ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 369
กลิ่นอายอันน่าเกรงขามปะทุออกจากร่างของจิวโมไป๋ ก่อนจะม้วนตัวเป็นพายุ จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็โบกมือซ้าย ม่านพลังวิญญาณป้องกันคลื่นพลังไม่ให้กระจายออกไป จากนั้นเขาก็กลับมาตั้งสมาธิ
รอยสักมังกรขี่สายลมสร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าเขากำลังควักหัวใจออกมา จิวโมไป๋ฝืนทนความเจ็บปวดจนร่างสั่นระริก เวลาผ่านไปอย่างช้าๆไม่นานรอยสักมังกรขี่สายลมก็ส่องสว่างเหมือนมีชีวิต เขาก็โบกมือพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งเปลี่ยนเป็นรอยสักอักขระโบราณล้อมรอบรอยสักมังกรขี่สายลม
จิวโมไป๋พ้นลมหายใจออกมาจนเกิดไอขาว และวาดผ่ามือซ้าย พลังงานอันรุนแรงในร่างที่เกิดจากการใช้เคล็ดวิชาต้องห้าม กระตุ้นสายเลือดมังกร พลันพุ่งไปยังตรามังกรขี่สายลม
ระดับการบ่มเพาพลังของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เหลือเพียงขั้นที่ 6 โลหิตต้น พลังที่ส่งไปหยุดลงไม่สามารถส่งไปได้อีก
ขั้นที่ 5 กระดูก และ ขั้นที่ 6 โลหิตของระดับสร้างฐาน แม้จะเป็นระดับสร้างฐานเหมือนกัน แต่ก็มีกำแพงใหญ่ขวางอยู่ การเลื่อนไปขั้นที่ 6 โลหิต นอกจากจะต้องใช้ความแข็งแกร่งของการบ่มเพาะพลังแล้ว ยังต้องใช้วัตถุมากมายเพื่อเสริมสร้างตำหนักยุทธ์ให้แข็งแกร่ง
การเลื่อนไปขั้นที่ 6 โลหิตจะเป็นการเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะพลังที่แท้จริง
และถ้าเลื่อนระดับการบ่มเพราะพลังผ่านขั้นที่ 6 โลหิตแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับได้ นอกจากจะทำลายการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนใหม่
จิวโมไป๋ผุดยิ้มเหี้ยมออกมา ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่ทะเลสติ เขามองไปที่เมฆวิญญาณสีทองอ่อนที่อยู่ไกลออกไป เขาก็พบสายฟ้าแห่งความทุกข์ยากที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกทะเลสติ
จิวโมไป๋ไม่รอช้า เขาใช้พลังวิญญาณพุ่งเข้าไปปะทะกับสายฟ้าแห่งความทุกข์ยากทันที
เหมือนสัมผัสได้ว่าถูกท้าทาย สายฟ้าแห่งความทุกข์ยากส่งเสียงร้องคำรามกึกก้อง ฟ้าแลบผ่านเมฆสีทองอ่อน พลังอันน่ากลัวแผ่ขยายออกมา ทะเลสะติสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ร่างของจิวโมไป๋สั่นสะท้านก่อนจะกระอักเลือดสีแดงสดออกมากองหนึ่ง
จิวโมไป๋ไม่สนใจ เขาเพ่งสมาธิรวบรวมพลังวิญญาณบีบอัดเป็นเงาร่างเสมือนของตัวเขาเอง
ร่างเสมือนของเขายืนอยู่บนทะเลปราณที่ปั่นป่วน เขาเงยหน้ามองสายฟ้าแห่งความทุกข์ยาก ก่อนจะวาดผ่ามือเกิดข่ายอาคมสีทองอ่อนนับสิบหมุนวนรอบตัวเขา ก่อนจะระเบิดออกเป็นเสาพลังงานสีทองพุ่งขึ้นไปปะทะกับสายฟ้าแห่งความทุกข์ยาก
