ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 301
จิวโมไป๋เดินออกจากมุมมืดและโบกมือช้าๆ เงาร่างของวิญญาณหญิงไร้หน้าพลันเลือนรางก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นวิญญาณสาวชุดขาว ในตอนนี้ร่างวิญญาณของเธอไม่มีร่องรอยบาดแผลสุดท้ายจากการตายหลงเหลืออยู่ เธอดูเหมือนผู้หญิงธรรมดาที่มีใบผิวขาวซีดเท่านั้น
วิญญาณสาวยืนนิ่งไร้อารมณ์
จิวโมไป๋ถอนหายใจหยิบแผ่นยันต์ขึ้นมาก่อนจะกล่าว
“กลับมาอยู่ในนี้ก่อน เมื่อถึงเวลาฉันจะพาไปหาจิงมู่ไท่”
เมื่อได้ยินชื่อของจิงมู่ไท่ ใบหน้าไร้ความรู้สึกก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาดำมืดมีกลิ่นอายอาฆาตแฝงอยู่บางเบา
จิวโมไป๋สังเกตเห็นอารมณ์ด้านลบของวิญญาณสาว แต่เขาก็ไม่พูดอะไร ขยับแผ่นยันต์เบาๆ ร่างของวิญญาณสาวก็กลายเป็นเงาเลือนลางก่อนจะพุุ่งเข้าไปในแผ่นยันต์
จิวโมไป่มองไปยังร่างของจิงมู่หยานที่หมดสติ ก่อนที่เขาจะก้มลงไปกดกำไลข้อมือของอีกฝ่าย เขาทำการแฮ็กข้อมูลที่บันทึกอยู่ในกำไลข้อมือ น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรอยู่ในกำไลข้อมือเลย เขาจึงใส่โปรแกรมดักจับข้อมูลลงไปและซ่อนมันในส่วนลึกของหน่วยเก็บข้อมูล ก่อนจะปิดกำไลข้อมือ
จิวโมไป๋ยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเปิดกำไลข้อมือของตัวเอง จากนั้นเขาก็รายงานสถานะการของภารกิจส่งไปให้หน่วยมังกรซ่อน
เขาพิมพ์ข้อความรายงานว่า ในระหว่างเฝ้าระวัง มีกลุ่มคน 16 คน ได้เข้ามายังสถานที่ภารกิจและพบกับสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายวิญาณ พวกเขาถูกมันทำร้าย เขาจึงเข้าไปช่วยเหลือ และเขาก็สามารถกำจัดสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายวิญญาณได้ แต่กลุ่มคนที่เข้ามาได้ถูกทำร้ายจนหมดสติ
เมื่อส่งรายงานภารกิจเสร็จ จิวโมไป๋ก็เปิดกำไลข้อมือของตัวเอง ก่อนจะเปิดบันทึกภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ที่กลุ่มคนกำลังวิ่งขึ้นลงอาคารอย่างไร้สติ ในภาพพวกเขาวิ่งขึ้นลงแล้วย้อนกลับมายังชั้นเดิมซ้ำๆหลายสิบรอบ ช่วงสุดท้ายมีร่างของวิญญาณไร้หน้าปรากฏตัวขึ้น ก่อนที่ภาพเคลื่อนไหวสุดท้ายจะจบ คนที่กำลังบันทึกภาพกำลังวิ่งไปช่วยเหลือ และการบันทึกก็จบลง
จิวโมไป๋ส่งบันทึกภาพเคลื่อนไหวไป จากนั้นเขาก็จับคอเสื้อของจิงมู่หยานและพาเข้าไปรวมกลุ่มกับคนที่เหลือ ที่นอนไม่ได้สติที่ชั้น 8 ของอาคาร จากนั้นเขาก็ยืนรอ
เวลาผ่านไปไม่ถึง 2 นาที ก็มีรถตู้สีดำขับมาจอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นคนในชุดคลุม 3 คนก็ลงจากรถตู้ พวกเขาเข้ามาในอาคาร ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงชั้นที่ 8
ชายในชุดคุลมสีฟ้าเหลือบมองจิวโมไป๋ที่ยืนอยู่ เขาไม่พูดอะไรกับจิวโมไป๋เลยซักคำ เขาเดินไปตรวจสอบร่างกายของจิงมู่หยาน
จิวโมไป๋ก็ยืนนิ่งไม่พูดอะไรเช่นกัน เขาสัมผัสได้ถึงความโกรธแค้นเจือจางจากร่างของอีกฝ่ายได้ เขามั่นใจว่าคนในชุดคลุมสีฟ้าเป็นคนของตระกูลจิง
ในระหว่างเวลาต่อมาชายในชุดคลุมอีก 2 คนก็เดินขึ้นมาพร้อมกัน
ชายในชุดคลุมสีเขียวเดินเข้าหาจิวโมไป๋แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น?”
