ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 304
จิวโมไป๋จำเหตุการณ์วิญญาณ’หมู่บ้านซ่อนหา’ได้ เขารู้ที่อยู่ของวิญญาณแค้นตัวนั้นว่าอยู่ที่ไหน เขาจึงไม่พลาดโอกาสที่จะได้รับกรรมชั่วนี้ไป เขาตอบรับคำเชิญเจ้าอาวาสหงหมิงอย่างไม่ลังเล
“ผมจะไป”
“อมิตาพุทธ ขอบคุณโยมที่ช่วยเหลือ อีก 2 วัน โยมไปพบอาตมาที่…”เจ้าอาวาสหงหมิงพยักหน้า และแจ้งสถานที่นัดพบ ก่อนที่เขาจะค่อยๆเดินลงจากอาคารไป
จิวโมไป๋เดินกลับบ้าน จิตสัมผัสของเขายังพบว่าศิษย์ของเจ้าอาวาสหงหมิงยังเฝ้าคุ้มครองครอบครัวของเขาอยู่ เขาก็เบาใจเดินเข้าบ้าน
2 วันต่อมา
จิวโมไป๋เช่ารถ พาจิวเสวี่ยเหม่ยไปที่สาขาสำนักผีเสื้อดารา มันตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆตรงเขตรอบนอกเมืองเทียนซู ระยะทางไม่ไกลจากบ้านของเขานัก ขับรถไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงที่หมาย
เมื่อพวกเขาไปถึง เตี๋ยเสวี่ยเจียวและเตี๋ยงมู่หลงก็รออยู่ที่ทางขึ้นสำนัก
เตี๋ยเสวี่ยเจียววิ่งเข้าหาจิวเสวี่ยเหม่ยด้วยความดีใจ และมองจิวโมไป๋ด้วยความเขินอาย จิวโมไป๋ยิ้มให้เด็กสาว ไม่สนใจลุงของเธอที่ส่งกลิ่นอายอันตรายออกมา
พวกเขาพากันเดินขึ้นสำนักไปพร้อมกัน
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบก็พบค่ายกลนับสิบชนิดปกคลุมรอบสำนัก ค่ายกลพวกนี้สามารถขัดขวางผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกลงไปได้อย่างไม่มีปัญหา
จิวโมไป๋ก็เบาใจเล็กน้อย
เตี๋ยมุ่หลงอธิบายระเบียบและกฎของสำนักให้พวกเขาฟัง
สำนักสาขา ไม่ได้แบ่งแยกระดับของศิษย์เหมือนสำนักหลัก ศิษย์ทุกคนสามารถเข้าเลือกเคล็ดวิชาในตำหนักตำราได้ทั้งหมด ไม่มีขีดจำกัดในการฝึกฝน
การแข่งขันระหว่างศิษย์ภายในสำนักสาขาจะมีไม่มากนัก ศิษย์จะต่างคนต่างฝึกไม่ยุ่งเกี่ยวกัน จะมีการแข่งขันที่หนักที่สุดก็คือการประลองจัดอันดับทุกๆ 3 เดือน เพื่อที่จะได้จัดสรรทรัพยากรบ่มเพาะพลัง หรือรับสิทธิ์ในการเข้าไปเป็นศิษย์สำนักหลัก
แม้ว่าจะไม่สนใจที่จะเข้าสำนักหลัก แต่การที่อันดับน้อย ทรัพยากรที่ได้ก็จะน้อย โดยเฉพาะอันดับล่างๆแทบจะไม่ได้อะไรเลย
การประลองนี้จึงเป็นการแข่งขันที่ศิษย์สาขาทุกคนไม่อยากพ่ายแพ้
จิวโมไป๋ได้ฟังก็พยักหน้าเล็กน้อย เหตุผลที่เขายอมให้จิวเสวี่ยเหม่ยเข้าสำนักผีเสื้อดารา โดยไม่สอนด้วยตัวเอง ก็เพราะว่าเขาต้องการให้จิวเสวี่ยเหม่ยเผชิญหน้ากับการแข่งขันระหว่างศิษย์ของสำนัก เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้น มันจะช่วยขัดเกาจิตใจให้แข็งแกร่ง เขาไม่อยากให้น้องสาวของเขากลายเป็นดอกไม้เรือนกระจก
ในอนาคตเมื่อเขาสร้างสำนักของตัวเอง เขาก็จะให้น้องสาวของเขาเข้าสำนักในภายหลัง
พวกเขาเดินอ้อมลานต่อสู้หน้าทางเข้า ไปที่ตำหนักหลังใหญ่ เมื่อเข้าไปพวกเขาก็พบกับชายวัยกลางคนท่าทางกล้าหาญ เขาเดินเข้าทักทายเตี๋ยมู่หลงอย่างสุภาพ
“ผู้อาวุโสสาม”
“ไม่ต้องสุภาพ ฉันขอฝากเด็กสาวที่มีพรสวรรค์ไว้ให้คุณ ดุแลเธอดีๆด้วย”เตี๋ยมู่หลงโบกมือช้าๆ ท่าทางของเขาแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย
ชายวัยกลางคนยิ้ม ก่อนจะมองสำรวจจิวเสวี่ยเหม่ยด้วยความสงสัย
ถ้าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์จริงๆ สำนักหลักไม่มีทางปล่อยมาให้เขาแน่
แต่เมื่อตรวจสอบจิวเสวี่ยเหม่ย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายไม่ธรรมดาจากร่างของเธอ
ต้นกล้าชั้นดีจริงๆ!
