ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 407 ความลับที่น่าตกตะลึง! (ตอนนี้ 2350 คำ!)
จิวโมไป๋ได้ยินก็ชะงักเล็กน้อย เขามองอิโทซะด้วยความประหลาดใจ
“ยันต์สามารถใช้ที่นี่ได้เหรอ?”จิวโมไป๋ถามย้ำอีกครั้ง เสียงของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย
“ใช่”อิโทซะพยักหน้า สายตาที่มองจิวโมไป๋เต็มไปด้วยความสงสัย ความรู้พื้นฐานแค่นี้ ทำไมจิวโมไป๋ถึงไม่รู้
แต่จิวโมไป๋ในตอนนี้ ไม่ได้สนใจ สายตาของอิโทซะว่าจะมองตัวเองยังไง สมองของเขาแล่นเร็วจี๋ ด้วยความงุนงง
ผู้ใช้ยันต์ คือ ผู้ใช้พลังจิต ที่เขียนอักขระพลังจิตลงไปในแผ่นยันต์ เพื่อสร้างผลลับต่างๆ ตามความหมายของอักขระที่เขียนลงไป หรือจะเรียงร้อยผสมอักขระหลายตัวอักษรเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันทรงพลังมากยิ่งขึ้น
ผู้ใช้ยันต์ เมื่อปลุกพลังวิญญาณแล้วจะกลายเป็นปรมาจารย์ยันต์
พลังจิตคือจุดเริ่มต้นของการพัฒนาไปเป็นปรมาจารย์ผู้ใช้พลังวิญญาณ ถ้าไม่มีพลังจิตเป็นพื้นฐาน ก็ยากที่จะสามารถปลุกพลังวิญญาณด้วยวิธีธรรมชาติ
นอกจากจะใช้วิธีพิเศษ เช่นฝังหินที่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งชีวิต เหมือนกับที่จิวโมไป๋ฝังหัวใจพฤกษาบรรพกาล เพื่อปลุกพลังวิญญาณ
พูดได้ว่าพลังจิตคือพลังวิญญาณ
โบราณสถานมีข่ายอาคมตั้งกฎเอาไว้ว่า ห้ามใช้พลังวิญญาณในโบราณสถาน
นี้คือสิ่งที่ผู้คนในโลกแห่งการบ่มเพาะต่างก็รู้
จากคำพูดของอิโทซะ ยันต์สามารถใช้ในโบราณสถานได้ มันจึงขัดกับกฎของโบราณสถานอย่างสิ้นเชิง
จิวโมไป๋เผลอยกมือลูบคาง เมื่อเขาเริ่มใช้ความคิด
อิโทซะเห็นจิวโมไป๋เงียบไปเขาก็ไม่พูดขัด
แมวดำตัวเล็กคิยูมิ วิ่งมาจากที่ซ่อน กระโดดเข้าอ้อมแขนของอิโทซะ เธอใช้หัวถูอกเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยนเขาที่ได้รับบาดเจ็บ อิโทซะยกมือลูบหัวแมวดำที่ปกคลุมไปด้วยขนสีดำเงาเบาๆ
ริกะที่ซ่อนอยู่ ค่อยๆเดินเขามาด้วยท่าทางทรงเสนห์ เธอใช้สายตายั่วยวนมองไปที่จิวโมไป๋ แต่ในตอนนี้จิวโมไป๋ตกอยู่ในภวังค์ความคิด ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ทำให้การกระทำของริกะล้มเหลว
เธอจิกเล็บไปที่ฝ่ามือด้วยความโกรธ แต่ใบหน้าดวงตายังคงเหมือนเดิม การแสดงสีหน้าและแววตาของเธอ อยู่ในระดับสุดยอดไม่มีใครสามารถอ่านออก
เธอตั้งสติเลิกสนใจจิวโมไป๋ชั่วคราว เธอเดินไปถามอิโทวะที่บาดเจ็บ ด้วยท่าทางเป็นห่วง
อิโทซะที่ไม่ค่อยได้เข้าใกล้ผู้หญิงมากนัก เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาจึงได้แต่พูดโต้ตอบอย่างแข็งทื้อราวท่อนไม้
