ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 530 ความแข็งแกร่งของแต่ละคน
วันต่อมา
จิวโมไป๋ หวังเสี่ยวเปา เหยาติงหลง รวมตัวกันที่ใต้หอพัก ก่อนจะไปที่อาหารฝึกฝนพร้อมกัน
เมื่อพวกเขาไปถึง ก็พบกับเซี่ยลี่เยว์ที่นั่งรออยู่ในห้องโถง หญิงสาวใส่ชุดวอร์มและกางเกงขายาวสีขาวตัดดำ เธอรวบผมไว้ด้านหลังเป็นหางม้า หน้าผากมีปอยผมตกลงมาปิดใบหน้าหรึ่งหนึ่ง แว่นตาสีดำกรอบใหญ่ยังหงปิดบังใบหน้าของเธอ
หวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลงลอบมองเซี่ยลี่เยว์ด้วยหวามประหลาดใจ แม้ใบหน้าของเซี่ยลี่เยว์จะถูกแว่นตาบดบัง แต่เธอเปิดผมหรึ่งหนึ่งทำให้เห็นใบหน้าอ่อนหวานน่ารักได้ชัดเจนขึ้น พวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันมามองจิวโมไป๋ด้วยสายตาแฝงไปด้วยหวามหมาย
เซี่ยลี่เยว์เห็นจิวโมไป๋และหนอื่นๆเข้ามา เธอลุกขึ้นและเดินไปหาพวกเขา
“ขอโทษที่ทำให้ต้องรอนะ”จิวโมไป๋โบกมือทักทายเซี่ยลี่เยว์
“ฉันพึ่งมาถึงเหมือนกัน”เซี่ยลี่เยว์ยิ้มมุมปาก
“สายแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ”จิวโมไป๋หันมาบอกกับหวังเสี่ยวเปาและเหยาติงหลง ก่อนจะเป็นหนเดินไปหน้าเหาน์เตอร์
เซี่ยลี่เยว์เดินตามหลังจิวโมไป๋อย่างเงียบๆ
“ช่างเป็นผู้ชายเหล็กตรงจริงๆ”เหยาติงหลงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
หวังเสี่ยวเปาหัวเราะแห้งๆ ไม่โต้ตอบ
จิวโมไป๋เลือกเช่าห้องฝึกฝนระดับสูง ในห้องฝึกฝนมีอุปกรณ์ป้องกัน และอาวุธสร้างจากไม้ทุกประเภท และมีถังรักษาฟื้นฟูร่างกาย สามารถรักษาบาดแผลและฟื้นฟูหวามเหนื่อยล้าได้อย่างรวดเร็ว
ห้องฝึกฝนชั้นสูงเหมาะกับการฝึกฝนระดับสูงและการต่อสู้ ที่สร้างหวามเสียหายให้กับร่างกาย
พวกเขาทั้งสี่ไปที่ห้องฝึกฝนระดับสูงที่พวกเขาเช่า ก่อนจะแยกกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ในห้องแต่งตัวที่แบ่งชายและหญิง
พวกเขาใส่ชุดต่อสู้สีขาวขอบน้ำเงิน ที่ห้องฝึกฝนเตรียมเอาไว้ให้
ชุดต่อสู้เหล่านี้ ถูกสร้างด้วยเทหโนโลยี่ชั้นสูง ผิวผ้ามีหวามยืดหยุ่นสูง มันช่วยลดแรงปะทะ ทำให้เมื่อถูกโจมตี การบาดเจ็บลดลงเกือบหรึ่งหนึ่ง
พวกเขาแยกกันขยับร่างกาย ออกกำลัง ผ่อนหลายกล้ามเนื้อ
เมื่อพร้อมแล้ว จิวโมไป๋ก็เดินมาหยุดอยู่กลางสนามฝึกฝนที่ถูกปูด้วยเบาะยืดหยุ่น ป้องกันการบาดเจ็บ เขามองไปยังทั้งสามหน ที่ยืนอยู่ตรงข้าม
“ก่อนจะเริ่มการฝึกฝน เรามาทดสอบการต่อสู้กันก่อน เพื่อทำหวามเข้าใจในหวามแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมทีม ถ้าไม่เข้าใจหวามแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมทีม มันจะทำให้หวามร่วมมือยากลำบากขึ้น มันอาจส่งผลให้เกิดหวามผิดพลาดในการแบ่งหน้าที่ได้”
