ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 35
จิวโมไป๋ไล่อ่านข่าวอย่างละเอียด จนไปสะดุดตาเข้ากับประกาศ หมายเรียกสอบสวน ที่ด้านล่างมีรายชื่อยาวเหยียดกว่าร้อยชื่อ เมื่อไปรายงานตัวชื่อบนประกาศก็จะหายไปทันที
เขาพยักหน้าแผ่วเบา ชื่นชมระบบNuwaจริงๆ ที่สามารถรวบรวมรายชื่อ ผู้ร่วมชุมนุมสงครามกลุ่มได้รวดเร็วแบบนี้
เขาอ่านข้อความประกาศ
‘เนื้องจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่เกิดขึ้น เกิดจากพลังที่ไม่สามารถระบุได้ ซึ่งมันก่อให้เกิดอันตราย แก่ผู้คนเป็นจำนวนมาก ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ เข้าร่วมในการสอบสวนที่สถานีตำรวจ…
ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ ถ้าไม่มาในเวลาที่กำหนด ทางเราจะส่งคนไปเชิญตัวท่านมา ถ้ามีการต่อสู้หรือขัดขืน ทางเราจะถือว่า คุณได้ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ทางเราอาจมีการลงมือเพื่อจับกุม ขออภัยไว้ณที่นี้
โปรดให้ความร่วมมืออย่างสงบ
ขอให้ความยุติธรรมอยู่กับท่าน N.’
จิวโมไป๋อดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะพลังจิตวิญญาณในปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครใช้เลย แค่มีจำนวนน้อยมากเท่านั้นเอง ทำไม Nuwa ถึงบอกว่าไม่สามารถระบุได้
คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ส่ายหัวไล่ความคิด ตอนนี้มาดูสถานการณ์ก่อนอย่าพึ่งไปคิดอะไรให้ปวดหัว
ด้านล่างประกาศมีผู้คนจำนวนมากออกมาเรียกร้อง การตรวจสอบในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะถูกเรียกตัวแล้ว บ้านของพวกเขาก็โดนค้น แม้ทางตำรวจจะจัดของกลับเข้าที่ เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่มันก็เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล
ทางตำรวจก็ไม่พูดอธิบายอะไร เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่มีประกาศชี้แจ้งที่ชัดเจน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากที่ Nuwa ปัญญาประดิษฐ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก ทำอะไรที่กระทบจุดละเอียดอ่อนต่อสังคมแบบนี้
…
สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง
มีเครื่องมือคล้ายคอมพิวเตอร์แต่ล้ำยุคไปหลายร้อยปี กำลังประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยมีความเร็วในการประมวลผลกว่าล้านล้านครั้งใน 1 วินาที
‘ตรวจพบพลังตกค้าง คล้ายพลังจิตวิญญาณของนักบวช ที่ฝึกฝนด้วยการทำสมาธิ แต่รูปแบบของมันเหนือล้ำไปหลายร้อยเท่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นนักบวชชั้นสูง… การวิเคราะห์ผิดพลาด… ไม่มีทางเป็นไปได้ รายชื่อนักบวช หรือคนที่ฝึกมาธิทั้งหมด ถูกเก็บไว้ในข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ในวันที่เกิดเหตุพวกเขาไม่ได้อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ…
ทำไมพลังจิตวิญญาณถึงทำให้เกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติได้?
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การฝึกกำหนดจิตอย่างนั้นหรือ?
ถ้าเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติจริงๆ ทำไมมันถึงอยู่ๆก็ปรากฏขึ้น โดยไม่มีสัญญาณแจ้งเหตุเตือนล่วงหน้า?’
ค้นหาฐานข้อมูลอีกครั้ง
ภายในฐานข้อมูล มีข้อมูลของสุสานและสถานที่ฝังสมบัตินับไม่ถ้วน ถ้าใครเห็นจะต้องตื่นตกใจจนแทบสลบ อยากครอบครองจนคลุ้มคลั่ง แต่ก็ไม่มีใครสามารถเอาข้อมูลพวกนี้ไปได้ นอกจาก Nuwa จะให้อนุญาติ ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีใครที่มีสิทธิ์ดูข้อมูลพวกนี้แม้แต่คนเดียว
ในฐานข้อมูลสถานที่น่าจะเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ไม่มีโรงงานร้าง…ในฐานข้อมูล ดังนั้น ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ 0%