คิยูมิมองริกะด้วยแววตาลึกซึ้ง สัญชาตญาณของเธอร้องเตือนว่า ริกะมีเจตนาไม่ดี แต่เธอไม่พบว่าความผิดปกติอยู่ตรงไหน
ริกะก็เหมือนจะรู้ว่าคิยูมิ กำลังสงสัยตัวเองอยู่ เธอจึงแสร้งไม่พูดถึงแมวดำในแขนของอิโทซะ
จิวโมไป๋แยกตัวออกจากโลกอย่างสิ้นเชิง สมองกำลังประมวลผลด้วยความเร็วสูง ความลับนี้มันจะช่วยให้เขาสามารถสร้างโชคลาภได้มากมายในอนาคต เขาขุดลึกลงไปในบันทึกที่เคยอ่าน แต่ก็ไม่พบอะไร
จนกระทั้งมีความคิดบางอย่างก็แลนขึ้นมา มือที่กำลังลูบคางอยู่ก็หยุดกึก
จิวโมไป๋มองไปทางด้านหนึ่ง ดวงตาก็ส่องประกายแวววาววูบหนึ่ง ก่อนที่การมองเห็นของเขาจะชัดเจนขึ้น สามารถมองผ่านความมืดมิดไปได้กว่าเดิมหลายเท่า เขาสามารถมองเห็นปราสาทสีดำโบราณที่อยู่ใจกลางโบราณสถาน
พลังจิตสามารถใช้ได้จริงๆ
จิวโมไป๋สูดลมหายใจลึกๆด้วยความประหลาดใจ เขาสามารถใช้พลังจิตได้ง่ายๆไม่มีอะไรซับซ้อนเลย
เกิดอะไรขึ้น นี้ยังเรียกว่าความลับอยู่ไหม?
ในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง นักสำรวจโบราณสถาน เป็นอาชีพที่นิยมที่สุดของผู้บ่มเพาะพลัง การสำรวจโบราณสถานถ้าโชคดีได้พบสมบัติล้ำค่า มันจะทำให้ผู้ค้นพบทะยานกลายเป็นสุดยอดฝีมือในพริบตา แต่กลับกัน ถ้าโชคร้าย อาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ในโบราณสถานเลยก็ได้
โบราณสถานจึงเป็นสถานที่แห่งโชคดีและโชคร้าย
ปรมาจารย์ผู้ใช้พลังวิญญาณ เป็นผู้มีความมั่งคั้งที่สุดในโลกแห่งการบ่มเพาะ และพวกเขามีเคล็ดวิชาลี้ลับมากมาย ผู้บ่มเพาะพลังทั่วไปไม่กล้าที่จะหาเรื่องพวกเขาตรงๆ เพราะกลัวว่าวันดีคืนดีจะถูกเล่นงานได้
ทำให้ปรมาจารย์ผู้ใช้พลังวิญญาณ ถือเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้รับการยกย่องนับถืออย่างมากในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง
โบราณสถานที่ปรากฏขึ้นส่วนใหญ่ จะถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์เหล่านี้ โบราณสถานบางแห่งเป็นหลุมฝังศพของปรมาจารย์ หรืออาจเป็นที่ซ่อนของสำนัก ตระกูล หรือแม้แต่โลกใบหนึ่ง เพื่อหลบหนีจากการต่อสู้ช่วงชิงในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง
เพราะพวกเขาเป็นปรมาจารย์เช่นกัน ทำให้พวกเขารู้ดีถึงความสามารถอันตรายของปรมาจารย์เป็นอย่างดี พวกเขาจึงสร้างกฎลงในข่ายอาคมไว้ว่าห้ามใช้พลังวิญญาณในโบราณสถาน
เพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าปรมาจารย์เข้ามาในโบราณสถาน
ทำให้โบราณสถานเป็นสถานที่ๆปรมาจารย์ ไม่อยากเข้าไป
แต่เขาไม่คิดเลยว่า กฎที่เหล่าปรมาจารย์ผู้ทรงพลังตั้งเอาไว้ จะมีข้อบกพร่องอย่างนี้!
