ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 438
เห็นว่าทุกคนไม่พูดอะไร จิวโมไป๋เดินเข้าไปหาทาเคยูชิที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรงหลังจากฝืนใช้วิชาต้องห้าม อิโซาชิมองจิวโมไป๋ที่กำลังจะพยุงทาเคยูชิ เขามีความรู้สึกลังเลเล็กน้อย ในการต่อสู้เขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ที่สุด เขาแทบจะไม่สามารถช่วยใครได้เลย เขาจึงข่มความสงสัยในตัวทาเคยูชิ และก้าวเท้ายาวๆไม่กี่ครั้งก็แซงหน้าจิวโมไป๋ ไปถึงร่างของทาเคยูชิ เขาสอดมือเข้าไปพยุงใต้แขนอีกฝั่ง ก่อนจะดึงร่างนั้นขึ้น
จิวโมไป๋ที่กำลังจะจับทาเคยูชิชะงัก
อิซาชิหันมามองจิวโมไป๋และพูด
“ฉันจะพาไปเอง ทาเคยูชิยังเป็นผู้ต้องสงสัยอยู่ หลังจากฟื้นฟูร่างกายแล้วฉันจะส่งเขาไปตรวจสอบ”
จิวโมไป๋พยัก เขาเป็นคนนอกพูดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
อิซาชิประคองร่างทาเคยูชิและกำลังจะเดินไป ก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาหันกลับมาถามจิวโมไป๋
“นายรักษาผลกระทบจากการใช้วิชาต้องห้ามไปแล้วหรือยัง?”
“ฉันสลายพลังงานตกค้างในร่างออกไปจนหมดแล้ว นายรักษาเขาด้วยสารอาหารพื้นฟูได้เลย”จิวโมไปตอบ
“ขอบคุณ”อิซาชิกล่าวจบ เขาก็ใช้ท่าร่างพาทาเคยูชิ ไปอาคารพยาบาลของสำนัก ทางด้านที่ไม่ถูกทำลายจากการต่อสู้
เมื่ออิซาชิจากไป ชายชุดเทาที่ตรวจสอบโดยรอบก็กลับมาพร้อมกับร่างของผู้พิทักษ์เพลิงทมิฬ เขาเดินไปหาเคนซูกุที่นั่งยอมแพ้บนพื้น ในมือของเขามีกุญแจมือสีดำเงา โดยไม่ต้องบอกเคนซุกุยื่นข้อมือมาข้างหน้าแต่โดยดี ชายชุดเทาเอากุญแจมือค้องข้อมือสองข้างก่อนจะพูด
“ไป!”
เคนซูกุพยักหน้าลุกขึ้นและเดินไปแต่โดยดี ก่อนจะไปเขาหันมามองทุกคนก่อนจะกระตุกมุมปากยิ้มเยาะออกมา
ทุกคนที่เห็นก็โกรธ แต่ไม่มีใครเข้าโจมตี เพราะอีกฝ่ายถูกจับกุมแล้ว ถ้าพวกเขาโจมตีในตอนนี้ พวกเขาจะเป็นฝ่ายผิดและถูกลงโทษตามกฎหมายทันที
เคนซูกุเห็นดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ เดินจะหันหน้ากลับและเดินจากไปด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ราวกับว่าตัวเองไม่ได้ถูกจับ แต่กำลังเดินเล่นในสนามบ้านตัวเอง
ทุกคนข่มความโกรธมองไปรอบๆ ก็พึ่งสังเกตว่าคนของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้าที่หมดสติหรือบาดเจ็บต่างก็ถูกใส่กุญแจมือสีดำ
จี้หยางเฟยก้มลงมองกำไลข้อมือของตัวเอง มีภาพโฮโลแกรมแผนที่ขนาดเล็ก เขามองไปที่จุดสีทองสามจุดที่อยู่ไม่ไกล เขาหันมาหาจิวโมไป๋
“น้องชาย นายหาที่พักผ่อนก่อน ฉันจะไปหาเจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ของเขา”พูดจบจี้หยางเฟยก็ใช้ท่าร่างจากไปทันที โดยไม่ปล่อยโอกาสให้จิวโมไป๋ได้พูด
