ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 408 สุสานวีรชน
จิวโมไป๋นิ่งมองป้ายหลุมศพนับไม่ถ้วน ก่อนจะรู้สึกตัวว่ายังมีคนกำลังตามขึ้นมาอยู่ เขากระโดดออกจากทางขึ้น อิโทซะและริกะกระโดดตามขึ้นมาติดๆ
อิโทซะกวาดตามองรอบๆ ก่อนจะก้มหัวแสดงท่าทางเคารพ แมวดำคิยูมิที่เกาะไหล่ก็ทำความเคารพเช่นกัน
ริกะยืนอยู่ด้านหลังยิ้มแผ่วเบา ดวงตาคู่งามกวาดมองไปรอบ ก่อนจะมองไปยังทิศทางหนึ่ง
อิโทซะเงยหน้าขึ้นหันมาหาจิวโมไป๋และเอ่ย
“โบราณสถานแห่งนี้ มีชื่อเรียกว่าว่าโบราณสถาน‘สุสานวีรชน’ เป็นสถานที่เก็บเถ้าอัฐิของผู้ที่สร้างชื่อเสียงหรือสะสมบุญจำนวนมหาศาลให้กับสำนัก”ดวงตาของอิโทซะส่องประกายชื่นชม
จิวโมไป๋พยักหน้า มองไปยังป้ายสุสานจำนวนมาก
“ด้านในสุสานไม่มีอะไร มีเพียงเถ้ากระดูกเท่านั้น”อิโทวะพูดขึ้น
จิวโมไป๋ชะงัก ก่อนจะลูบหัวเบาๆ อย่างเก้อเขิน เขาหันมายิ้มและถาม
“แสดงว่าที่นี่เป็นสุสานที่ถูกสร้างขึ้น งั้นก็ไม่มีสมบัติโบราณเก็บไว้สินะ”จิวโมไป่แกล้งถาม
“ไม่ใช่ซะทีเดียว”อิโทซะส่ายหัวตอบ และเดินพวกเขาเดินไปยังใจกลางของสุสาน ก่อนจะพูดต่อ”โบราณสถานแห่งนี้ อยู่คู่กับสำนักมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในอดีตอาจมีสมบัติล้ำค่า แต่ตอนนี้ถูกเก็บไปจนหมดไม่มีเหลือแล้ว และได้กลายเป็นสุสานของสำนัก เพราะมันเป็นสถานที่ปลอดภัยไม่มีใครเข้ามาได้ง่ายๆ
แต่ถึงจะไม่มีสมบัติโบราณเหลืออยู่เลย แต่ที่นี่ก็มีสิ่งล้ำค่าอยู่สองอย่าง หนึ่งคือผู้พิทักษ์สายฟ้าด้านนอก เมื่อสังหารผู้พิทักษ์สายฟ้า มันจะลงเหลือละอองพลังแห่งกฎสายฟ้า มันช่วยเพิ่มความเข้าใจกฎแห่งธาตุสายฟ้าและเพิ่มโอกาสในการตระหนักกฎแห่งธาตุสายฟ้า…”
อิโทซะหยุดกึก สายตาของเขามองเห็นร่างในชุดสีม่วงนั่งสมาธิอยู่ไกลออกไป ห่างจากใจกลางสุสานไม่มากนัก
“มีคนมาก่อนจริงๆ”
พวกเขามองตรงไป แต่ไม่สามารถระบุว่าเป็นใคร เพราะความมืดทำให้ระยะการมองเห็นแคบลง
จิวโมไป๋ใช้พลังจิตไปที่ดวงตาและมองออกไป ก็เห็นร่างของทาเคยูชิ พี่ชายทาคาฮิโระ กำลังนั่งหลับตารอบร่างของเขามีม่านพลังสีม่วงป้องกันร่างของเขาเอาไว้
“พวกเราไปดูกันเถอะว่าเป็นใคร”ริกะที่เดินตามเงียบๆ ก็พูดขึ้น
ทุกคนพยักหน้าไม่ปฏิเสธ
“แล้วสิ่งล้ำค่าอีกอย่างล่ะ?”จิวโมไป๋ถามขึ้น เขากังวลว่าเมื่ออิโทซะเห็นทาเคยูชิ จะมีไม่โอกาสได้ถามอีก
“คือที่นี่!”อิโทซะชี้ไปที่ใจกลางห้องโภง ดวงตาเป็นประกายด้วยความภาคภูมิใจ
ใจกลางสุสานมีเสาหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นชัดเจน สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
อิโทวะไม่อธิบายเพิ่มพวกเขาเดินไปเรื่อยๆ พวกเขาก็สามารถมองเห็นคนที่นั่งอยู่ก่อน
