ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 461 การต่อสู้นอบสุดท้าย
ภูเขาสูงสูง 100 เมตรกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีส้ม ตั้งแต่ด้านบนลงมาถึงตีนเขา และกำลังเผาไหม้ลามไปยังพื้นที่โดยรอบ คลื่นความร้อน มีอุณหภูมิสูงอย่างผิดปกติ แม้แต่สายฝนที่ตกลง ก็ไม่สามารถดับการลุกไหม้ได้ แต่ทำให้เปลวเพลิงบิดเบี้ยวราวการเต้นรำของปีศาจ
ฟงอี้เฟยมองภูเขาที่กลายเป็นทะเลเพลิงด้วยหัวใจหนักอึ้ง เขากังวลว่าจิวโมไป๋จะถูกสังหาร เขาก้มมองกำไลข้อมือ ดูสัญญาณฉุกเฉินที่ส่งออกไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ผ่านไปนานแล้วยังไม่มีกำลังสนับสนุนมาช่วยเหลือ ซึ่งมันผิดปกติกับระบบการช่วยเหลือของหน่วยมังกรซ่อน
โดยปกติแล้วทันทีที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน หน่วยมังกรซ่อนจะส่งคนมาช่วยเหลือภารในเวลาไม่เกิน 5 นาที ถ้าสถานที่ส่งสัญญาณฉุกเฉินเป็นสถานที่ปิด หรืออยู่นอกประเทศ การสนับสนุนจะช้ากว่าปกติ แต่ก็ไม่มีทางเกิน 15 นาที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครมาอีก หรือว่าระบบNuwa เกิดความเสียหาย ทำให้ระบบไม่ทำงาน?”ฟงอี้เฟยพูดด้วยความสงสัย ก่อนจะถอนหายใจ และเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เขานิ่งคิดเล็กน้อย ตัดสินใจตามหาจิวโมไป๋ พร้อมกับค้นหามือปืนสไนเปอร์ แม้ว่าเขาจะกลัวมือปืนสไนเปอร์อยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่สามารถหลบซ่อนตัวอย่างน่าสมเพชได้
เนินเขาห่างออกไปอีกด้าน ห่างจากภูเขาที่ลุกไหม้ประมาณ 900 เมตร
ปู๋จิงคงนอนราบลงกับพื้น ซ่อนตัวหลังพุ่มไม้ ปากกระบอกปืนยื่นออกจากพุ่มไม้เพียงเล็กน้อย เล็งไปยังร่างของฟงอี้เฟย เขาตั้งสมาธิเล็งไปที่แขนขวาของฟงอี้เฟย ระยะ 900 เมตร สำหรับเขาแล้ว การยิงระยะนี้เป็นเพียงการยิงเล่นๆ เขาไม่มีทางพลาดได้เลย แต่ที่เขาต้องใช้สมาธิ เพราะเขาต้องเล็งยิงไม่ให้ถูกจุดสำคัญ ถ้าฟงอี้เฟยกลายเป็นคนพิการ แผนที่วางไว้ก็จะสูญเปล่าทันที
มองผ่านกล้อง ฟงอี้เฟยกำลังใช้ท่าร่างกระโดดข้ามก้อนหินที่ข้างทาง
จังหวะนี้แหละ!