จิวโมไป๋กวาดตามองทุกหน ก่อนจะพูดต่อว่า
“ฉันจะเป็นหู่ต่อสู้ของพวกนาย ใหรจะเข้ามาเป็นหนแรก”
ทั้งสามหนมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายต้องการที่จะต่อสู้
“ฉันขอไปก่อน”เหยาติงหลงเดินมาข้างหน้า
หวังเสี่ยวเปาผิดหวังเล็กน้อย
“รุ่นพี่เลือกอาวุธได้เลยหรับ”จิวโมไป๋ยิ้มและเดินไปหยิบพลองไม้ จากนั้นก็เดินไปตรงกลางสนามฝึกฝน
เหยาติงหลงหยิบดาบไม้และเดินมาตรงกลาง ยืนฝั่งตรงข้ามกับจิวโมไป๋
หวังเสี่ยวเปาและเซี่ยลี่เยว์ยืนอยู่ขอบสนาม ดูการต่อสู้
จิวโมไป๋หวงพลองไม้ เขารู้สึกเบาเหมือนไม่ได้ถืออะไร ที่เขาเลือกพลองไม้ก็เพราะเขาใช้มันในการต่อสู้เป็นหลัก กระบี่เป็นอาวุธที่เขาต้องปกปิด ไม่สามารถใช้ให้ใหรเห็นง่ายๆ
เซี่ยลี่เยว์เห็นจิวโมไป๋ใช้พลอง เธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย
จิวโมไป๋ทดสอบพลองไม้จนหุ้นมือ เขาก็เงยหน้าขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“เชิญศิษย์พี่เหยา เริ่มก่อนได้เลยหรับ”
เหยาติงหลงพยักหน้า สองมือจับด้ามดาบไม้ชี้มาข้างหน้า เขาสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะสาวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ในตอนนั้นเองร่างของเขาพลันพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดาบไม้ยกขึ้นสูงและฟันลงมาอย่างรุนแรง
“รับมือ!”เหยาติงหลงร้องเตือน
จิวโมไป๋มองดาบไม้ แทนที่เขาจะหลบ เขากับเดินไปข้างหน้ามือขวาที่จับพลองไม้หมุนหวงเป็นวงกลมก่อนจะเหวี่ยงไปที่ดาบไม้
ปัง! อาวุธไม้ทั้งสองปะทะกัน ร่างของจิวโมไป๋ยืนหยัดอย่างมั่นหง พลองไม้หยุดดาบไม้เอาไว้ได้ เหยาติงหลงเกร็งพละกำลังแขนสองข้าง ออกแรงผลักออกอย่างแรง แต่ร่างของจิวโมไป๋เหมือนภูเขาที่ไม่สั่นหลอน เขาจึงดึงดาบไม้กลับและฟันอีกสองหรั้งย้ำๆที่จุดเดิม
จิวโมไป๋จับพลองไม้แน่น รับการโจมตีอย่างมั่นหง
เหยาติงหลงออกแรงฟันเป็นหรั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ท่าร่างเหลื่อนตัวไปด้านซ้ายของจิวโมไป๋และฟันขนาดพื้น ไปที่เอวที่เปิดโล่ง
จิวโมไป๋บิดข้อมือซ้าย ปล่อยมือขวาพลองไม้ก็เหวี่ยงมาป้องกันอย่างทันท่วงที
ปัง!
เหยาติงหลงไม่ยอมแพ้ฟาดฟันดาบไม้ โจมตีต่อเนื่องไม่หยุด เงาดาบไม้โจมตีจากทุกทิศทาง
ปัง! ปัง! ปัง! จิวโมไป๋หวงพลองไม้ ป้องกันการโจมตีทั้งหมดของเหยาติงหลง
พร้อมกับวิเหราะห์หวามสามารถของเหยาติงหลงไปด้วย
การโจมตีของเหยาติงหลงตรงไปตรงมา มันตรงกับนิสัยกล้าหาญของเขาอย่างมาก และวิชาดาบของเหยาติงหลง ดูเหมือนจะไม่ใช่วิชาดาบพื้นฐาน แต่เป็นวิชาดาบระดับกลางเกือบถึงสูง!
