ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 443 หลิวหวูชิง
จิวโมไป๋ทำความเคารพจางฟูอย่างสุภาพ เขารู้จักตัวตนของชายชราเป็นอย่างดี ชายชราคือผู้ที่ช่วยเหลือประเทศอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้พัฒนาสิ่งต่างๆเพื่อช่วยเหลือประเทศอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
นอกจากตำแหน่งหัวหน้าหน่วยวิจัยเขตใต้แล้ว จางฟูยังเป็น 1 ใน 5 นักปรุงยาระดับ 8 ดาว ของประเทศมังกร
แม้ว่าการจัดอันดับดาวของนักปรุงยาจะไม่ถูกต้องนัก แต่การที่จางฟูสามารถเป็นนักปรุงยาระดับ 8 ดาวได้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา
ในอนาคตเมื่อโลกได้รับความรู้และข้อมูลจากโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง
จางฟูได้กลายเป็นนักปรุงยาระดับ 5 ดาว ติดอันดับนักปรุงยาอันดับต้นๆของโลก
แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับนักปรุงยาในโลกแห่งการบ่มเพาะพลังก็ตาม แต่ความสามารถและความรู้ของเขาก็แข็งแกร่ง เขาสามารถสร้างนักปรุงยามากมายที่มีความสามารถมากกว่าตัวเองขึ้นมาหลายคน
เมื่อจิวโมไป๋ได้เข้าหน่วยวิจัย เขาไม่มีโอกาสได้เรียนรู้การปรุงยาจากจางฟู เพราะเขาเริ่มเรียนรู้การปรุงยาช้า ทำให้ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงพรสวรรค์ออกมา แต่ก็ถูกอายุปิดบัง เขาเสียโอกาสมากมาย ถ้าเขาได้เรียนรู้จากจางฟู ความสามารถในการปรุงยาของเขาอาจเพิ่มขึ้น หรือ อาจจะลดลงก็ได้ เขาไม่มีทางรู้อนาคตได้ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่รู้สึกเสียใจนัก
นักวิจัยอีกสองคนเดินเข้ามา
จางฟูเปิดทางให้จิวโมไป๋ได้เห็นชายวัยกลางคนผอมสูงและหญิงสาวร่างสูงโปร่งอายุประมาณ 22 ปี หญิงสาวสวมแว่นตากรอบดำหนาที่ปิดบังใบหน้าเกือบครึ่ง มันซ่อนใบหน้าอ่อนหวานน่ารักเอาไว้
จางฟูแนะนำทั้งสอง
“คนนี่คือ หลิวจ้างชิว หัวหน้าสมาคมปรุงยานักปรุงยา และเด็กสาวคนนี้คือ หลิวหวูชิง ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน”
จิวโมไป๋เห็นทั้งสองเขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะทักทาย
“ฮ่าๆ ได้ยินชื่อเสียงมานาน”หลิวจ้างชิวหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ในตอนที่จิวโมไป๋ปล่อยสูตรโอสถทั้ง 12 ชนิด เขารีบถือสูตรเป็นกลุ่มแรกๆ ทำให้สามารถรวบรวมวัตถุดิบและปรุงโอสถทั้ง 12 ชนิดได้ทัน ทำให้ สมาคมนักปรุงยาไม่สูญเสียมากนัก แต่เพราะโอสถทั้ง 12 ชนิด ทำให้พวกเขาวุ่นวายในการวิจัยมากขึ้น
เขาทั้งทั้งชื่นชมและโกรธเล็กๆกับชายหนุ่มตรงหน้า
จิวโมไป๋ยิ้มรับ แต่ไม่พูดอะไร เขาลอบมองหลิวหวูชิงเล็กน้อย หลิวหวูชิงเป็นนักปรุงยาอัจฉริยะที่น่ายกย่อง แต่เธอซ่อนความสามารถของเธออย่างมิดชิด ไม่มีใครรู้ความสามารถในการปรุงยาที่แท้จริงของเธอ
