ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 519 โหดเหี้ยม!
จ้าวลู่เฟินมองซุนกวนสุ่ย ด้วยดวงตาอันดุดันแฝงไปด้วยความแข็งกร้าว
“ถ้าไม่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ ก็หุบปากและเงียบไปซะ อย่าให้ฉันต้องรำคาญไปมากกว่านี้”
ซุนกวนสุ่ยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงเย็น
“นี่เธอกำลังสั่งสอนฉันอย่างนั้นเหรอ?”
จ้าวลู่เฟินไม่ตอบ แต่จ้องตอบอย่างเย็นชา
“หึ! เธอยั่วให้ฉันโกรธจริงๆแล้ว สาวน้อยอย่าคิดว่าฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอ ฉันจะแสดงให้เห็นว่าในขั้นที่ 6 โลหิต ยังมีช่องว่างที่ไม่สามารถผ่านได้!”ซุนกวนสุ่ยกล่าวเสียงดัง พลังกดดันอันทรงพลังแผ่ขยายออกจากร่างของอย่างรุนแรง สายลมเกิดการกรรโชก พัดเศษซากสิ่งของออกไป
จ้าวลู่เฟินก้าวเท้ามาข้างหน้ากลุ่มของจิวโมไป๋และระเบิดพลังกดดันเข้าต้าน ป้องกันพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
จิวโมไป๋มองแผ่นหลังของจ้าวลู่เฟิน โดยไม่พูดอะไร เขาใช้จิตสัมผัสปกคลุมโดยรอบ พร้อมที่จะลงมือช่วยทุกเมื่อ
“นายน้อยถอยมาก่อนครับ”ชายร่างกำยำแผ่พลังกดดันป้องกันเฮยหยุนคังจากด้านหลัง
เฮยหยุนคังหรี่ตาลงมองจ้าวลู่เฟิงด้วยความรู้สึกอิจฉา อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาแท้ๆ แต่สามารถทะลวงผ่านขั้นที่ 6 โลหิต กลายเป็นผู้บ่มเพะาพลังที่แท้จริงได้แล้ว
ส่วนตัวเขาเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีพรสวรรค์ใดๆ แม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลผู้บ่มเพาะพลัง ได้รับทรัพยากรจำนวนมาก เขาก็ยังอยู่แค่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลายเท่านั้น
ช่องว่างความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนธรรมดา มันราวกับสวรรค์และนรก ไม่สามารถเปรียบเทียบ ไม่สามารถสัมผัสได้ มันทำให้ผู้คนที่ไร้พรสวรรค์อิจฉาจนแทบคลั่ง
เฮยหยุนคังสูดลมหายใจข่มความอิจฉาลง สองมืดกำแน่น ถ้าเขาสามารถจัดการกองกำลังใต้ดินของเมืองเทียนซูทั้งหมดได้ เขาจะได้รับทรัพยากรจำนวนมาก เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถพัฒนากลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริงได้
เขายืนนิ่งมองการต่อสู้ ขัดขืนไม่ทำตามที่ชายร่างกำยำเตือน
“โจมตี!”ซุนกวนสุ่ยสั่งลูกทีมให้โจมตี
คนในชุดคลุมทั้ง 5 ขยับเคลื่อนไหวแทบจะพร้อมกัน พลังกดดันจากห้าทิศทางโถมกระหน่ำราวพายุ อาวุธในมือโจมตีออกไป ประกายแสงเย็นเยือกสว่างวาบโจมตีพร้อมกัน
จิวโมไป๋เหลือบตามองจ้าวลู่เฟิง เขาเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือ
ในตอนนั้นเองจ้าวลู่เฟินพลันขยับแขนขวาที่ถือแส้สีแดงเลือด ควบคุมปลายแส้ให้หมุนวนเป็นวงกลมและฟาดออก ปลายแส้เหมือนอสรพิษคดเคี้ยว ลอดผ่านอาวุธที่โจมตีเข้ามา และฟาดใส่คนทั้งห้าอย่างน่าตกใจ
เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! แส้ฟาดใส่ร่างของทั้งห้าอย่างแม่นยำ ทำให้ร่างของทั้งห้าลอยค้างอยู่กลางอากาศ สูญเสียการเคลื่อนไหวอย่างสิ้นเชิง!
