ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 47
เมื่อมาถึงที่ร้านอาหารครอบครัว จิวโมไป๋ก็ตรงไปที่ห้องทำงานของพ่อแม่ ระหว่างทางก็มีคนที่รู้จักทักทายเขาเป็นระยะ
“ลูกบ่มเพาะพลังได้แล้วทำไมไม่รีบบอก ไม่รู้เหรอว่าพวกเราเป็นห่วงลูกมาก”ทันทีที่เข้าไปในห้อง แม่ของเขาก็พูดขึ้นด้วยความอ่อนโยน น้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย
“ผมพึ่งฟื้นฟูตำหนักยุทธได้ไม่กี่วันก่อนเองครับแม่ เลยยังไม่ได้บอกใคร”จิวโมไป๋เดินเข้าไปนั่งบนโซฟารับแขกชุดเล็ก ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของจิวโมเทียน เขาไม่แปลกใจที่พ่อแม่รู้ว่าเขาบ่มเพาะพลังได้แล้ว เพราะเขาไม่ได้ห้ามจิวเสวี่ยเหม่ยบอกพ่อและแม่ แต่เขาห้ามไม่ให้บอกเรื่องที่เขาสามารถเอาชนะพวกอันพาลได้
“ดีแล้ว หลังจากนี้ก็ตั้งใจบ่มเพาะให้มาก อย่าเอาแต่เรียนวิชาการ ในตอนนี้โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว มีแต่ความรู้ไม่สามารถก้าวหน้าได้ไกลเหมือนในอดีต”จิวโมเทียนพูดเตือนสติ ก่อนที่เขาจะถอนใจมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ครับพ่อ”จิวโมไป๋ตอบรับคำ เขาทำท่าลังเลเล็กน้อยแต่ก็ปิดปากเงียบ เขาอยากจะช่วยพ่อและแม่บ่มเพาะพลัง แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เขายังไม่มีอำนาจมากพอ ตอนนี้มีผู้คนจับตามองเขามากเกินไป ถ้าทำอะไรที่เสี่ยงกับการเปิดเผยความสามารถละก็ อาจทำให้เกิดปัญหากับครอบครัวของเขาได้
เขาได้แต่รีบสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวเอง ในอนาคตเขาสามารถช่วยพ่อแม่น้องสาวและเพื่อนของเขา ให้เดินไปในเส้นทางเดียวกับเขาได้ ในอนาคตจะไม่มีใครทำร้ายพวกคนของเขาได้อีก
เขาพูดคุยกับพ่อแม่จนเวลา ผ่านไปอย่างช้าๆ มีเรื่องมากมายให้พวกเขาได้พูดอย่างไม่รู้จบ จิวโมไป๋มีความสุขมาก ที่ได้ย้อนเวลากลับมา เพราะเขาสามารถอยู่กับครอบครัวของเขาได้อีกครั้ง
ในอดีต เขาสามารถฆ่าล้างตระกูลเซียวเพื่อแก้แค้นได้สำเร็จ แต่ในใจของเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับเอาไว้ ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก เขาไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย ในช่วงเวลานั้นเขาได้เดินทางไปทั่วมิติปลอมตัวเป็น นักปรุงยา 9 สุริยัน ช่วยเหลือผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน
และใช่ตัวตนของกระบี่เลือนเร้น สังหารคนชั่วช้าโดยเฉพาะตระกูลชั้นสูงที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ตลอดเวลาหลายสิบปี ได้มี คนเลวทราม ตกตายภายใต้คมกระบี่ของเขานับไม่ถ้วน
แต่มันก็ไม่ทำให้จิตใจของเขารู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ย้อนเวลากลับมา ความรู้สึกหนักในอกค่อยๆเบาลง แต่ก็ยังไม่หายไป เพราะเขารู้ดีว่าเซียวหนานจิ้น กำลังจ้องจะทำร้ายเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงต้อง รีบแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้อดีตซ้ำรอย
เพื่อรักษาความสุขของครอบครัวเอาไว้
กำไลข้อมือของจิวโมไป๋ สั่นเบาๆเขาก้มอ่านข้อความ รอยยิ้มปรากฎอย่่างเงียบเชียบ
เวลาผ่านไปจนถึงช่วงเย็น ประตูห้องก็เปิดออกอย่างรุนแรง