ชายวัยกลางคนตื่นเต้นดีใจ ก่อนที่จะเดินไปหาจิวเสวี่ยเหม่ยและกล่าวแนะนำตัว
“ฉันฟ่านฉินคัง หัวหน้าสำนักผีเสื้อดารา สาขาเมืองเทียนซู”
“ฉันจิวเสวี่ยเหม่ย ทักทายเจ้าสำนัก”จิวเสวี่ยเหม่ยก้มตัวทำความเคารพ ตามที่จิวโมไป๋สอน
“ดีๆ”ฟ่านฉินคังยิ้มกว้าง ยิ่งเห็นเขายิ่งพอใจ
จิวโมไป๋ยืนเงียบไม่พูดอะไร ในระหว่างที่กำลังทักทายกันเขาก็ใช้จิตสัมผัสและกระบี่เลือนเร้น ตรวจสอบฟ่านฉินคัง ไม่พบกรรมชั่วหรือสิ่งผิดปกติ เขาสามารถไว้ใจปล่อยให้น้องสาวของเขาเข้าสำนักนี้ได้
หลังจากกล่าวแนะนำตัว จิวเสวี่ยเหม่ยก็ถูกอาจารย์หญิงของสำนัก พาไปห้องพักของตัวเอง
เนื้องจากเป็นแค่สำนักสาขา จึงมีกฎไม่เข้มงวด ศิษย์ของสำนักจะพักที่หอพักในสำนักหรือไปพักด้านนอกก็ได้ ถ้าเป็นนักเรียนก็ไม่การบังคับให้ออกจากโรงเรียน สามารถไปเรียนแล้วกลับมาฝึกหลังเลิกเรียนได้
จิวเสวี่ยเหม่ยจะพักที่สำนักไม่กี่วันเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสำนัก
ในระหว่างนี้เขาไม่เป็นห่วงมากนัก เพราะเตี๋ยมู่หลงยังอยู่ที่นี่ เขาต้องคุ้มครองเตี๋ยเสวี่ยเจียวที่เล่นกับจิวเสวี่ยเหม่ย
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจิวโมไป๋ก็บอกลาทุกคนและลงจากสำนัก เขาเป็นคนนอกเขาไม่สามารถอยู่ได้นาน
จิวโมไป๋ติดต่อไปแจ้งพ่อแม่ ก่อนที่เขาจะเรียกรถเช่า ให้ไปส่งที่ชานเมืองอีกด้านของเมือง เขาก็พบเจ้าอาวาสหงหมิงและพระอีก 2 รูปกำลังรอเขาอยู่
เจ้าอาวาสหงหมิงก็กล่าวทักทายจิวโมไป๋
“อาตมาส่งภารกิจไปให้แล้ว”
จิวโมไป๋เปิดกำไลข้อมือ ก็มีชื่อภารกิจก็ปรากฎขึ้น
ชื่อภารกิจ : กำจัดเหตุการณ์วิญญาณ ประเทศเกาะ???
มีเพียงแค่ชื่อไม่มีอะไรอีกเลย จิวโมไป๋ไม่แปลกใจเพราะมันเป็นภารกิจพิเศษ เมื่อสำเร็จจะมีการตรวจสอบ และให้รางวัลในภายหลัง
จิวโมไป๋กดรับภารกิจ
เจ้าอาวาสหงหมิงแนะนำพระทั้งสองรูปกับจิวโมไป๋
“พวกเขาคือศิษย์ของอาตมา ทางนี้คือศิษย์คนโตหงหยุน อีกคนคือหงฟาง“
“ผมจิวโมไป๋”จิวโมไป๋แนะนำตัว
พระทั้งสองรูปพยักหน้าอย่างสุภาพ และไม่พูดอะไรอีก
จิวโมไป๋ก็ไม่ได้พยายามที่จะพูดคุยกับทั้งสอง
พวกเขาขึ้นรถตู้สีดำ ก่อนที่จะขับไปยังสนามบินเมืองเทียนซู รถตู้สีดำขับไปยังช่องทางพิเศษ มันเป็นที่จอดเครื่องบินโดยสารระหว่างประเทศ ที่รับเฉพาะเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติภารกิจนอกประเทศเท่านั้น
เมื่อพวกเขาลงจากรถตู้สีดำ ก็มีเจ้าหน้าที่ในชุดทหาร 4 นาย เดินเข้ามาทำความเคารพ ก่อนจะพาพวกเขาไปขึ้นเครื่องบินขนาดเล็ก ที่สามารถโดยสารได้ 10 คน เจ้าหน้าที่ส่งพวกเขาขึ้นเครื่องบินก่อนจะจากไป ทั้งลำจึงมีเพียงพวกเขา 4 คน
เครื่องบินลำนี้ขับเคลื่อนอัตโนมัติ จึงไม่มีกัปตัน ไม่มีแอร์โฮสเตส
เมื่อทุกคนนั่งประจำที่เครื่องบินก็บินขึ้นอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็เข้าสู่อาณาเขตประเทศเกาะ
เมื่อเข้าไปในอาณาเขตประเทศเกาะ ระบบการบินอัตโนมัติก็ส่งเสียงเตือนและทำการเชื่อมต่อกับระบบการบินของประเทศเกาะ
