ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 315
ท้องฟ้ากลางคืนมีเมฆปกคลุมหนาแน่น ไม่เห็นแสงของดวงดาว บรรยากาศของอาคาร 3 ชั้นเงียบเหงาวังเวงแตกต่างกับถนนด้านนอกที่เต็มไปด้วยผู้คนราวกับอยู่คนละมิติ
ภายในอาคารจิวโมไป๋จับข้อมือของคาราสุเท็นงูที่หมดสติ ร่างกายของมันอาบไปด้วยเลือดสีแดงสด ที่เกิดจากการทรมาน เขากดกำไลข้อมือของอีกฝ่ายจากนั้นก็ส่งข้อมูลที่เขาบังคับให้สารภาพส่งไปยังสถานีตำรวจของประเทศเกาะ เมื่อข้อมูลถูกส่งไปเขาก็ปล่อยร่างของคาราสุเท็นงูลงไปกองกับพื้นและแน่นิ่งราวกับไม่มีกระดูก
เขาก็ทำลายหลักฐานที่สามารถระบุตัวตนของเขาจนไม่เหลือร่องรอย จากนั้นเขาก็เดินออกจากอาคาร
ไม่ถึง 1 นาที รถตำรวจนับสิบก็ขับมาที่อาคาร
เจ้าหน้าที่ตำรวจและคนในชุดดำลงจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกันเส้นทางกันผู้คนที่เดินอยู่ออกไป คนในชุดดำตรวจสอบรอบอาคาร ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจเข้าไป…
จิวโมไป๋กลับโรงแรมโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ในตอนที่เขาจะลอบปีนเข้าห้อง จิตสัมผัสของเขาก็พบอิวะ โซตะและพี่น้องนาคามูระกำลังออกจากโรงแรมพร้อมกับกลุ่มคนในชุดดำ พวกเขาขึ้นรถตู้สีดำขับออกไปยังทิศทางของอาคาร 3 ชั้น
หลังจากที่ทั้งสามออกไปไม่นาน ซากายะ คิบาตะและซากุราอิ อาคาเนะ ทั้งสองวิ่งออกจากโรมแรมอย่างรวดเร็วตามมาด้วยกลุ่มคนในชุดดำ พวกเขาขึ้นรถตู้สีดำขับตามกลุ่มของอิวะ โซตะ
จิวโมไป๋ดึงจิตสัมผัสกลับมองไปรอบๆ ก่อนจะปีนขึ้นไปที่ห้องโดยไม่มีใครพบ
เช้าวันต่อมา จิวโมไป๋ลุกขึ้นทำธุระยามเช้า ก่อนจะไปที่ห้องอาหารของโรมแรม สภาพของห้องอาหารกลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับว่าไม่เคยเกิดการต่อสู้มาก่อน
จิวโมไป๋เดินไปนั่งริมหน้าต่างที่เขานั่งเมื่อคืน พนักงานเสิร์ฟจำจิวโมไป๋พวกเขาแนะนำเมนูอาหารเช้าอย่างสุภาพ จิวโมไป๋สั่งอาหารไม่กี่อย่างพนักงานเสิร์ฟรับเมนูก็เดินออกไป
ในระหว่างรอจิตสัมผัสของเขาก็พบอิวะโซตะ และพี่น้องนาคามูระกำลังนั่งทานอาหารในห้องพิเศษ ใบหน้าของพวกเขาอิดโรยดำคล่ำ เหมือนคนไม่ได้นอน
จิวโมไป๋ไม่ไปทัก เขาทานอาหารจนหมด เขาก็กลับห้อง
ช่วงสายของวัน กำไลข้อมือของเขาก็ส่งเสียงดังขึ้น จิวโมไป๋ลุกขึ้นเดินออกจากห้องก็พบเจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ทั้งสองของเขายืนรออยู่
พวกเขาลงไปทางออกของโรงแรม รถตู้สีดำก็มารอรับพวกเขาไปยังสถานที่หนึ่ง
เป็นหอประชุมราชการขนาดกลาง
เมื่อพวกเขามาถึง เจ้าหน้าที่ในชุดดำก็พาเจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ทั้งสองไปยังห้องประชุม พวกเขาทิ้งจิวโมไป๋ให้รออยู่ข้างนอก
