ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 570 ลอบสังหาร! ขโมยแท่นเคลื่อนย้าย! (1,558คำ)
แต่ก่อนที่เขาจะได้พูด
ผู้อาวุโสถังก็ชกหมัดออกไปอย่างฉับพลัน
ผัวะ! ร่างของผู้อาวุโสชิงกระเด็นออกไปไกล ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ และเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้อาวุโสถังจะโจมตีตัวเองจริงๆ โดยที่ไม่มีหลักฐานใดๆ
“คนทรยศ!”ผู้อาวุโสถังมองผู้อาวุโสชิงด้วยความโกรธ
เมื่อเขาถามผู้อาวุโสชิงในช่วงที่เขาไม่ทันตั้งตัว เขาก็ลอบมองสีหน้าของอีกฝ่ายด้วย และเขาก็สังเกตเห็นความผิดปรกติบางอย่างจริงๆ เขาจึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังโกหก มันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องถามต่อ เขาโจมตีตัดกำลังอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสชิงประคองร่างไม่ให้ล้ม เงยหน้ามองผู้อาวุโสถังด้วยความโกรธ ก่อนจะมองไปนอกอาณาเขตตระกูล เพื่อหาทางหนี ถ้าเขาเสียเวลาต่อสู้กำลังเสริมจะมาถึง เขาจะหมดสิทธิ์ที่จะหลบหนีทันที
“คนทรยศ ตายซะ!”ผู้อาวุโสถังร้องคำราม เปลวไฟลุกไหม้ท่วมร่างของเขาราวกับสวมเสื้อคลุมเพลิง ก่อนที่เปลวเพลิงจะม้วนตัวกลายเป็นพายุเพลิงอันร้อนแรง
ผู้อาวุโสถังเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าวก่อนจะชกหมัดออกไป หมัดพายุเพลิงพุ่งเข้าใสร่างของผู้อาวุโสชิงอย่างดุร้าย
อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว จนชั้นอากาศบิดเบี้ยว
ผู้อาวุโสชิงแตะที่เอว และชักกระบี่อ่อนออกมา เขาแทงกระบี่ออกไปนับไม่ถ้วน เงากระบี่แทงออกไปราวกับพายุปะทะเข้ากับหมัดพายุเพลิง
ตูม! เงากระบี่ถูกหมัดพายุเพลิงบดขยี้อย่างราบคาบ
ผู้อาวุโสชิงตัวสั่นด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสถังจะแข็งแกร่งขนาดนี้!
หมัดพายุเพลิงชกไปที่ร่างของผู้อาวุโสชิงอย่่างจัง!
ตูม! ระเบิดเพลิงขยายออกเป็นวงกว้างกว่า 20 เมตร กลืนร่างของผู้อาวุโสชิงไปจนหมดสิ้น เมื่อเปลวเพลงหายไป ก็เห็นร่างของผู้อาวุโสชิงนอนหมดสติ เสื้อผ้าถูกทำลายเป็นขี้เถ้า
“หึ น่าเสียดายที่ไม่ตาย”ผู้อาวุโสถังกล่าวเสียงดัง
เหล่าศิษย์ที่กำลังตกใจอยู่ลุกขึ้นยืนมองตากันไปมา
“นี้เป็นคำสั่งของประมุขตระกูล”ผู้อาวุโสถังหันมากล่าวกับศิษย์เหล่านี้ ไม่ให้พวกเขาสับสน ก่อนจะออกคำสั่ง
“พาตัวเขาไปที่ตำหนักลงทัณฑ์ เพื่อสอบปากคำ”
“ครับ”เมื่อได้ยินว่าต้องพาไปส่งที่ตำหนักลงทัณฑ์ พวกเขาก็มั่นใจว่าผู้อาวุโสถังได้รับคำสั่งมาจากประมุขตระกูลจริงๆ
ดวงจันทร์ครึ่งดวงลอยขึ้นกลางท้องฟ้า
คฤหาสน์ผู้มีเกียรติหลังที่จิวโมไป๋พัก
ในห้องอ่านหนังสือบนชั้นสอง อยู่ๆ ตู้ไม้ด้านหลังห้องค่อยๆถูกผลักออกอย่างเงียบเชียบ ก่อนที่ชายแต่งชุดสีน้ำเงินเข้มปกปิดใบหน้ากลืนไปกับความมืด
เขาเดินออกมาอย่างแผ่วเบาไร้เสียงใด ก่อนจะใช้ท่าร่างอันแผ่วเบา จนไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า ค่อยๆออกจากห้องหนังสือ ไปยังห้องพักผ่อน
เมื่อไปถึงหน้าห้อง เขาก็ใช้มือที่สวมถุงมือแตะที่ลูกบิด เขาก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ได้ล็อค เขาจึงบิดเปิดประตูอย่างแผ่วเบา เปิดช่องเล็กๆและใช้ท่าร่างผ่านเข้าไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
ชายชุดน้ำเงินเข้ามาในห้อง เขาก็หยิบมีดสั้นไม่มีด้ามจับ ไม่มีรวดลายใดๆออกมา เขาค่อยๆเดินไปที่เตียงนอนอย่างช้าๆ
แต่ชายชุดน้ำเงินไม่รู้เลยว่า การเคลื่อนไหวของเขาถูกจิวโมไป๋จับตาดูตั้งแต่แรก!