จิวโมไป๋นิ่งคิดเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ได้คำตอบ
พลังจิตเป็นพลังพื้นฐานของพลังวิญญาณ
ในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง คนที่ฝึกฝนพลังจิตจริงๆไม่มีแล้ว เพราะถ้าพวกเขามีพรสวรรค์ในการฝึกฝนพลังจิต พวกเขาจะพยายามปลุกพลังวิญญาณเพื่อเป็นปรมาจารย์ ไม่มีใครเสียเวลาฝึกฝนพลังจิตที่ไร้ประโยชน์และอ่อนแอ
ถ้าไม่มีพรสวรรค์พลังจิต จะฝึกฝนพลังจิตทำไมให้เสียเวลา ถ้าไม่มีพรสวรรค์ก็ไปใส่ใจฝึกฝนบ่มเพาะพลังดีกว่า
ทำให้การฝึกพลังจิตถูกละเลยอย่างสิ้นเชิง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ค้นพบบางอย่าง เขามั่นใจว่าไม่ได้มีเพียงเขาเท่านั้นที่ค้นพบความลับนี้ คนอื่นๆจะต้องรู้เช่นกัน
แต่ด้วยข้อห้ามของโบราณสถาน พลังอื่นๆก็ถูกสะกดลดความแข็งแกร่งลงเช่นกัน ถ้าฝืนใช้พลังอื่น นอกจากพลังปราณ พลังธาตุ มันจะสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงและพละกำลังอย่างมาก
ทำให้การใช้พลังอื่นๆในโบราณ ไม่คุ้มค่าที่จะใช้
และพลังจิตในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง ไม่ได้พัฒนาวิชาที่เกี่ยวข้องกับพลังจิตมากนัก เพราะไม่จำเป็น พลังจิตเป็นเพียงพื้นฐานในการปลุกพลังวิญญาณเท่านั้น
ทำให้แม้จะรู้ว่าพลังจิตสามารถใช้ในโบราณสถานได้ แต่ก็ไม่มีวิชาอะไรที่จะสามารถใช้ได้ เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ที่รู้ว่าพลังจิตสามารถใช้ในโบราณสถานได้ก็ค่อยๆเลือนหายไปตามเวลา
และอาจจะมีอีกเหตุผลหนึ่งคือ ผู้ที่มีพรสวรรค์ในพลังจิต จะถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดจากตระกูลหรือสำนัก จนกระทั้งปลุกพลังวิญญาณ ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้เข้าโบราณสถาน เมื่อในตอนที่พวกเขายังมีพลังจิตอยู่
ทำให้การใช้พลังจิตได้ ในโบราณสถานไม่ถูกค้นพบ
มิติโลกพึ่งเข้าสู่อารยธรรมแห่งการบ่มเพาะพลัง พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับปรมาจารย์ผู้ใช้พลังวิญญาณ และพวกเขาไม่รู้ว่าโบราณสถานมีข้อห้ามเกี่ยวกับพลังวิญญาณ
พวกเขามีผู้ใช้พลังจิต เช่นผู้ใช้ยันต์ พวกเขาสามารถใช้พลังจิตในโบราณสถานได้ ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกผิดปกติอะไร
นี้จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่อิโทซะจะแสดงสีหน้า เหมือนเป็นเรื่องปกติ ที่สามารถใช้ยันต์ในโบราณสถานได้
จิวโมไป๋สูดลมหายใจอย่างช้าๆ ทำไมเขาในอดีตไม่พบความลับนี้?