จิวโมไป๋ยักไหล่หาที่นั่ง เขาใช้จิตสัมผัสไปยังห้องประชุมก็ไม่สามารถมองผ่านได้ ห้องถูกสร้างด้วยวัตถุรบกวนคลื่นพลังงาน
จิวโมไป๋ถอนหายใจเลิกจนใจ เขาเปิดกำไลข้อมือดูรายงานข่าว
“เฮ้!”เสียงร้องทักดังขึ้น จิวโมไป๋เงยหน้าก็เห็นอิวะ โซตะและพี่น้องนาคามูระ กำลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆในสภาพเหนื่อยอ่อน
“ผู้อาวุโสของประเทศนายเข้าไปแล้ว? นายไม่ได้เข้าไปห้องประชุมด้วยเหรอ?”อิวะ โซตะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงถือดีเล็กน้อย เขารู้อยู่แล้วว่าจิวโมไป๋ไม่สามารถเข้าห้องประชุมได้ ที่เขาถามก็เพื่อยั่วโมโห เขารู้สึกขัดใจไม่มีความสุขที่จิวโมไป๋นอนหลับเต็มอิ่ม ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอะไร
ไม่เหมือนพวกเขาที่เมื่อคืน พวกเขาต้องไปกวาดล้างสถานที่ซ่อนคนที่ถูกลักพาตัวทั้งคืน ผลสุดท้ายที่พวกเขากวาดล้าง เป็นเพียงเศษเสี่ยวของคดีหายตัวไปเท่านั้น
ทำให้พวกเขาต้องมาร่วมประชุมต่อ โดยไม่มีเวลาพักเลย มีเวลาแค่ทานอาหารเช้ามือเบาเท่านั้น
“ไม่”จิวโมไป๋ส่ายหน้าตอบอย่างเฉยชา ก่อนจะก้มหน้ากลับมาสนใจข่าว
อิวะ โซตะยักไหล่ไม่พอใจเล็กน้อย
พี่น้องนาคามูระ ไม่สนใจที่จะทักจิวโมไป๋ พวกเขาเดินผ่านตรงเข้าไปห้องประชุม
“น่าเสียดายที่นายไม่ได้เข้าไปห้องประชุม”อิวะ โซตะพูดก่อนจะเดินไป
จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบา
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง จิวโมไป๋ดูข่าวทั้งในและนอกประเทศจนเริ่มรู้สึกเบื่อ
ประตูห้องประชุมก็เปิดออก ผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งของประเทศเกาะก็ทยอยกันเดินออกมา ในหมู่ผู้บ่มเพาะพลัง เขาก็เห็นซากายะ คิบาตะและซากุราอิ อาคาเนะ กำลังเดินตามชายวัยกลางคนท่าทางแข็งแกร่ง พลังกดดันที่แผ่ออกจากร่างของเขาลึกล้ำไม่ธรรมดา
ทั้งสองสังเกตเห็นจิวโมไป๋ แต่พวกเขาก็หันหน้าหนีเมินจิวโมไป๋ พวกเขาเดินไปขึ้นรถตู้สีดำที่จอดให้ผู้บ่มเพาะพลังขึ้น จากนั้นรถก็ขับออกไป
จิวโมไป๋รออยู่อีกครู่งหนึ่ง ทุกคนก็ขึ้นรถแยกกันไปจนหมด
เจ้าอาวาสหงหมิงก็เดินออกมาพร้อมกับพันเอกนาคามูระ เคนชิดะ คนที่ไปรับพวกเขาที่สนามบิน ด้านหลังพวกเขาอิวะ โซตะและพี่น้องนาคามูระเดินตามไม่ห่าง
เจ้าอาวาสหงหมิงสังเกตเห็นจิวโมไป๋ที่นั่งอยู่ไม่ไกล เขาก็เดินมาหาจิวโมไป๋ ทำให้คนอื่นๆต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้
“การประชุมจบลงแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะต้องร่วมมือกันเพื่อค้นหาต้นตอของเหตุการณ์วิญญาณ”เจ้าอาวาสหงหมิงอธิบาย
—