จิวโมไป๋ตอบตามที่เคยรายงานไป พร้อมกับเปิดภาพเคลื่อนไหวที่เขาบันทึกให้ชายในชุดคลุมสีเขียวดู
ชายชุดสีเขียวฟังจบก็หันหลังกลับโดยไม่พูดอะไรกับจิวโมไป๋อีก จากนั้นเขาและชายในชุดคลุมสีเหลืองอีกคน ก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบโดยรอบ
ชายชุดคลุมสีฟ้าไม่สนใจคนอื่นที่บาดเจ็บ เขาตรวจสอบจิงมู่หยาน เมื่อพบว่าจิงมู่หยานแค่หมดสติเพราะความกลัวไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต เขาก็เบาใจ เขายืนขึ้นก่อนจะหันมามองจิวโมไป๋ด้วยแววตาไร้ความรู้สึก ก่อนจะหันกลับไป และไปตรวจสอบอาคารกับคนอื่นๆ
พวกเขาทิ้งจิวโมไป๋ให้ยืนรอ โดยไม่สั่งงานหรือบอกอะไรเลย
เห็นการกระทำของทั้งสาม จิวโมไป๋ก็ไม่แปลกใจนัก เพราะระบบการทำงานของหน่วยมังกรซ่อนเป็นแบบนี้ เขาเป็นแค่นักรบฝึกหัด มีหน้าที่แค่เฝ้าระวัง ไม่มีสิทธิ์ในการตรวจสอบหรือทำอะไร เมื่อเจ้าหน้าที่ของหน่วยเข้ามาถึงสถานที่ภารกิจ เขาจะต้องถอยห่างจากสถานที่ภารกิจทันที
ที่เขายังยืนอยู่ได้ เพราะเขาเข้าช่วยเหลือเหยื่อ ทำให้เขาสามารถเข้าร่วมภารกิจได้ ด้วยการยกเว้นพิเศษ
แต่ก็มีกฎที่ไม่พูดอยู่ว่า นักรบฝึกหัดสามารถเข้าร่วมภารกิจได้ก็จริง แต่เจ้าหน้าที่ของหน่วย จะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆกับนักรบฝึกหัด พูดง่ายๆก็คือถ้าจะเข้าร่วมภารกิจจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง โดยไม่มีใครช่วยเหลือ
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ ถ้านักรบฝึกหัดเข้าร่วมภารกิจ เมื่อสำเร็จภารกิจรางวัลจะถูกแบ่งให้กับผลงานของนักรบฝึกหัดที่เข้าร่วมด้วย
ไม่แปลกที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยจะไม่พอใจ
จิวโมไป๋ยืนรออยู่ครู่หนึ่ง ก็มีเสียงรถพยาบาลดังมาจากด้านล่าง
การตรวจสอบก็เสร็จสิ้นพอดี
เจ้าหน้าที่ของหน่วยมังกรซ่อนทั้ง 3 เดินผ่านจิวโมไป๋โดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่จากบรรยากาศที่แผ่ออกมาจากร่างของทั้ง 3 พวกเขาไม่พอใจจิวโมไป๋อย่างมาก
จิวโมไป๋ยิ้มไม่พูดอะไร เขาจบภารกิจด้วยตัวคนเดียว รางวัลภารกิจเป็นของเขาคนเดียว ไม่แปลกเลยที่ทั้งสามคนจะโกรธ
ติ้ง! กำไลข้อมือของเขาส่งเสียงร้องแผ่วเบา จิวโมไป๋ก้มลงไปดู เป็นข้อความรายงานการสำเร็จภารกิจ
เขาได้คะแนนพิเศษ 45 คะแนนภารกิจ และ 30 คะแนนเครดิต เขาได้รางวัลเพิ่ม 15 เท่าจากรางวัลปกติ
จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็กน้อย โดยไม่รอให้ทีมแพทย์สนามขึ้นมา เขาลงอาคารจากอีกด้าน
กลับถึงโรงแรมIL จิวโมไป๋ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทิ้งตัวลงนอนข้างเสี่ยวหงที่นอนขดตัวดู TV อยู่บนเตียง
เช้าวันต่อมา
จิวโมไป๋บอกลาเนี่ยฟูหาน เขาและเสี่ยวหงขึ้นรถโดยสาร ไปลงที่อาคารหน่วยมังกรซ่อน ก่อนจะขึ้นเครื่องบินล่องหนกลับไปที่สำนักงานของหน่วยมังกรซ่อน
เมื่อเครื่องบินลงจอด จิวโมไป๋ก็ตรงไปที่พื้นที่แลกคะแนน
ระหว่างทางเดินไปจนถึงห้องแลกคะแนน ตามทางเดินว่างเปล่าไร้ผู้คน ในเวลานี้นักรบฝึกหัดทุกคนกำลังออกไปทำภารกิจ ทำให้ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่ของนักรบฝึกหัดเลย
ไปถึงห้องแลกคะแนน มีเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่เวลาในการแลกคะแนนเครดิตจะหมด ทำให้เขาตัดการใช้ห้องกลั่นออกไป เขาจึงไปที่ห้องแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชา อุปกรณ์และวัตถุดิบ
เขาไปที่ห้องแลกเปลี่ยนวัตถุดิบอย่างไม่ลังเล เมื่อเดินเข้าไปก็มีทางแยกไปยังวัตถุดิบประเภทต่างๆ เขาตัดสินใจเข้าไปในห้องแร่ก่อนเป็นอย่างแรก
ภายในห้องแร่ มีชั้นวางแร่ประเภทต่างๆจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ ตามคุณภาพ ความหายาก และคะแนนเคดิตที่ต้องการแลกเปลี่ยน
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบว่ามีแร่ดีๆหรือไม่
น่าเสียดายแร่ที่อยู่ที่นี่เป็นแร่คุณภาพต่ำ แร่พวกนี้ยังมีคุณภาพน้อยกว่า แร่ที่ขายในร้านศาลาศิลาหยกด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋เสียใจเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว หน่วยมังกรซ่อนคงไม่ปล่อยของดีๆมาให้นักรบฝึกหัดแลกไปได้ง่ายๆอยู่แล้ว
จิวโมไป๋เดินไปจนถึงกลางห้อง สายตาของเขาก็ไปสะดุดเข้ากับ ก้อนโลหะสีแดงขนาด 3 นิ้วที่วางอยู่บนชั้น เขาเดินไปหยิบมัยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาตรวจสอบอย่างละเอียด มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว
โชคของเขาดีจริงๆ!