เขานึงถึงตัวเองในอดีตก็ส่ายหัวเบาๆ เขาในตอนนั้นไม่สนใจโบราณสถานเลย และเขาก็ปลุกพลังวิญญาณในเวลาไม่นาน ทำให้เขาไม่ค้นพบความลับนี้
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาก็ชะงักเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ในที่สุดปริศนาที่เขาสงสัยมานานก็ได้คำตอบ
ว่าทำไมตระกูลที่ออกจากมิติโลก ไปตั้งถิ่นฐานในมิติอื่นๆถึงสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็ว
พวกเขารู้ความลับของพลังจิต!
เขาเคยสงสัยว่าทำไมตระกูลเหล่านั้น ถึงพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำไมพวกเขามีสมบัติล้ำค่ามากมาย
แตกต่างจากสำนักของเขาที่พัฒนาอย่างเชื่องช้า ถ้าเขาไม่มีความสามารถในการหลอมโอสถและแก้ไขเคล็ดวิชา สำนักของเขาอาจถูกขุมอำนาจอื่นกลืนกินไปแล้วก็ได้
ผู้สติปัญญา ความรู้ จะเป็นผู้ที่นำหน้าเสมอ
จิวโมไป๋กำหมัดแน่น ความลับนี้ล้ำค่ากว่าสมบัติใดๆ
ด้วยความสามารถของเขา สามารถสร้างวิชาเกี่ยวกับพลังจิตได้มากมาย การสำรวจโบราณสถาน จะกลายเป็นสนามหลังบ้านของเขาเองในอนาคต!
“จิวโมไป๋!”เสียงร้องของอิโทวะดังขึ้นเรียกสติ จิวโมไป๋หันไปมองด้วยความสับสนครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเรียกสติกลับมา เขาก็เห็นหมอกสายฟ้าที่ปกคลุมโดยรอบหนาแน่นขึ้น สายฟ้าที่แลบไปมาปะทุอย่างรุนแรง กฎแห่งสายฟ้าโดยรอบเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้
“กลุ่มผู้พิทักษ์สายฟ้าระดับ 6 โลหิตกลางกำลังมา นายจะตามฉันไปทางลับไหม มันจะตรงไปยังพื้นที่สำคัญที่สุดของโบราณสถาน”อิโทซะเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร เขารู้สึกติดค้างจิวโมไป๋ที่ช่วยชีวิตเขาหลายครั้ง
จิวโมไป๋กวาดสายตามองผ่านมองไปทางปราสาทสีดำ เขาเห็นกลุ่มภูติสายฟ้ากำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง พลังกดดันที่พวกมันแผ่ออกมามากกว่าภูติสายฟ้าระดับกลางที่เขาสามารถเข่นฆ่าอย่างง่ายดาย
“ทางลับ? ถ้านายบอกฉัน มันจะไม่ผิดกฎของสำนักของนายเหรอ?”จิวโมไป๋ถาม
“ไม่เป็นไร”อิโทซะส่ายหน้า ก่อนจะอธิบาย”ทุกคนที่เข้ามาในโบราณสถานแห่งนี้ จะถูกลงอาคม ห้ามนำข้อมูลเกี่ยวกับโบราณสถานออกไป ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือเขียนก็ไม่สามารถทำได้ ถ้าฝ่าฝืนอาคมจะระเบิด สังหารคนที่ฝ่าฝืนทันที”
จิวโมไป๋ที่ได้ยินก็ไม่ประหลาดใจ เพราะข้อห้ามลักษณะนี้ เป็นข้อห้ามที่โบราณสถานส่วนใหญ่วางกฎเอาไว้
และเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่มีใครบอกอะไรเลย
“ถ้าไม่มีปัญหา ก็ไปกันเถอะ”จิวโมไป๋พยักหน้า ก่อนจะใช้มือประคองไหล่ขวาของอิโทซะ
อิโทซะก้มหน้าขอบคุณ คิยูมิกระโดดออกจากแขนของอิโทวะ ไปเกาะที่ไหล่ซ้าย
อิโทซะชี้ทาง จิวโมไป๋พาอิโทวะไป ทิ้งริกะไว้ด้านหลัง พวกเขาตกลงกันสองคนทิ้งหญิงสาวอย่างไม่แยแส
ริกะเดินตามชายหนุ่มทั้งสอง ไม่พูดขัดอะไร ดวงตาคู่งามแฝงไปด้วยความคิดบางอย่าง
ก่อนที่พวกเขาจะไป จิวโมไป๋ก็ถือโอกาส กวาดสายตามองความเสียหาย ดวงตาที่ห่อหุ้มพลังจิต สามารถมองเห็นทุกสิ่งโดยรอบได้อย่างชัดเจน
ดวงตาของจิวโมไป๋พลันเป็นประกายตื่นเต้น มีจริงๆ!