ปู๋จิงคงขยับนิ้วในไกปืน
แต่ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกถึงอันตรายจากด้านหลัง แต่สมาธิของเขายังจดจ่ออยู่กับการยิง แม้จะรู้ว่ามีอันตรายกำลังเข้ามาใกล้ แต่จิตใจของเขาไม่วอกแวก นิ้วในไกปืนกำลังกดยิง
แต่ในตอนนั้นเอง
ตูม! เสียงกระแทกพื้นอย่างแรงห่างจากที่เขานอนอยู่ไม่ถึง 10 เมตร พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมาถึงที่เขานอน เป็นจังหวะเดียวกับที่เขาเหนี่ยวไกปืนพอดี
ฟุบ กระสุนแหวกอากาศออกไปด้วยความเร็วสูง กระสุนเฉียดขาขวาของฟงอี้เฟยที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ เลือดสีแดงสดสาดกระจาย
ฟงอี้เฟยกระเด็นออกไปไกล ก่อนจะล้มลงกระแทกพื้นและกลิ้งไปหลายตลบ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว หมอบราบและกลิ้งไปหาที่หลบปลอดภัย มือกดบาดแผลที่ขวาขาเพื่อหยุดเลือด
ปู๋จิงคงไม่มีเวลาเสียใจที่ยิงพลาด เขาปล่อยปืนสไนเปอร์ พลิกตัวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว
ตูม! พื้นที่เขาเคยนอน ถูกพลองสีทองทุบทำลาย เกิดหลุมยุบลงไป ปืนสไนเปอร์ ล่วงลงไปกับหลุมที่ยุบลง
ปู๋จิงคงผุดตัวลุกขึ้นหันไปมอง ก็เห็นจิวโมไป๋ในสภาพซะบักซะบอมเสื้อผ้าถูกเผาทำลายแทบไม่เป็นชิ้นดี แต่ไม่มีการบาดเจ็บอื่นๆ
ดวงตานกอินทรีของปู๋จิงคง หรี่ลงเล็กน้อย มือของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีปืนสั้นสีดำสลักด้วยลวดลายกุหลาบสีเงินปรากฏขึ้น ปากกระบอกปืนชี้ไปที่จิวโมไป๋ก่อนจะเหนี่ยวไกทันที
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงกระหน่ำยิงดังขึ้น จิวโมไป๋ควงพลองสีทองป้องกันกระสุนทั้งหมด พลังโจมตีของปืนพกเบากว่าปืนสไนเปอร์อย่างมาก แม้ว่าปืนพกในมือของปู๋จิงคงจะถูกปรับแต่งมาให้มีพลังการยิงที่รุนแรงขึ้นก็ตาม
จิวโมไป๋ควงพลองทองปัดกระสุนทั้งหมด เมื่อกระสุนในปืนพกหมด เขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้ากฎแห่งสายฟ้าพลันระเบิดออกที่เท้า ทำให้ร่างของเขาทะยานออกไปด้วยความเร็ว พริบตาก็อยู่เหนือหัวของปู๋จิงคง
พลองสีทองฟาดลงมาอย่างรุนแรง คลื่นพลังกดดันโถมกระหน่ำลงมาราวภูเขายักษ์
ปู๋จิงคงเหลือบมองพลองทองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าตัวเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกโจมตี ก่อนที่พลองจะสัมผัสถูกร่าง ปู๋จิงคงพลันเคลื่อนไหวด้วยท่าร่างกันพลิ้วไหว ราวต้นหลิวที่ถูกพายุโหมกระหน่ำ ร่างของเขาหลบพลองทองได้อย่างง่ายดาย
ในเวลาเดียวกัน ปู๋จิงคงก็ยกเท้าขึ้นและเตะไปที่ข้อเท้าของจิวโมไป๋อย่างรวดเร็ว เพื่อสกัดท่าร่างอันฉับไว
แต่จิวโมไป๋ใช้พลองทองคล้ำยันพื้น ยกร่างหลบก่อนจะเหวี่ยงตัวอย่างรวดเร็วราวกังหัน กฎแห่งธาตุสายฟ้าห่อหุ้มที่เท้า ทำให้ความเร็วของเท้าทวีความเร็วและรุนแรงมากขึ้น เท้าสายที่หุ้มกฎแห่งธาตุสายฟ้าเตะไปที่คอของปู๋จิงคง ราวขวานสายฟ้าที่ฟันออกไป
ปู๋จิงคง ใช้ท่าร่างพาร่างถอยออกไปราวกับมีอะไรบางอย่างดึงตัว ท่าร่างอันลึกลับของปู๋จิงคง ทำให้การโจมตีของจิวโมไป๋พลาดไปถึงสองครั้ง
ปู๋จิงคงมองจิวโมไป๋อย่างเฉยชา เขามีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูก ปลาย จะหวาดกลัว เด็กที่มีระดับการบ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 กระดูกปลายได้ยังไง
แม้ว่าข้อมูลที่ได้มาจะผิดไปบ้าง ที่จิวโมไป๋สามารถตระหนักกฎถึง 2 ธาตุ ธาตุไม้และสายฟ้า ก่อนเลื่อนขั้นที่ 6 โลหิต อัจฉริยะอย่างนี้จะฆ่าทิ้งก็น่าเสียดาย