เขาไม่คิดเลยว่าจะได้พบโลหะพิภพที่นี่
โลหะพิภพมีความแข็งแกร่งทนทาน เหนือกว่าโลหะเหล็กกล้าหลายสิบเท่า แต่เพราะความแข็งแกร่งของมัน ทำให้ยากที่จะเปลี่ยนรูป
แต่ด้วยคุณสมบัติพิเศษของมัน ทำให้ปรมาจารย์หลอมศาตราทุกคน ต้องยอมเสียพละกำลัง เพื่อแปรรูปโลหะพิภพอย่างช่วยไม่ได้
คุณสมบัติพิเศษของโลหะพิภพคือ ช่วยสร้างความสมดุลให้กับกฎแห่งธาตุ
โดยปกติแล้วอาวุธระดับมนุษย์ขึ้นไป จะมีคุณสมบัติของกฎแห่งธาตุแฝงอยู่ไม่มากก็น้อย และอาวุธทั้งหมดจะมีคุณสมบัติธาตุอยู่เพียงธาตุเดียว
เพราะยิ่งมีกฎแห่งธาตุมากกว่า 1 ธาตุขึ้นไป โอกาสในการหลอมอาวุธจะมีความสำเร็จน้อยลงอย่างมาก ระดับความสำเร็จจะน้อยกว่า 1 ส่วน 100 ด้วยซ้ำ
ถ้าเป็นปรมาจารย์หลอมศาตราที่แข็งแกร่งโอกาสสำเร็จจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่มากนัก
การใช้อาวุธธาตุ ถ้าผู้ใช้กฎแห่งธาตุชนิดเดียวก็สามารถใช้อาวุธธาตุเดียวได้ไม่ผิดอะไร
แต่สำหรับผู้มีพรสวรรค์ 2 ธาตุขึ้นไป มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่สามารถแสดงออกมาได้ถึงขีดสุด
ถ้าไม่สามารถหาอาวุธที่มีคุณสมบัติ 2 ธาตุขึ้นไปที่ตรงกับคุณสมบัติธาตุของตัวเอง พวกเขาก็จะใช้อาวุธ 2 ชิ้น ที่มีคุณสมบัติของธาตุแยกกัน ตรงกับคุณธาตุของผู้ใช้ หรือใส่เครื่องประดับที่มีคุณสมบัติธาตุ
แต่มันก็ไม่สามารถดึงความแข็งแกร่ง ออกมาได้เท่าอาวุธชิ้นเดียวที่มีคุณสมบัติธาตุตรงกับผู้ใช้อยู่ดี
อาวุธที่มีคุณสมบัติธาตุมากกว่าสองธาตุขึ้นไป จึงกลายเป็นที่ต้องการของผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง
โลหะพิภพ ที่สามารถเพิ่มโอกาสในการหลอมศาตรา 2 ธาตุขึ้นไปได้ ทำให้ราคาของมันสูงเสียดฟ้า เพียงแค่ขนาดชิ้นเล็กๆ ราคาของมันพอๆกับสมบัติระดับปฐพีด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋มองโลหะพิภพ ขนาด 3 นิ้วด้วยความตื่นเต้น ในการหลอมศาตราจะใช้เพียงส่วนเล็กๆของโลหะพิภพเท่านั้น โลหะพิภพ ขนาด 3 นิ้วตรงหน้า เขาสามารถสร้างอาวุธได้ 20 ชิ้นโดยไม่มีปัญหา
จิวโมไป๋ดูราคาของมันอยู่ที่ 50 เครดิต เขาก็เบาใจ เขามี 103 เครดิต สามารถแลกมันได้ ไม่รอช้าเขาแลกมันทันที จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องสมุนไพร เขาใช้คะแนนเครดิตที่เหลือทั้งหมดแลกสมุนไพรออกมา
—-