จิวโมไป๋เห็นหินสายฟ้า ตกกระจัดกระจายหลายชิ้น ไม่รอช้า เขารอบใช้เถาวัลย์ขนาดเล็กเลื่อยไปตามพื้น เข้าไปเก็บหินสายฟ้าก่อนจะดึงมันกลับ โดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
แม้แต่ริกะที่อยู่ด้านหลังก็ไม่รู้สึกตัว
หินสายฟ้า ชิ้นที่ 10 พอดี!
จิวโมไป๋เก็บหินสายฟ้าในแหวนมิติเก็บของ
พวกเขาเร่งความเร็วเข้าไปในพื้นที่มีอาคารหนาแน่น อิโทซะซ่อนกฎแห่งธาตุสายฟ้าในร่าง ทำให้ภูติสายฟ้าหาพวกเขาไม่พบ พวกเขาหลบเลี่ยงไปตามอาคาร โดยที่ไม่ปลุกภูติสายฟ้าในอาคาร
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ่อน้ำเล็กๆ ด้านหลังอาคารสองชั้น แตกต่างจากอาคารหลังอื่น
“มีคนผ่านทางนี้ และลงไปก่อนแล้ว”ริกะที่ถูกละเลยเอ่ยขึ้น พลางชี้ไปที่รอยเท้าบนขอบบ่อน้ำ
“ลงไปกันเถอะ”อิโทซะพูดขึ้น ก่อนจะเป็นคนนำกระโดดลงไปทันที จิวโมไป๋กระโดดตามหลัง
ริกะกำมือแน่น หันไปชกที่กำแพงอาคารสองชั้น
ตูม! หมัดของเธอชกทะลุกำแพงอาคาร ดวงตาเย้ายวนฉายแววสังหารออกมาอย่างเข้มข้น มันรุนแรงกว่าทาคาฮิโระหลายเท่า หญิงสาวสูดลมหายใจสงบสติ อารมณ์ความโกรธแค้นถูกเก็บกลับไป ก่อนที่เธอจะกระโดดลงไป
ด้านล่างไม่มีน้ำสักหยดเดียว มันเป็นทางเดินใต้ดินตรงไปยังใจกลางโบราณสถาน
หญิงสาวมองไปตามทางเดิน ก็เห็นหลังของจิวโมไป๋และอิโทซะที่เดินไปไม่สนใจเธอเลย
หญิงสาวสูดลมหายใจก่อนจะใช้ท่าร่างไล่ตาม ไม่นานเธอก็มาอยู่ข้างๆพวกเขา
ทั้ง 4 คน เร่งความเร็วไปจนถึงทางตัน ด้านบนมีช่องทางขึ้น พวกเขากระโดดขึ้นไปอย่าง่ายดาย จิวโมไป๋เป็นคนนำ
ไม่มีใครเตือน เขาจึงมั่นใจว่าไม่มีอันตราย ด้านบนมีฝาไม้ปิดลงมา เขาใช้แรงเบาๆฝาไม้ก็เปิด
เมื่อเขากระโดดออกจากช่องทาง ก็ต้องชะงัก เพราะโดยรอบเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เขามั่นใจว่าที่นี่คือภายในปราสาทดำ
แต่ที่ทำให้เขาตกใจคือ ภายในห้องโถงเรียงรายไปด้วยแท่นหินสี่เหลี่ยม ที่เหมือนป้ายหลุมศพนับหมื่น!