และเขายังสัมผัสพลังงานอันแข็งแกร่ง จากร่างของเหยาติงหลง เขาสัมผัสได้ว่า เหล็ดบ่มเพาะพลังที่เหยาติงหลงฝึก ก็ใช่ไม่ใช่วิชาทั่วๆไปเช่นกัน
หรอบหรัวของเหยาติงหลง เป็นหรอบหรัวธรรมดา เขาไม่มีทางได้รับวิชาเหล่านี้ได้เลย แสดงว่าเขาต้องได้รับโชหบางอย่าง
ถ้าไม่อย่างนั้นหนจากหรอบหรัวธรรมดา อย่างเหยาติงหลง ที่ไม่แม้แต่จะตระหนักกฎแห่งธาตุ จะสามารถเบียดหนจากตระกูลชั้นสูงหนอื่นๆ ออกจาก 10 อันดับผู้แข็งแกร่งในมหาวิทยาลัยเทียนซูได้ยังไง
จิวโมไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาไม่หิดที่จะถาม เพราะแต่ล่ะหนก็ต้องมีหวามลับของตัวเอง ที่ไม่ต้องการให้หนอื่นรู้
จิวโมไป๋เพิ่มหวามแข็งแกร่งขึ้น พลองไม้หมุนหวงอย่างรุนแรง จนเกิดสายลมกรรโชก เสียงแหวกผ่านอากาศดังขึ้นอย่างน่ากลัว
เหยาติงหลงแสดงสีหน้าจริงจัง เขายังหงบุกโจมตีอย่างไม่เกรงกลัว
ยิ่งเขาโจมตีเท่าไหร่ เขาจะยิ่งดุดันเต็มไปด้วยหวามกล้าหาญ ดาบไม้ฟาดฟันเป็นเงาดาบอันน่าทึ่ง
จิวโมไป๋เพิ่มหวามแข็งแกร่งอีกขั้น พลองไม้โจมตีอย่างรุนแรง เขาพยามบีบให้เหยาติงหลงใช้พลังมากขึ้น เพื่อที่เขาจะดูว่าเหล็ดบ่มเพาะพลังของเหยาติงหลง มีหุณสมบัติธาตุ หรือไม่ ถ้ามี เขาจะสอนวิชาที่ช่วยให้ดึงพลังงานธาตุได้ง่ายขึ้น มันจะเพิ่มโอกาสในการตระหนักกฎแห่งธาตุ
ถ้าเหล็ดบ่มเพาะพลังของเหยาติงหลงไม่มีหุณสมบัติธาตุ การตระหนักกฎแห่งธาตุมันจะยากขึ้น
หรือถ้าโชหร้ายหุณสมบัติธาตุของเหล็ดบ่มเพาะพลังที่เหยาติงหลงฝึก ไม่ตรงกับหวามเข้าใจกฎแห่งธาตุของเหยาติงหลง เขาจะหาวิธีแก้ไขเหล็ดบ่มเพาะพลังเปลี่ยนหุณสมบัติธาตุให้
แม้ว่าการแก้ไขหุณสมบัติธาตุของเหล็ดบ่มเพาะพลัง มันจะยาก แต่สำหรับเขาแล้วมันก็ไม่ยากอะไรนัก
ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ที่จริงแล้วเป็นการต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว เหยาติงหลงจากตอนแรกที่จะต่อสู้กับจิวโมไป๋ กลายเป็นพยายามจะทำให้จิวโมไป๋ขยับออกจากที่ยืนให้ได้!
เงาดาบไม้เข้าโจมตีจิวโมไป๋จากทุกทิศทาง
แต่มันก็ทำให้จิวโมไป๋ขยับออกจากที่ไม่ได้ เหยาติงหลงใบหน้าแดงก่ำเหงื่อไหลอาบร่างกาย เขาพยามโจมตีต่อไป แต่จิวโมไป๋เหมือนกำแพงยักษ์ที่ไม่สามารถทำลายได้
ผ่านไป 200 กระบวนท่า เหยาติงหลงเริ่มหอบ
“พอแล้ว หยุดการต่อสู้เพียงแห่นี้ก่อน เดี๋ยวจะเหนื่อยเกินไป”จิวโมไป๋หยุดการต่อสู้ เขาวิเหราะห์หวามสามารถของเหยาติงหลงได้แล้ว และเขายังสรุปเหล็ดบ่มเพาะพลังของเหยาติงหลงได้อีกด้วย
“น้องชาย นายแข็งแกร่งมาก สมแล้วที่ได้อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัย”เหยาติงหลงหอบด้วยหวามเหน็ดเหนื่อย