จิวโมไป๋กังวลว่าจี้หยางเฟยจะไปพบโคลมไฟที่เขาซ่อน เมื่อเห็นว่าจี้หยางเฟยไปอีกทาง เขาก็ถอนหายใจโล่งอก
ไม่นานเจ้าสำนักดาบสายฟ้าคำรณและพันเอกนาคามูระก็มาถึงที่นี่
พวกเขาตรวจสอบทุกคน ก่อนจะหันไปมองคิยูมิ ที่ตอนนี้ใส่เสื้อคลุมของอิโทซะคลุมหัว เพื่อปกปิดร่างครึ่งปีศาจแมว ทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าคิยูมิเสียชีวิตจริงๆ พวกเขาสามารถมองเห็นจุดจบของสำนักได้เลย
เจ้าสำนักดาบสายฟ้าคำรณ ไปรอคนของรัฐบาล ที่กำลังมาตรวจสอบการต่อสู้
พันเอกนาคามูระพาคนที่บาดเจ็บไปรักษา
จิวโมไป๋กลับไปบ้านพักหลังที่เขาอยู่เมื่อคืน บ้านหลังนี้ไม่ถูกทำลายไปด้วย
ไม่นานเจ้าอาวาสหงหมิงและศิษย์ทั้งสองของเขาก็เข้ามา พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บเลย พวกเขาถูกคนของสำนักดาบเพลิงทลายฟ้ากักตัวไม่ให้เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้
เจ้าอาวาสหงหมิงเดินมายังบ้านพักของจิวโมไป๋และสอบถามถึงสถานการณ์ และช่วยตรวจสอบร่างกาย ดูบาดแผล เมื่อเห็นว่าจิวโมไป๋ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนักเขาก็เบาใจ เขาคิดว่าจิวโมไป๋เป็นศิษย์ของตัวเอง
ด้านนอกหงเฟยกำลังพูดคุยกับหงหยุนที่ก้มหน้าอย่างละอายใจ ที่เขาหลบหนีไม่ช่วยจิวโมไป๋ต่อสู้กับเคนซูกุ
“อย่าเก็บมาใส่ใจ พวกเราเป็นคนนอก ไม่ควรไปเกี่ยวข้องกับความบาดหมางระหว่างสำนัก…”หงเฟยพูดปลอบโยน
หงหยุนพยักหน้ารับฟัง จิตใจที่หนักอึ้งเบาลงเล็กน้อย
“พรุ่งนี้พวกเราจะกลับตอนเช้า โยมควรพักผ่อน เตรียมตัวกลับ”เจ้าอาวาสหงหมิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะจากไป
จิวโมไป๋มองตามหลังเจ้าอาวาสหงหมิง เขาใช้จิตสัมผัสบางเบาคอยดูโคลมไฟที่กักเก็บเพลิงผลาญธุลีเมื่อเห็นว่ามันยังถูกซ่อนอยู่ที่เดิม เขาก็ปลดจิตสัมผัส
ที่เขาไม่รีบไปเก็บเพราะตอนนี้มีผู้บ่มเพาะพลังอันทรงพลังจากรัฐบาลประเทศเกาะ กำลังตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดการต่อสู้ ถ้าเขาออกไปอาจถูกเข้าใจผิดได้ และเขาก็ไม่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบตรงๆ เพราะผู้บ่มเพาะพลังของประเทศเกาะมีประสาทสัมผัสเฉียบคม เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกถึงจิตสัมผัสของเขาได้ ดังนั้นเขาจึงพยายามไม่ใช้จิตสัมผัส
แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่า จี้หยางเฟยจะเดินไปสะดุดเข้ากับโคลมไฟด้วยความบังเอิญ ด้วยโชคมหาศาลของจี้หยางเฟย โอกาสแบบนี้มีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ
จิวโมไป๋ถอนหายใจ ก่อนจะข่มใจหลับตาทำสมาธิฟื้นฟูพลัง