เปรี้ยง! สายฟ้าแห่งความทุกข์ยาก ฟาดสายฟ้าลงมาอย่างโหดเหี้ยม ทำลายเสาพลังงานอย่างง่ายดาย ก่อนที่พลังสายฟ้าที่เหลือจะไหลลงไปที่ทะเลปราณ ก่อนที่จะเกิดระเบิดออกอย่างรุนแรง
ทะเลปราณพลันเหือดแห้งไปส่วนหนึ่ง
จิวโมไป๋กระอักเลือดออกมาเล็กน้อย เขาก็ไม่หยุดวาดฝ่ามือสร้างข่ายอาคมโจมตีสายฟ้าแห่งความทุกข์ยาก
ทุกครั้งเขาจะถูกสายฟ้าฟาดทำลายอย่างง่ายดาย ไม่นานทะเลปราณของเขาก็ลดลงอย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋กัดฟันแน่นใบหน้าของเขาภายนอกตอนนี้ซีดเผือดแทบไร้สีเลือด
จิวโมไป๋โบกมือสองข้าง ก่อนที่ข่ายอาคมขนาดจะปรากฎขึ้น มันหมุนวนอย่างรวดเร็วและแตกออกกลายเป็นโซ่สีทองเส้นใหญ่พุ่งขึ้นไปพัวพันสายฟ้าแห่งความทุกข์ยากบนฟากฟ้า
สายฟ้าแห่งความทุกข์ยากส่งเสียงคำรามกึกก้อง และปล่อยสายฟ้าทำลายโซ่สีทองแต่ไม่สามารถทำลายได้ในครั้งเดียว มันจึงผ่าลงไปอีกนับสิบครั้ง คลื่นสายฟ้าพุ่งผ่านโซ่ลงไปทำลายทะเลปราณ จนหยดปราณลดลงไปอีกเป็นจำนวนมาก!
ในตอนนั้นเอง จิวโมไป๋ก็ร้องคำราม ทะเลปราณส่วนนอกก็แตกออก
ตูม!
ขั้นที่ 5 กระดูกปลาย!
ในที่สุดระดับการบ่มเพาะพลังของเขาลดลง!
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ก่อนจะปล่อยมือ แต่สายฟ้าแห่งความทุกข์ยากเหมือนไม่ยอมมันโจมตีลงมาอีก เพื่อท้าทายให้จิวโมไป๋ต่อสู้กับมันต่อ จิวโมไป๋ไม่สนใจคำท้าทาย เขาขบฟันแน่นทนความเจ็บปวด
ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว พลังงานเลือดมังกรก็พุ่งไปที่รอยสักมังกีขี่สายลม ไม่นานก็หยุดลงเมื่อระดับการบ่มเพาะพลังของเขาหยุดอยู่ที่ขั้นที่ 5 กระดูกต้น เหมือนก่อนที่เขาจะใช้วิธิพิเศษเลือนระดับการบ่มเพาะพลังอย่างรวดเร็ว
สายฟ้าแห่งความทุกข์ยากก็หยุดโจมตี จากนั้นมันก็เคลื่อนตัวไปซ่อนตัวอย่างเงียบๆ
จิวโมไป๋เห็นดังนั้นเขาก็เหมือนคิดอะไรบางอย่างได้ เขายิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตั่งสมาธิ
ทะเลปราณในตอนนี้อาบไปด้วยสายฟ้าแห่งความทุกข์ยาก แม้ว่ามันจะไม่โจมตีลงมาอีก แต่สายฟ้าแห่งความทุกข์ยากที่เหลืออยู่ในทะเลปราณ มันสร้างความเสียหายให้กับทะเลปราณจำนวนมาก
แต่จิวโมไป๋ไม่เสียใจ เขามองมันราวกับพบสมบัติ เขาละความสนใจจากทะเลสติ ดึงสติออกและเขาหยิบโอสถฟื้นฟูพลังออกมากิน
เมื่อฟื้นฟูพลังมากลับมาได้เล็กน้อย จิวโมไป๋ก๋วางมือบนหน้าอกซ้ายก่อนจะท่องอะไรบางอย่าง รอยสักมังกรขี่สายลมพลันร้อนขึ้นอีกครั้ง รอยสักอักขระที่ล้อมรอบรอยสักมังกรก็ส่องแสงสีทองตอบรับ
ก่อนที่เขาจะวาดฝ่ามือครั้งสุดท้าย
ย้อนวิชาต้องห้าม ผนึกขังมังกร!