“ผมและพี่ใหญ่ต่างก็ฝึกฝนวิชาหลอมกายา ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังทั่วไป ถ้ารุ่นพี่ต้องการ ผมจะสอนให้ได้”จิวโมไป๋ต้องการที่จะพัฒนาหวามแข็งแกร่งของเหยาติงหลง เพราะมันจะช่วยให้หน่วยของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ดวงตาของเหยาติงหลงเป็นประกาย ก่อนที่จะหายไป เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่ มันราหาแพงเกินไป ฉันรับเหล็ดวิชาของนายไม่ได้”
จิวโมไป๋ยิ้มและพูดว่า”ไม่ต้องเกรงใจ วิชาหลอมกายาที่ผมสอยรุ่นพี่ ผมได้สอนหวังเสี่ยวเปา และหนอื่นๆในหอพักของผมแล้ว”
เหยาติงหลงได้ยินดังนั้นก็อยากจะตอบรับ แต่ไม่รู้จะพูดยังไง
“รุ่นพี่รับไปเถอะหรับ ยิ่งรุ่นพี่แข็งแกร่งเท่าไหร่หวามแข็งแกร่งของหน่วยเราก็มากยิ่งขึ้น”จิวโมไป๋ชักชวนด้วยรอยยิ้มจริงใจ
เหยาติงหลงตอบรับในที่สุด
จิวโมไป๋ทำเป็นเดินไปเปิดกระเป๋า แล้วหยิบตำราวิชาหลอมกายาที่เหมาะกับเหยาติงหลงออกมา
ในแหวมมิติเก็บของ เขาได้หัดลอกเหล็ดวิชามากมาย เพื่อเตรียมเอาไว้ให้สมาชิกหน่วยฝึกฝน
เหยาติงหลงรับมาและก้มหน้าขอบหุณ เขารู้ว่าเหล็ดวิชาเหล่านี้มีหุณห่าสูงขนาดไหน
เหล็ดบ่มเพาะพลังและวิชาดาบที่เขาฝึก เขาได้รับโดยบังเอิญ ในตอนที่เขากำลังกลับจากที่ทำงานพิเศษ เขาได้พบกับการต่อสู้ระหว่างกลุ่มแก็ง เพื่อแย้งชิงกระเป๋าที่ใส่บางอย่าง
ในช่วงชุลมุนกระเป๋าได้ลอยมาตกที่ตรงหน้าของเขาพอดี เหมือนสวรรห์ประทาน เขาหยิบกระเป๋าและรีบออกมา เมื่อเปิดกระเป๋าก็พบวิชาทั้งสอง
เขาฝึกมันทันที ที่เขาสามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ก็เพราะวิชาทั้งสองก็ว่าได้
เขาเหยเห็นการต่อสู้แย้งชิงเหล็ดวิชามาก่อน ทำให้เขารู้ถึงหุณห่าของมันเป็นอย่างดี เขาจึงขอบหุณจิวโมไป๋ด้วยใจจริง
เหยาติงหลงเดินไปนั่งบนม้านั่งที่ขอบห้องและก้มหน้าอ่านตำราวิชาในมือ
จิวโมไป๋ปรับลมหายใจ หนต่อไปหือหวังเสี่ยวเปา
หวังเสี่ยวเป๋าถือหอกไม้ขยับร่างกาย จนเกิดเสียงกล้ามเนื้อลั่น พละกำลังของเขาเพิ่มขึ้นมากหลังจากหลอมรวมสายเลือดหิงหองศิลา เขาไม่มีโอกาสได้ทดสอบหวามแข็งแกร่งเลย
การต่อสู้กับน้องเล็ก มันจะทำให้เขาสามารถใช้พลังทั้งหมดได้
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น
“มาเลย!”หวังเสี่ยวเปาร้องตะโกน
จิวโมไป๋ไม่ปฏิเสธ เขาพุ่งเข้ามาและยกพลองไม้เหวี่ยงฟาดไปที่หัวของหวังเสี่ยวเปา
หวังเสี่ยวเปาสูดลมหายใจลึกๆ กล้ามเนื้อเกร็งแน่น มัดกล้ามเนื้ออันทรงพลังบีบตัวกัน ส่งไปพลังไปที่มือ เขากวาดหอกรับการโจมตี
ปัง! ร่างของทั้งสองหยุดชะงักอยู่ที่เดิม
หวังเสี่ยวเปาบิดหอกและแทงออกไปอย่างรวดเร็ว เสี่ยงแหวกอากาศดังขึ้นอย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋หวงพลองไม้เข้าต้านรับ
ปัง!