“พี่ชาย! ทำไมมาที่ร้านแล้วไม่ยอมติดต่อไปบอกหนูก่อน”จิวเสวี่ยเหม่ยในชุดนักเรียน ร้องเสียงดังก่อนที่จะโยนกระเป๋านักเรียนใบเล็กลงโต๊ะหน้าประตู ก่อนที่จะกระโดดเกาะเขาหนึบ ทำท่าทางเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ
“เด็กดื้อ อายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆอยู่ได้”จิวโมไป๋ยิ้มอ่อนโยน มือยกมาจัดผมจิวเสวี่ยเหม่ยที่ไม่เป็นทรงให้เข้าที่
“หนูไม่ได้เด็กซะหน่อย”เด็กน้อยบ่นเสียงเบาไม่พอใจ แต่มือก็ไม่ยอมคลายออก เธอนั่งลงบนโซฟาปล่อยให้พี่ชายจัดผมให้เธอ
ฮันหวูเหยายิ้มขึ้นกับความสนิทสนมของสองพี่น้อง ก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“พวกลูกคงหิวกันแล้ว เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารมาให้”
“หนูอยากกิน ผัดหมูสามรส ปลาทะเลน้ำแดง”เด็กน้อยได้ยินว่าถึงเวลาอาหาร เธอก็กระโดดขึ้นตัวลอย ปล่อยมือจากพี่ชายวิ่งไปเกาะผู้เป็นแม่แน่น
“เด็กคนนี้นี่”ผู้เป็นแม่หัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะพากันออกจากห้อง
ทิ้งให้สองพ่อลูกอยู่ในห้องสอง
“พ่อรู้ว่าลูกมีความลับที่ไม่สามารถบอกพ่อกับแม่ได้ พ่อจะไม่เข้าไปยุ่ง”จู่ๆจิวโมเทียนก็พูดขึ้น ด้วยท่าทางจริงจัง
“ถ้าลูกพบปัญหาอะไรก็มาบอกพ่อ พ่อจะช่วยลูกเอง”
“ครับพ่อ”จิวโมไป๋ยิ้มรับ ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย ไม่แปลกอะไรที่พ่อแม่จะรู้ เพราะคงไม่มีพ่อแม่คนไหน ที่ไม่สามารถจับสังเกตลูกตัวเอง ที่อยู่ๆก็มีนิสัยท่าทางเปลี่ยนไปได้ในชั่วข้ามคืน…
ติ๊ดดดด
อยู่ๆเสียงสัญญาณ เรียกก็ดังลั้น จิวโมเทียนหันไปมองด้วยความแปลกใจ เพราะมันเป็นเสียงสัญญาณฉุกเฉิน บนภาพหน้าจอกล้องวงจรปิดภายในร้าน ที่ชั้น 1 กำลังมีกลุ่มคนกำลังเข้ามาทำลายข้าวของในร้าน
จิวโมไป๋มองไปทีี่ภาพหน้าจออย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย
…
ชั้นที่ 1 ร้านอาหารครอบครัวตระกูลจิว
โครมมม!!! เสียงฟาดโต๊ะอาหารดังสนั่น ไม้เนื้อดีแตกเป็นชิ้นๆ กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมกับเสียงจานอาหาร และของอื่นๆตกลงพื้นตามมาติดๆ
“ใครไม่เกี่ยวหลบไปอย่ามาขวาง เอ๊า! พวกเราพังพวกมันให้หมด อย่าให้เหลือ!”ชายหัวล้านในชุดดำทั้งตัว ใบหน้าของเข้ามีผ้าปิดปาก ปิดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง กำลังออกคำสั่งเสียงดังท่าทางห้าวหาญอย่างมาก
ความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้นในร้าน เสียงทำลายข้าวของดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของลูกค้าที่กำลังรับประทานอาหาร
“หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะลงมือ”ยามรักษาความปลอดภัย 5 คนรีบพุ่งเข้าไปขัดขวาง แต่ไม่นานก็ถูกอัดจนกองไปนอนอยู่บนพื้น ไม่กล้ายืนขึ้นมาอีก
พนักงานเสริฟของร้าน ยืนบื้ออยู่กับที่ไม่กล้าเข้าไปช่วย
“พวกแกกำลังทำอะไร!!!”ในตอนนี้เองจิวโมไป๋และพ่อได้ลงมาถึงพอดี
“โง่จริงๆ ไม่เห็นเหรอว่า พวกเรากำลังพังร้านพวกแกอยู่ไง”ชายอ้วนเตี้ย ร้องขึ้นด้วยความดูถูก ในมือของเขามีแจกันงดงามใบหนึ่ง เมื่อเขาพูดจบเขาก็โยนมันลงพื้นด้านหน้าของกลุ่มลูกค้าที่ถอยไปอยู่ตรงมุมห้อง
เพร้งงงง!!