“ทาเคยูชิ!”ใบหน้าของอิโทวะกลายเป็นเคร่งเครียด มือแตะที่ด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว เขาพึ่งเผชิญหน้ากับน้องชายของอีกฝ่าย ทำให้เขาไม่สามารถลดความหวาดระแวงจากอีกฝ่ายได้ เขาไม่รู้ว่าทาคาฮิโระทรยศสำนักคนเดียว หรือทั้งตระกูลอิชิดะ ต้องการทรยศสำนัก
คิยูมิขยับตัวลุกยืนบนไหล่ของอิโทซะเตรียมพร้อมที่จะกระโดดลงไเพื่อไม่รบกวนการต่อสู้
แต่อิโทวะไม่ทำอะไรหุนหัน เพราะเขารู้ว่าม่านพลังสามารถป้องกันการโจมตีของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกได้ เขาไม่สามารถโจมตีทาเคยูชิในเวลานี้ได้
อิโทซะสูดลมหายใจ ก่อนจะหันมาพูดกับคนอื่นๆ
“ไม่ต้องสนใจ เขากำลังได้รับการ’สืบทอด’อยู่ เขาไม่สามารถทำอะไรได้”
อิโทซะเดินไปต่อโดยไม่อธิบายอะไร พวกเขาเดินผ่านทาเคยูชิ ไปถึงแท่นหินใจกลางสุสาน อิโทซะก้มหัวทำความเคารพก่อนจะหันมาอธิบาย
“แท่นหินนี้ จะเป็นตัวทดสอบความเข้ากันได้ ของลักษณะนิสัย เคล็ดวิชาที่ฝึกฝน พรสวรรค์ ความเชี่ยวชาญ และอื่นๆ”
“ทดสอบความเข้ากันได้ เข้ากันกับอะไร?”จิวโมไป๋ถามด้วยท่าทางสงสัย แต่ที่จริงแล้วเขาพอจะคาดเดาได้แล้วว่าที่นี่มีไว้เพื่ออะไร
“ทดสอบความเข้ากันได้กับวีรชนของสำนัก ที่ถูกฝังที่นี่!”อิโทวะตอบดวงตาสั่นระริกด้วยความตื่นเต้นมองไปยังแท่นหิน
อิโทซะหันมาทางจิวโมไป๋อธิบายเพิ่ม”ยิ่งมีความเข้ากันได้มากเท่าไหร่ โอกาศที่จะได้รับการสืบทอดความทรงจำบางส่วนของวีรชน เพื่อเป็นแน่นทาง ในการพัฒนาให้ก้าวหน้าจะมากขึ้น ยิ่งมีความเข้ากันได้กับวีรชนมากเท่าไหร่ โชคดีที่จะได้รับความทรงจำที่มีวิชาต่อสู้มากขึ้น”
เป็นที่สืบทอดความสามารถจริงๆ! จิวโมไป๋รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะถ้าเป็นสถานที่สืบทอด มันจะมีข้อห้ามบางอย่าง ที่ป้องกันคนนอก ไม่ให้ได้รับการสืบทอดเหมือนกับศิษย์หรือทายาท
อิโทซะมองจิวโมไป๋ด้วยความเสียใจเล็กน้อย
“น่าเสียดาย คนนอกที่มีโอกาสได้มาที่นี่ ส่วนมากจะไม่ได้รับการยอมรับจากวีรชนของสำนัก”
จิวโมไป๋พยักหน้าช้าๆอย่างไม่แปลกใจ
มันคงจะประหลาดที่คนนอกจะได้รับการสืบทอดวิชาของสำนักไป และเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไม คนของสำนักดาบสายฟ้าคำรณถึงยอมให้คนนอกเข้ามาในสถานที่สำคัญได้
แม้จะไม่สามารถนำข้อมูลของโบราณสถานออกไปได้ แต่มันก็มีความเสี่ยงอยู่ดีถ้าปล่อยให้คนนอกเข้ามา
แต่เมื่อรู้ว่าในโบราณสถานไม่มีของล้ำค่า
โบราณสถาน สุสานวีรชน มีไว้สำหรับคัดเลือดศิษย์ของสำนักดาบสายฟ้าคำรณที่โดยเด่น ให้ได้รับการสืบทอดความสามารถจากวีรชน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนนอกเลย