ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 409 แท่นทดสอบ
ของล้ำค่าเพียงอย่างเดียวสำหรับคนนอก มีเพียงภูติสายฟ้า ซึ่งมันมีไว้เพื่อคนที่มีความถนัดในการเข้าใจกฎแห่งธาตุสายฟ้า ถ้าไม่มีความถนัด การฆ่าภูติสายฟ้ามันก็ได้รับประโยชน์น้อยกว่าผู้มีความถนัดมาก
และภูติสายฟ้าเหล่านี้ก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในขั้นที่ 6 โลหิต คนส่วนน้อยจริงๆที่จะเสี่ยงชีวิตเข้ามาฆ่ามัน เพื่อให้ได้รับความเข้าใจกฎแห่งธาตุสายฟ้าซึ่งมันไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์กับตัวเองหรือเปล่า
แตกต่างจากศิษย์ของสำนักดาบสายฟ้าคำรณ เมื่อพวกเขารับสมครศิษย์เข้าสำนัก พวกเขาจะทดสอบความถนัดในกฎแห่งธาตุสายฟ้าก่อนรับสมัคร ทำให้ศิษย์ของสำนักทุกคนมีความถนัดในกฎแห่งธาตุสายฟ้า พวกเขาจะได้รับประโยชน์มากที่สุดในการฆ่าภูติสายฟ้า
พูดได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้มีไว้เพื่อศิษย์สำนักดาบสายฟ้าคำรณ คนนอกแค่ได้รับส่วนแบ่งเล็กๆเท่านั้น และการที่คนนอกจะได้รับสิทธิ์เข้าโบราณสถาน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากถึงจะได้รับอนุญาต
เจ้าอาวาสหงหมิงต้องช่วยทำภารกิจเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต ถึงได้รับสิทธิ์ 3 ตำแหน่ง แต่ด้วยกฎการท้าทาย ทำให้เหลือสิทธิ์เพียง 2 แห่งเท่านั้น
หงหยุน ศิษย์ของเจ้าอาวาสหงหมิงดูเหมือนว่าจะไม่มีความถนัดในกฎแห่งธาตุสายฟ้า พูดได้ว่าเขาเข้ามาอย่างเปล่าประโยชน์
เพราะข้อห้ามนำข้อมูลออกจากโบราณสถาน ทำให้เจ้าอาวาสหงหมิง ไม่รู้ว่าภายในโบราณมีโอกาสอะไร เขาอาจจะรู้แค่ว่ามีโอกาสล้ำค่าอยู่ในโบราณสถาน จึงรับปากช่วยเหลือพันเอกนาคามูระ
เขาเสี่ยงอันตราย แต่ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากโบราณสถานเลย
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย สำหรับคนอื่น พวกเขาคิดว่าการเข้าโบราณสถานแห่งนี้ไม่คุ้มค่า แต่สำหรับเขามันเป็นโอกาส!
อิโทซะรู้สึกเสียใจแทนจิวโมไป๋ เขาคิดว่าจิวโมไป๋ตระหนักกฎแห่งธาตุไม้ เขาไม่มีความถนัดในกฎแห่งธาตุสายฟ้า การฆ่าผู้พิทักษ์สายฟ้านั้นไร้ประโยชน์ ทำให้เขาตัดสินใจพาจิวโมไป๋มาที่นี่ เพื่อหลบหนีทาคาฮิโระและรอเวลาหมด เพื่อออกจากโบราณสถาน
“ฉันขอไปทดสอบก่อนนะ”ริกะที่รอจังหวะพูดแทรกขึ้น เมื่ออิโทวะพูดจบ เธอไม่ปล่อยให้คนอื่นได้ทักท้วง เธอเดินไปวางมือบนแท่งหิน
พลังงานสายฟ้าสีม่วงสว่างขึ้นที่ฝ่ามือของเธอ จากนั้นป้านสุสานโดยรอบประมาณ 80 ป้าย ก็ส่องแสงสีม่วงออกมา ป้ายสุสานที่ส่องสว่าง พวกมันส่งกลิ่นอายที่มีลักษณะคล้ายๆกันออกมา พวกมันมีความเข้ากันได้กับริกะมากที่สุด