เมื่อระบบถูกเชื่อมต่อเจ้าหน้าที่ประเทศเกาะ สามารถอ่านเส้นทางการบินของเครื่องบินลำนี้ได้ แต่ไม่สามารถควบคุมเครื่องบินได้
นี้เป็นกฎของการใช้เครื่องบินพิเศษเข้าอาณาเขตของประเทศอื่น
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินเมืองหลวงของประเทศเกาะ
เมื่อพวกเขาทั้ง 4 ลงจากเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ในชุดทหารของประเทศเกาะนับ 10 คนก็รอต้อนรับ
“ผมพันเอกนาคามูระ เคนชิดะ ยินดีตอนรับท่านเจ้าอาวาสหงหมิงเข้าสู่ประเทศของเรา”ชายวัยกลางคนในชุดทหารประเทศเกาะกล่าวทักทายเจ้าอาวาสหงหมิงอย่างสุภาพ โดยไม่สนใจพวกเขาอีก 3 คนที่ยืนอยู่
จิวโมไป๋นิ่งเฉย ไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่าย เขารู้ถึงความเย่อหยิ่งในกระดูกของคนในประเทศเกาะดี ถ้าเขาโกรธอีกฝ่ายจะยิ่งพอใจ
เจ้าอาวาสหงหมิงยิ้มรับอย่างสุภาพ พลางลอบมองอาการของจิวโมไป๋และศิษย์ของเขา ก่อนที่เขาจะลอบส่ายหัวเบาๆ
นอกจากจิวโมไป๋ที่รักษาความเยือกเย็นไว้ได้ ศิษย์ทั้งสองของเขาทำให้เขาผิดหวัง
นาคามูระ เคนชิดะพาทั้ง 4 ขึ้นรถตู้สีขาวที่จอดอยู่ รถขับไปจอดที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมืองหลวง
“ท่านเจ้าอาวาสหงหมิง เชิญพักที่นี่ก่อน พรุ่งนี้ผมจะมารับไปทำภารกิจ”นาคามูระ เคนชิดะกล่าวจบก็จากไปทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่สนใจพวกเขาทั้ง 3 อยู่ดี
ห้องพักของพวกเขาแยกกัน
จิวโมไป๋ขอตัวไปที่ห้องของตัวเอง
จนถึงช่วงเย็น เจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ของเขากำลังเข้าฌาน ทำสมาธิิ
จิวโมไป๋ไม่รบกวนพวกเขา เดินไปห้องอาหาร ยังไม่ทันได้เข้าไปยังห้องอาหาร เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกคุกคามหลายสายส่งมาที่เขา
เขารู้ได้ทันทีว่าคนพวกนี้กำลังมุ่งเป้ามาที่เขา
จิวโมไป๋เลือกนั่งโต๊ะติดกระจก เขาเปิดรายการอาหารและสั่งอาหารขึ้นชื่อของประเทศเกาะ
ไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟ จิวโมไป๋กินอาหารอย่างช้าๆไม่เร่งรีบ ความรู้สึกคุดคามก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
เพร้ง!
เสียงแก้วแตกดังขึ้นด้านหลัง
“แกหาเรื่องฉันเหรอ!!!”เสียงคำรามดังลั้นห่างจากโต๊ะที่จิวโมไป๋อยู่ไม่ถึงห้าโต๊ะ
“ใครหาเรื่องใครกันแน่ แกตาบอดหรือไงถึงชนฉันก่อน!”เครื่องพูดไม่พอใจดังขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่จะเกิดเสียงต่อสู้ดังขึ้น
จิวโมไป๋ทานอาหารต่อไป โดยไม่สนใจการต่อสู้ด้านหลังที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
จนกระทั้ง
วูบบบ
ร่างหนึ่งลอยมาที่โต๊ะของเขาด้วยความเร็วสูง พลังที่แผ่อยู่บนร่างที่ลอยมา ถ้าเกิดการปะทะอาจทำให้บาดเจ็บสาหัสได้
จิวโมไป๋ยิ้มเยาะ ก่อนจะสะบัดตัวลุกจากเก้าอี้อย่างลื่นไหลและหมุนตัว ฝ่ามือก็ฟาดไปที่ร่างของคนที่ลอยเข้ามา!
—