ดวงตาของจ้าวลู่เฟินพลันเปล่งประกาย แส้สีเลือดหมุนวนราวพายุกระหน่ำฟาดร่างของทั้งห้าราวพายุอันบ้าคลั่ง
เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เลือดสีแดงสดสาดกระจายออกจากร่างทั้งห้า ราวกับน้ำพุ ก่อนที่ร่างทั้งห้าที่กลายเป็นมนุษย์เลือดจะกระเด็นออกไปนอกร้าน ไปตกบนลานจอดรถ
ฝนเลือดตกลงพื้น ทำให้พื้นที่โดยรอบกลายเป็นแอ่งเลือด
ทุกคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ตัวสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว
เฮยหยุนคังยกมือเช็ดเลือดที่เลอะใบหน้าออกมา ร่างของเขาพลันเย็นเฉียบราวกับตกลงไปในทั้งน้ำแข็ง
ซุนกวนสุ่ยยืนนิ่งค้างด้วยความตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าลูกทีมของเขาที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน จะพ่านแพ้ในพริบตาอย่างนี้!
จ้าวลู่เฟินมองซุนกวนสุ่ยด้วยแววตาอันตราย มันไม่มีกลิ่นอายสังหาร แต่มันทำให้ร่างกายของผู้ถูกจ้องมองแข็งทื่อด้วยความกลัว ราวกับถูกสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวจ้องมอง
ซุนกวนสุ่ยขยับปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่จ้าวลู่เฟินไม่ปล่อยให้เขาได้พูด แส้โลหิตเหมือนอสรพิษดุร้ายฉกเข้าใส่ร่างของซุนกวนสุ่ยจากด้านบน
ซุนกวนสุ่ยได้สติก็ขยับตัวหลบไปด้านข้าง
เปรี้ยง! พื้นที่เขาเคยยืนอยู่ถูกฟาดเป็นทางยาวลึก ซุนกวนสุ่ยเหลือบตามองด้วยความกลัว ความกล้าหาญถูกแส้นี้ทำลายเป็นชิ้นๆ ในพริบตาต่อมา แส้โลหิตก็เลื้อยไปตามพื้นเหมือนมีชีวิต ล้อมร่างของซุนกวนสุ่ยไว้ตรงกลาง และพันรัดร่างของเขา โดยที่ไม่สามารถต้านทานได้
“ปล่อย!”ซุนกวนสุ่ยร้องตะโกนพลังกดดันอันทรงพลังผสานกับกฎแห่งธาตุดินระดับออกมาอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาพลันแข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้น พลังป้องกันเพิ่มขึ้นไปหลายขั้น
จ้าวลู่เฟินมองอย่างเฉยชา เธอขยับมือแส้โลหิตก็บีดรัดอย่างแน่นหนา ก่อนที่เธอจะกระชากอย่างแรง ทำให้ร่างของซุนกวนสุ่ยหมุนเป็นวงกลม แส้ที่รัดเฉือนเนื้อหนัง แม้จะมีพลังกดดันและกฎแห่งธาตุดินป้องกัน ก็ไม่สามารถต้านทานได้
“อ๊าาาากก!”ซุนกวนสุ่ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดสาดกระจายออกจากบาดแผล กระจายออกโดยรอบ ไม่นานร่างของเขาก็กลายเป็นมนุษย์โลหิต ล้มลงกับพื้น
จิวโมไป๋ถอนหายใจ เขาสังเกตเห็นผิวของแส้ มีหนามเล็กๆนับไม่ถ้วนเรียงตัวกันอย่างหนาแน่น ถ้าไม่พยายามสังเกตจะไม่มีทางมองเห็น หนามเล็กๆเหล่านี้ถูกสร้างจากวัตถุชนิดพิเศษมีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ทำให้สามารถทะลวงการป้องกันของผู้ใช้กฎแห่งธาตุดินขั้นที่ 6 โลหิตได้อย่างง่ายดาย
จ้าวลู่เฟินหันมามองเฮยหยุนคัง
เฮยหยุนคังกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยความกลัว เขาถอยหลังไปหลายก้าว
จ้าวลู่เฟินขยับแส้โลหิต บังคับมันให้เลื่อยไปตามพื้น
เฮยหยุนคังเห็นดังนั้นก็ตะโกนลั้นด้วยความกลัว
“หยุด! เธอจะทำอะไร รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นศิษย์ของสำนักหัวใจทมิฬ และฉันยังเป็นทายาทของหัวหน้าตระกูลเฮยคนปัจจุบัน ถ้าเธอทำอะไรกับฉัน เธอเตรียมพบกับการตามล่าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดได้เลย!”
จ้าวลู่เฟินหยุดกึก
เฮยหยุนคังเห็นดังนั้นดวงตาก็เป็นประกายวาววาบ เขาขู่ต่อด้วยความตื่นเต้น
“ยอมจำนนและมาเป็นคนของฉันซะไม่อย่างนั้น…”ยังไม่ทันทีเขาจะพูดจบ
แส้โลหิตก็พุ่งเข้าใส่ใบหน้าของเฮยหยุนคังอย่างโหดเหี้ยม!