอยู่ตรงหน้าเหล่าผู้คุ้มกัน ก่อนจะโจมตีทันที
ลู่หว่านกระโดดผ่านอวตารสัตว์เข้าโจมตีผู้คุ้มกัน สายตาของเธอลอบมองจิวโมไป๋ด้วยแววตาครุ่นคิด
เมื่อจัดการจนหมดพวกเขาก็ไปอีกห้อง
น่าแปลกที่ไม่มีผู้คุ้มกันอยู่ พวกเขามองผ่านหลังกระจก เห็นว่ามีผนังเหล็กขวางเอาไว้ทั้ง 3 ด้าน
พวกเขาไปเปิดประตูเขาก็พบว่ามีพนังเหล็กปิดอยู่
“กระจกสร้างจากวัตถุดิบพิเศษ มันสามารถทดแรงระเบิดนัก 1 ตันได้ วิธีที่จะผ่านมีทางเดียวผ่านผนังเหล็กนี้เข้าไป”ลู่หว่านกล่าวอย่างเรียบเฉย ก่อนที่เธอจะยกมือขวาที่สวมถุงมือขึ้น แสงสีทองปกคลุมทั้วฝ่ามือพร้อมกับรัศมีพลังขยายไปที่ผนังเหล็ก
จิวโมไป๋ชะงักตกใจ เขาไม่แปลกใจที่ลู่หว่านใช้กฎแห่งธาตุทองได้ แต่ที่เขาตกใจคือเธอสามารถใช้รัศมีพลังได้ แสดงว่าหญิงสาวฝึกวิชาต่อสู้ถึงระดับเจตจำนง!
ลู่หว่านไม่สนใจท่าทางของจิวโมไป๋ นิ้วทั้งห้าของเธอแนบชิดเรียงกัน พลังสีทองห่อหุ้มนิ้วมือและมือจนเป็นสีทองเข้ม คลื่นพลังอันแหลมคมแผ่กระจายออกมา เหมือนมีดอันแหลมคม ก่อนที่เธอจะวาดฝ่ามือด้วยความเร็ว ในชั่วพริบตาเดียวเธอก็เก็บฝ่ามือลงอย่างช้า ในเวลาเดียวกัน ผนังเหล็กที่แข็งแกร่งทนทาน ก็ถล่มลงกลายเป็นชิ้นๆเหมือนลูกเต๋า
จิวโมไป๋เผลอกลืนน้ำลาย เขาสังเกตเห็นว่ากฎแห่งธาตุทองของลู่หว่าน ได้พัฒนาไปถึงระดับเมล็ดแห่งกฎ!
—