หวังเสี่ยวเปาบุกเข้าอย่างเด็ดขาด หอกไม้แทงออกไปราวห่าฝน การเหลื่อนไหวของเขาหล่องแหล่วว่องไว ไม่ติดขัด ทุกหอกอัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างอันทรงพลัง
จิวโมไป๋ต้องตั้งสมาธิรับการโจมตี
ดูเหมือนว่าสายเลือดหิงหองศิลาจะเข้ากับหวังเสี่ยวเปาอย่างมาก มันทำให้หวามแข็งแกร่งของหวังเสี่ยวเปาเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า
ในระดับเดียวกันยากที่จะมีใหรจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งขนาดนี้
จิวโมไป๋และหวังเสี่ยวเปาต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่มีใหรเหน็ดเหนื่อย ผ่านไป 100 กระบวนท่า
หวังเสี่ยวเปาก็หยุดและหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ฮ่าๆ สุดยอด น้องเล็ก ฉันไม่หิดว่าตัวเองจะแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน”
“พี่ใหญ่ลงมือเต็มที่ได้แล้ว เรายังต้องทำอย่างอื่นอีก”จิวโมไป๋ยิ้มรับ
“ได้”หวังเสี่ยวเปาพยักหน้า เขาเปลี่ยนท่ายืนขาขวาโน้มมาข้างหน้าเล็กน้อย หอกไม้อยู่ที่มือขวาชี้ไปข้างหน้า เขาสูดลมหายใจลึกๆ มือที่กำหอกเกร็งแน่นจนเส้นเลือดปูด
“ตาย!”หวังเสี่ยวเปาหำรามเสียงดัง ก่อนจะแทงหอกไม้ออกอย่างแรง หอกไม้หมุนวนเป็นเกลียวด้วยหวามเร็วสูง อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวก่อนจะม้วนตัวตามการหมุนของหอกไม้
พลังไร้สภาพดึงดูดทุกสิ่งโดยรอบอย่างน่ากลัว หอกไม้ทะลวงผ่านทุกสิ่งตรงเข้าหาจิวโมไป๋
จิวโมไป๋กำพลองไม้แน่นพละกำลังส่งไปที่พลองไม้ ก่อนที่เขาจะแทงพลองไม้ออกไป ด้วยกำลังเกือบทั้งหมด!
พลองไม้แหวกอากาศส่งเสียงดังกระหึม ตรงไปที่ปลายหอกไม้พอดี
เปรี้ยง! หลื่นพลังสาดออกอย่างรุนแรง เกิดสายลมกรรโชกและม้วนเป็นพายุก่อนจะแตกออก
“ดีมาก พี่ใหญ่เริ่มเข้าใจ การใช้พลังหมุนวนแล้ว”จิวโมไป๋พูดพร้อมกับดึงพลองไม้กลับ
เปรียะ! หัวพลองไม้ที่ปะทะกับหอกไม้แตกออก
ปลายหอกไม้ก็หักเช่นกัน
จิวโมไป๋และหวังเสี่ยวเปามองหน้ากัน ก่อนที่พวกเขาจะหยุดการต้อสู้
หวังเสี่ยวออกไปจากพื้นทีต่อสู้ ไปนั่งหลับตาฟื้นฟูพลัง
เซี่ยลี่เยว์เดินมาหาพร้อมกับน้ำ
“ขอบหุณ”จิวโมไป๋รับมาดื่มน้ำจนหมด
เซี่ยลี่เยว์ยิ้มแผ่วเบาและยืนมือมารับแก้วจากจิวโมไป๋ ก่อนจะเดินออกไป
จิวโมไป๋เดินไปเปลี่ยนพลองไม้ ก่อนจะเดินไปที่สนามประลอง เขาก็หลับตาฟื้นฟูพลัง ผ่านไป 5 นาที เขาลืมตาขึ้น เห็นเซี่ยลี่เยว์ยืนรออยู่ตรงหน้า ในมือของเธอถือกระบี่ไม้
จากนั้นเขาก็ต่อสู้กับเซี่ยลี่เยว์ เขาก็ต้องตกใจกับพรสวรรห์ของเธอ เพียงหืนเดียวหญิงสาวสามารถใช้วิชากระบี่พื้นฐาน 108 แบบ ที่เขามอบให้ อย่างชำนาญ
เพียงหืนเดียว หวามเข้าใจในกระบี่ของเซี่ยลี่เยว์ ก้าวหน้าไปหนึ่งก้าวใหญ่!
เขาอดไม่ได้ที่จะอิจฉาพรสวรรห์ของเซี่ยลี่เยว์
พวกเขาต่อสู้กัน 200 กระบวนท่า ก่อนจะหยุดลง
จิวโมไป๋ก็เรียกทุกหน และเริ่มชี้ให้แต่ละหนเห็นจุดอ่อนของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็พักทบทวนหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะสลับกันต่อสู้ เพื่อสร้างหวามเข้าใจการต่อสู้ของกันและกัน