“กรี๊ดด!!!”ลูกค้ากรีดร้องขึ้นอย่างตื่นกลัว
เหมือนพวกมันจะยิ่งชอบใจ ใช้ไม้ยาวในมือหวดไปตามจุดต่างๆ เพียงเวลาไม่นานทุกอย่างในห้องก็พังยับเยิน
แต่น่าแปลกที่พวกเขาเลือกที่จะทำลายของที่ สามารถนำมาเปลี่ยนใหม่ได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมร้านหรือทำร้านใหม่
“หยุดเดี๋ยวนี้! ไม่อย่างนั้นพวกเราจะแจ้งตำรวจ”จิวโมเทียนตัวสั่นด้วยความโกรธ เขาเดินออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวเสียงดัง
“ตำรวจเหรอ เหอะ! แจ้งไปสิพวกเราไม่กลัว”ชายหัวล้านพูดท้าทาย ก่อนที่จะเดินมายืนกลางร้านที่เต็มไปด้วยเศษซากโต๊ะเก้าอี้และอาหาร
จิวโมเทียนกดแจ้งเหตุฉุกเฉินจริงๆ แต่ชายหัวล้านยังยืนเฉยเหมือนไม่เกรงกลัว
“หึ!”ชายหัวล้านทำเป็นแค่นเสียงไม่พอใจ ก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าหาจิวโมเทียน
“พ่อระวัง!”จิวโมไป๋เอาตัวเข้ามาขวาง ก่อนที่จะโดนฝ่ามือของชายหัวล้าน ผลักกระเด็นไปด้านหลัง
“แย่แล้ว! นายน้อยไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะ”เสียงพนักงานคนหนึ่งกรีดร้องเสียงดัง
“รีบแจ้งโรงพยาบาลเร็วเข้า!”ผู้คนต่างแตกตื่น เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าคนธรรมดาไม่สามารถรับการโจมตีจากผู้บ่มเพาะได้
จิวโมเทียนวิ่งไปประคองลูกชายตัวเองอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ… ผมบ่มเพาะพลังได้แล้ว แค่นี้ผมทนได้”จิวโมไป๋ยันตัวลุกขึ้นมาท่าทางเหนื่อยอ่อน ดูเหมือนจะหมดสติไปทุกเมื่อ
“หึ อยู่แค่ขั้นผิวหนังต้น แต่กล้ามารับหมัดของขั้นกล้ามเนื้อปลาย โง่จริงๆ”ชายหัวล้านหัวเราะเสียงดัง ด้านหลังลูกน้องของเขาต่างก็หัวเราะประสานเสียง จนเสียงดังสนั่นไปทั่ว
“อีกไม่นานตำรวจจะมาแล้ว ถ้าพวกแกยังไม่ออกไป พวกแกจะต้องถูกจับแน่”จิวโมไป๋พูดขู่ ขณะประคองตัวยืนด้วยตัวเอง
“หึ ฉันเห็นว่าแกใจกล้าอยู่บ้าง วันนี้ฉันจะไปก่อน วันหน้าฉันจะมาใหม่”ชายหัวล้านกล่าวเสียงดังจนคนทั้งร้านได้ยินกันหมด ก่อนที่จะเดินไปทางประตูหลังร้าน มันคงจะโง่มาก ถ้าพวกเขาหนีออกไปหน้าร้าน ในขณะที่ตำรวจกำลังจะมา
จิวโมไป๋ดึงจิวโมเทียนออกด้านข้าง เพื่อหลบทางให้พวกของชายหัวล้าน
จิวโมไป๋ลอบพยักหน้าแผ่วเบาให้กับชายหัวล้านอย่างพอใจ แผนสำ…
“หยุดเดียวนี้นะ! ถ้าพวกแกอยากจะแก้แค้นละก็มาลงที่ฉัน อย่าไปทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”เสียงร้องอ่อนแรงดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งเดินเข้ามา ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผลทั่วร่างกาย
แค่กๆ จิวโมไป๋เผลอสำลักลม นั้นมันผู้สร้างไม่ใช่เหรอ