ภาพจากดาวเทียมนับหมื่นเรียงซ้อนกันอย่างรวดเร็ว มันเป็นภาพของโรงงานร้าง ย้อนไปตั้งแต่ 1 ปีก่อน จนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่มีจุดผิดสังเกตใดๆทั้งสิ้น พร้อมข้อความคำถามวิ่งไปมาไม่หยุดแต่ก็ไม่ได้คำตอบที่ต้องการ
“ติดต่อหน่วยวิจัย… ยื่นเรื่องอัพเกรดประสิทธิภาพดาวเทียมและกล้องวงจรติดทั้งหมด…”
…
เหตุการณ์ในฟอรั่มข่าว กำลังร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะสงบจนถึงเช้า คนที่ไม่รู้เรื่องเพราะกำลังบ่มเพาะพลังหรือนอนอยู่ ต่างก็เข้าไปติดตามข่าว มากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที
“แค่พบพลังที่ไม่สามารถระบุได้เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะต้องทำอะไรเกินเลยแบบนี้เลย”
“ใช้ นี่เป็นการละเมินสิทธิ์ ความเป็นส่วนตัวของพวกเราชัดๆ”
“เจ้าหน้าที่ พวกนี้ตื่นตูมเกินไปแล้ว”
“พวกงี่เง่า ไม่รู้หรือใง เมื่อคืนมีคนบาดเจ็บตั้งเท่าไหร่ นี่เป็นสถานะการณ์ที่กระทบถึงความปลอดภัยของพวกเรานะ ถ้าไม่รีบหาสาเหตุ อนาคตถ้าเกิดเรื่องพวกนี้อีก พวกเราจะได้เตรียมรับมือ”
“ใช้แล้ว เจ้าหน้าที่แค่รีบหาสาเหตุเท่านั้นเอง ถึงจะดูรุนแรงไปบ้าง แต่ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“คนข้างบน ว่าใครงี่เง่า โปรดระบุชื่อเจาะจงด้วย พวกเราไม่ได้พูดว่า ไม่ให้หาสาเหตุของพลังลึกลับ พวกเราแค่ต่อว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ เพราะมันละเมิดสิทธิ์ของพวกเรา พวกเราเรียกร้องไม่ได้เลยหรือไง”
“ใช่ พวกเราไม่ได้เป็นใบ้ซักหน่อย ทำไมจะพูดไม่ได้”
เวลาผ่านไปเรื่อยๆจนถึงเที่ยงวัน นอกจากจะเชิญผู้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่มีหลักฐานอื่นๆ
ทำให้มันกลายเป็นเรื่องลี้ลับประจำเมืองไปในที่สุด…
เหตุการณ์หมอกสยองขวัญ
…
จิวโมไป๋บ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน พร้อมกับฝึกวิชาหลอมกายามังกรเทวะจนเสร็จ ก็เวลาเที่ยงวันพอดี เขาอาบน้ำก่อนที่จะออกไปหาอะไรกิน
ระหว่างรออาหาร เขาก็ตรวจสอบทะเลปราณของตัวเอง เพราะไม่มีโอสถช่วยในการฝึก ทำให้ความเร็วในการณ์บ่มเพาะพลังช้าลงหลายส่วน แต่มันก็ยังเร็วกว่าคนธรรมดา
ในตอนนี้ทะเลปราณของเขา ใกล้จะกลับมาเท่าก่อนที่จะถูกทำลายตำหนักยุทธแล้ว ถ้าเขาฟื้นฟูสำเร็จ เขาจะเป็นผู้บ่มเพาะขั้นผิวหนังกลาง
เขาอดที่จะคิดถึงอดีตไม่ได้ ที่เขาต้องใช้เวลาหลายวัน กว่าจะฟื้นฟูปราณให้กับมาเหมือนเดิมได้
ในตอนนี้เขาได้รับโอกาสที่จะแข็งแกร่งแล้ว เขาจะต้องไม่ปล่อยให้เสียเปล่า
เหลือเวลาอีก 7 วัน ก่อนที่เซียวหนานจิ้นจะส่งคนไปก่อกวนที่ร้านของเขา เขาต้องรีบหาเงินเอามาทำตามแผนที่วางไว้ และเป็นค่าโอสถในการบ่มเพาะ
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ลงมือกินอาหารอย่างรวดเร็ว
เมื่อกินอาหารเสร็จ จิวโมไป๋ก็เดินออกไปทางหน้าประตูมหาลัย เพื่อไปสมาคมปรุงยา สาขาที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเทียนซู
“จิวโมไป๋”เสียงร้องหวานใสดังขึ้น ทำให้จิวโมไป๋ชะงักหันกลับไปมอง เมื่อเห็นว่าใครเรียก เขาก็ลอบยิ้มในใจ นี่เรียกว่าคิดถึงอะไรก็เจอสิ่งนั้นจริงๆ
ด้านหน้าของเขาเป็นหลานซูเมิ่งและเซียวหนานจิ้น ทั้งคู่กำลังจับมือกันเดินเข้ามหาวิทยาลัยด้วยกันพอดี เมื่อทั้งสองเดินผ่านที่ไหน มักจะมีผู้คนมองตามหรือแม้กะทั้งเดินตามอย่างไม่อาจหักห้ามใจ มันเป็นเสน่ห์ดึงดูดตามธรรมชาติ ที่ไม่มีใครสามารถมีได้
ไม่ว่าหน้าตาหรือท่าทาง ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันจริงๆ ราวกับทั้งคู่เกิดมาเพื่อคู่กัน
สมแล้วที่ถูกเรียกว่าเทพบุตรและเทพธิดา
จิวโมไป๋ยิ้มเย็นเล็กน้อย ในใจร้องย่ำแย่ เพราะในอดีตเขาพบเซียวหนานจิ้นแค่ครั้งเดียว อีกฝ่ายก็ลงมือทำให้ครอบครัวเขาพินาศ การเจอกันครั้งนี้ มันเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่
เขาได้แต่ยอมรับและเตรียมการป้องกันให้ดีที่สุด