ตัวตนที่เปิดเผยของเธอจะแสดงให้เห็นว่า เธอมีพรสวรรค์มากกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทุกคนที่เห็นก็ไม่ประหลาดใจในความสามารถของเธอ เพราะเธอเป็นลูกสาวของหัวหน้าสมาคมปรุงยาเขตใต้ ไม่แปลกที่เธอจะมีความสามารถในการปรุงยาแข็งแกร่งกว่ารุ่นเดียวกัน
ทุกคนถูกเธอหลอกจนหมด
แม้แต่ในช่วงเวลาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ชื่อเสียงของหลิวหวูชิงก็ไม่ปรากฏขึ้น ถ้าเขาไม่บังเอินพบหลิวหวูชิงที่ปลอมตัว ขายโอสถสมบัติปฐพี ระดับ 6 เขาก็ไม่มีทางรู้ว่าเธอสามารถปลอมโอสถสมบัติปฐพี 6 ได้
ถ้าเธอเข้ารวมการจัดอันดับเธอจะต้องเป็นปีมาจารย์ปรุงยา 10 อันดับแรงของโลกแห่งการบ่มเพาะพลังอย่างแน่นอน
ทุกคนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง พวกเขาเป็นนักปรุงยาที่มีความสามารถ พวกเขาต่างก็มีข้อมูลเกี่ยวกับการปรุงยาที่สามารถนำมาแลกเปลี่ยพูดคุยกันได้ พวกเขาจึงพูดคุยกันอย่างออกรส จิวโมไป๋เป็นฝ่ายถูกถามมากที่สุด และเขาก็ตอบได้ทั้งหมด ทุกคนชื่นชมจิวโมไป๋อย่างมาก
หลิวหวูชิงยังเผลอถามคำถามยากไม่สอดคล้องกับระดับการปรุงยาของเธอ คนอื่นอาจคิดว่าหญิงสาวแค่ถามเพื่อนำคำตอบไปเรียนรู้ แต่เขารู้ว่าหญิงสาวกำลังหลอกถามเขาเพื่อไปใช้โดยตรง แต่เขาก็ไม่ปิดปังเขาอยากให้ประเทศมีนักปรุงยาเก่งๆมากขึ้น
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จางฟูมองนาฬิกาเมื่อเห็นว่าได้เวลาแล้ว เขาก็กระแอมเบาๆ ทุกคนหยุดกันมามองเขาเป็นตาเดียว จางฟูมองจิวโมไป๋และพูด
“เธอคงสงสัยสินะ ว่าทำไมฉันถึงเชิญเธอเข้าร่วมการวิจัย”
จิวโมไป๋มองจางฟูก่อนจะพยักหน้า
“เมื่อไม่กี่วันก่อนพวกเราได้รับข้อมูลงานวิจัยเกี่ยวกับยาชนิดหนึ่งมา”จางฟูเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าว”แม้ข้อมูลงานวิจัยที่ได้มา จะมาจากองค์กรนอกรีต แต่การวิจัยของพวกเขาก็น่าสนใจ พวกเขาได้ใช้โอสถ 12 ชนิดของเธอ เพื่อสร้างยาที่สามารถปลดล็อคความลึกลับของยีน!”
จางฟูเดินไปที่กลางห้อง ทุกคนเดินตาม เขาเดินไปที่โฮโลแกรมโซ่ยีนและเขาก็ชี้ไปที่โซ่ยีนสีแดงเส้นหนึ่งที่กำลังหมุนอย่างช้าๆ
“ยีนของมนุษย์มีความลับมากมายซ่อนอยู่ จากข้อมูลในงานวิจัยและฉันได้ทดลองเบื้องต้นแล้ว พบว่ามันเป็นจริงตามข้อมูล สมมติฐานที่ว่าเมื่อมนุษย์สามารถปลดล็อคยีน พวกเขาจะพัฒนาความแข็งแกร่งได้ เหมือนกับการบ่มเพาะพลัง และอาจจะสบายกว่า เพราะไม่ต้องฝึกฝนอย่างหนัก”จางฟูถอนหายใจ ดวงตาสั่นระริกเต็มไปด้วยความตื่นเต้น”ถ้ายายีนสำเร็จจริงๆ แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพรสวรรค์ก็สามารถพัฒนาความแข็งแกร่ง โลกจะเปลี่ยนไปสู้ยุคที่ทุกคนสามารถฝีกฝนได้!”
“การปลดล็อคยีน เหมือนกับการกลายพันธุ์ของยีน ของคนทวีปตะวันตกหรือเปล่า?”จิวโมไป๋เดินมาใกล้ๆ และแกล้งถามทำเป็นไม่รู้