ริกะกวาดตามองไปรอบๆ ดวงตาคู่งามสั่นระริดด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะไปหยุดอยู่ที่ป้ายสุสานใกล้ๆ แท่นทดสอบ ป้ายสุสานแห่งนั้นมีแสงสีม่วงแผงไปด้วยกลิ่นอายเย้ายวน เต็มไปด้วยความลุ่มหลง
“ระยะทางระหว่างสุสานและแท่นทดสอบ จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งและผลงานของวีรชนคนนั้นๆ ยิ่งอยู่ใกล้แท่นทดสอบ โอกาสที่จะได้รับยิ่งมีมากขึ้น”อิโทซะกระซิบอธิบาย
จิวโมไป๋พนักหน้า
ริกะหันมามองพวกเขา ก่อนที่สายตาจะมองไปยังแมวดำคิยูมิ เธอยกยิ้มอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปยังป้ายสุสานที่เธอเลือก
พลังของปิศาจแมวแห่งโชคมีประโยชน์จริงๆ
ในอดีตเธอได้รับการยอมรับแค่ 50 ป้ายเท่านั้น และวีรชนก็ไม่ได้แข็งแกร่งนัก ครั้งนี้เธอจึงเลือกที่จะติดตามคิยูมิ เพื่ออาศัยพลังแห่งโชคของเธอ
ริกะเดินไปถึงป้ายสุสาน แสงสีม่วงก็ครอบร่างของเธอเป็นม่านพลัง ปกป้องร่างกายของเธอ เหมือนกับ ม่านพลังของทาเคยูชิ หญิงสาวไม่รอช้านั่งลงทำสมาธิทันที
“น้องไปก่อน”อิโทซะ หันมามองคิยูมิในร่างแมวดำที่เกาะอยู่บนไหล่ของตัวเอง
คิยูมิพยักหัวเล็กๆ ก่อนจะกระโดดลงจากไหล่ของอิโมซะ และเดินไปหน้าแท่นหินและใช้เท้าเล็กๆแตะเบาๆ แท่นหินก็ส่องสว่าง ป้ายสุสาน 200 กว่าแห่งก็สว่างขึ้น
ป้ายของคิยูมิ มีลักษณะแตกต่างจากของริกะที่มีความเย้ายวน แต่ของเธอมีความแหลมคมและพลิ้วไหว มันมีความเข้ากันได้กับวิชาที่เธอฝึกฝน
คิยูมิเลือกป้ายสุสานที่ใกล้แท่นหินเหมือนกับริกะ แต่อยู่อีกด้าน
“นายหาที่ซ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังก่อน นายไม่มีโอกาสได้รับการสืบทอด ทำให้ไม่มีม่านพลังป้องกัน ถ้าทาคาฮิโระมาถึงนายจะตกอยู่ในอันตรายได้”อิโทวะเตือน ก่อนจะเดินไปวางมือบนแท่นหิน
ป้ายสุสาน 70 แห่งสว่างขึ้น เขาเลือกสุสานที่ใกล้แท่นหิน อยู่ไม่ไกลจากป้ายสุสานของน้องสาวของเขามากนัก
จิวโมไป๋ที่เหลืออยู่คนเดียวรอให้อิโทซะเข้าไปในภวังค์สืบทอด
ก่อนที่เขาจะเดินสำรวจรอบๆ สายตาที่ห่อหุ้มพลังจิตมองลงไปใต้สุสานแต่ก็ไม่พบอะไร เนตรแห่งจิตมองเห็นเพียงเงาเลือนลางได้เท่านั้น มันไม่สามารถมองทะลุเหมือนจิตสัมผัส แต่เขามั่นใจว่าในหลุมฝั่งใต้สุสานไม่มีของล้ำค่าอะไรอย่างที่อิโทซะบอก
เขาเดินมาถึง ป้ายสุสานที่ทาเคยูชิกำลังสืบทอดอยู่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เพราะมันมีกลิ่นอายของ วิชาต้องห้าม ลมหายใจแห่งเทพฟุสึโนะจิ
จิวโมไป๋เดินวนไปรอบๆ แต่ก็ต้องผิดหวังเขาไม่ได้รับเบาะแสอะไรเลย ก่อนที่ความคิดนึ่งจะแลบขึ้นมา ไม่รอช้า เขาเดินไปที่แท่นหินใจกลางสุสาน ก่อนจะวางมือลงไป