ปัง! ร่างของจิวโมไป๋ร้อนวูบ กล้ามเนื้อสั่นระริก ความแข็งแกร่งของร่างกายลดลงเหมือนกับว่าเขาถอดอะไรบางอย่างออกไป เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ก่อนที่ความรู้สึกแปลกแยกจะหยุดลง
รอยสักมังกรขี่สายลมเปลี่ยนเป็นสีดำ อักขระสีทองอ่อนที่ล้อมรอบมันก็กลายเป็นสีทองอ่อน
ทะเลปราณที่เคยปั่นป่วนพลันสงบลง แม้จะมีระลอกคลื่นอยู่ก็ตาม ตำหนักยุทธทั้งสองหลังค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ
จิวโมไป๋พ้นลมหายใจออกมา จิวโมไป๋ลืมตาขึ้นและขยับร่างกายที่เปลี่ยนไป
ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอย่างมาก มันไม่ได้ความแข็งแกร่งของระดับการบ่มเพาะพลัง
แต่เป็นความแข็งแกร่งทางกายภาพ
วิชา ย้อนวิชาต้องห้าม ผนึกขังมังกร
เป็นวิชาที่เขาสร้างขึ้นเพื่อแก้ข้อเสียของวิชาต้องห้ามสังเวยตรามังกรโดยเฉพาะ
วิชาต้องห้ามสังเวยตรามังกร เป็นวิชาที่จะกระตุ้นสายเลือดมังกร เพื่อดึงพลังของสายเลือดออกมาใช้ ข้อเสียของมันคือมันจะทำลายรากฐานการบ่มเพาะพลังที่สะสมมาทั้งหมด ทำให้คนที่มีรากฐานมั่นคงกลายเป็นขยะได้
วิชา ย้อนวิชาต้องห้าม ผนึกขังมังกร เป็นวิชาที่จะผนึกสายเลือดมังกร หรือก็คือผนึกสายเลือดมังกร ที่ถูกกระตุ้นจากวิชาต้องห้ามสังเวยตรามังกร ทำให้ผลกระทบจากการทำลายรากฐานลดลง
และผนึกมันเอาไว้จนกว่าเขาจะสามารถฝึกฝนจนไปถึงระดับวิชาต้องห้ามสังเวยตรามังกร ที่เคยปะทุไปถึง
หรือก็คือขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลาย
ข้อเสียของวิชา ย้อนวิชาต้องห้าม ผนึกขังมังกร คือ เขาจะไม่สามารถใช้สายเลือดมังกรได้อีก รวมถึงร่างกายที่แข็งแกร่งเกินมนุษย์ของเขาด้วย
ยังดีที่เขาฝึกฝนวิชาหลอมกายามังกรเทวะ แม้สายเลือดมังกรจะถูกผนึก ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป และอาจจะแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังสายร่างกายด้วยซ้ำ
เขาจึงไม่เดือดร้อนอะไร ถ้าเขาได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เขามั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้โดยไม่ได้รับอันตราย
เขามั่นใจในการหลบหนีของตัวเองมากกว่า การต่อสู้ด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋ปลอบใจตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นอย่างเชื้องช้า ความแข็งแกร่งของเขาลดลงไปมากจริงๆ จิวโมไป๋ยิ้มอ่อน ก่อนจะใช้จิตสัมผัสตรวจสอบโดยรอบ เพื่อกลับไปรวมตัวกับหน่วยเงาของประเทศเกาะ แต่ในขณะที่เขากำลังใช้จิตสัมผัส เขาก็ค้นพบบางอย่าง
จิวโมไป๋นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้น สายลมหมุนวนรอบมือราวกับกำลังเต้นรำ
เขาตระหนักกฎแห่งธาตุลมได้จริงๆ!
—-
ไม่ต้องห่วงว่าจิวโมไป๋จะอ่อนลงนะครับ ร่างกายของจิวโมไป๋ยังแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังระดับเดียวกันหลายเท่าอยู่ดีครับ