ตั้งแต่เข้ามาในคฤหาสน์ เขาก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ และเขาก็ค้นพบทางลับสองเส้น
เมื่อชายชุดน้ำเงินออกมาจากทางลับห้องหนังสือ เขาก็รู้ตัวแล้ว
แต่พอเขาพบว่าผู้มาเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ชีพจรเป็นอย่างน้อย เขาก็ไม่คิดที่จะต่อสู้ เขาหยิบเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย และซ่อนตัวอยู่บนเพดาน และใช้พลังวิญญาณปกปิดกลิ่นอาย และกดกำไลข้อมือส่งสัญญาณฉุกเฉินไปยังฟงอี้เฟย
ชายชุดน้ำเงิน ไม่รู้ตัวเลยว่าจิวโมไป๋ซ่อนอยู่ด้านบนหัวของตัวเอง เขาเดินไปครึ่งทาง มองผ่านความมืด ก็พบว่าไม่มีใครอยู่บนเตียง ใบหน้าใต้ผ้าปิดหน้าก็เปลี่ยนไป
เขาตัดสินใจถอนตัวออกไปทันที
แต่เขาไม่รู้เลยว่า ในระหว่างที่เขากำลังจะออกไป จิวโมไป๋ก็ลอบหยดกลิ่นติดตามตัวลงไปบนหัวของชายชุดคลุมน้ำเงิน
กลิ่นติดตามนี้เป็นกลิ่นที่มนุษย์ไม่สามารถได้กลิ่น และกลิ่นนี้ยังสามารถทะลุผ้า ลงบนร่างกาย ไม่สามารถล้างกลิ่นออกได้ภายใน 2 วัน
ชายชุดน้ำเงินทะยานร่างกลับช่องทางลับหลังตู้หนังสือ
เมื่อมั่นใจว่าชายชุดน้ำเงินจากไปแล้ว จิวโมไป๋ก็อุ้มเสี่ยวไปและเสี่ยวเหมยลงพื้นอย่างสงบ
ในเวลาไม่ถึง 1 นาที ฟงอี้เฟยพร้อมด้วยหญิงวัยกลางคนฟงอี้หนิง มาถึงอย่างรวดเร็ว
“นายท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”ฟงอี้เฟยรีบถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร”จิวโมไป๋ส่ายหน้า
“ผู้บุกรุกไปหลบหนีไปทางไหน”ฟงอี้หนิงถามขึ้น ใบหน้าของเธอเย็นชาอย่างมาก เธอกำลังสงบความโกรธ ที่มีผู้ร้ายลอบโจมตีผู้มีเกียรติของตระกูล
จิวโมไป๋บอกถึงทางลับหลังตู้หนังสือ ใบหน้าของฟงอี้หนิงยิ่งแย่ลง เพราะการจะสร้างทางลับแบบนี้ได้ จะต้องทำตั้งแต่เริ่มโครงสร้างอาคาร ผู้ที่สร้างจะต้องเป็นผู้คนระดับสูงของตระกูล
ฟงอี้หนิงและชายชุดดำ 10 คน เดินไปยังหน้าตู้หนังสือ และกำลังจะเปิดทางลับ
“เดียวก่อน”จิวโมไป๋ร้องห้าม ก่อนจะหยิบครีมน้ำออกมา เขาบอกถึงกลิ่นติดตามตัว
ทุกคนที่ฟังก็ไม่เชื่อ จิวโมไป๋จึงให้ฟงอี้เฟยทดลองก่อน
“ได้กลิ่นแปลกๆจริงๆ”ฟงอี้เฟยสูดจมูก และหันมาพยักหน้ายืนยัน
ฟงอี้หนิงจึงและชายชุดดำจึงทาครีมน้ำ พวกเขาก็ได้กลิ่นแปลกๆจริงๆ
พวกเขามองจิวโมไป๋ด้วยความชื่นชม
ก่อนที่ฟงอี้หนิงและชายชุดดำจะเปิดทางลับ และเข้าไปอย่างไม่เกรงกลัว ปล่อยให้ฟงอี้เฟยอยู่คุ้มกันจิวโมไป๋
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง
กำไลข้อมือของฟงอี้เฟยก็สั่นเบาๆ
เขาก้มลงดู ก็พบว่าเป็นฟงอี้หนิงส่งข้อความมาบอกให้พาจิวโมไป๋ไปพักที่อื่น ส่วนทางด้านของน้าสาว เธอพบผู้บุกรุกแล้ว และกำลังขยายการจับกุม
ฟงอี้เฟยจึงพา จิวโมไป๋ไปที่คฤหาสน์อีกหลังที่อยู่ไม่ไกล
จากนั้นเขาก็เรียกยอดฝีมือขั้นที่ 7 ไขกระดูก 4 คนเฝ้าอยู่ข้างนอก เพื่อคุ้มกัน
จากนั้นเขาก็จากไป เพื่อตามน้าสาวล้อมจับผู้บุกรุก
จิวโมไป๋ไปที่ห้องนอน มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเงาผู้คุ้มกันเดินไปรอบๆ เขาบอกให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยนอนบนเตียง จากนั้นเขาก็หยิบหยกแกะสลักรูปเหมือนตัวเองออกมา และวางลงบนเตียง จากนั้นเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดสีดำ
คฤหาสน์นี้ก็มีทางลับซ่อนอยู่เช่นกัน ทางลับซ่อนอยู่ที่ห้องอาหาร เขาเข้าไปที่ทางลับลอบออกไป
เขาลอบหลบผู้คนออกจากอาณาเขตตระกูล ข้ามหุบเหววายุ ไปยังป่าวายุ เขาใช้ความเร็วเต็มกำลังไปที่สวนสมุนไพรล้ำค่า
เขาหลบคาไมทาจิที่กำลังหลับอยู่ เข้าไปในสวนสมุนไพรล้ำค่า
เขาไม่สนใจสมุนไพรล้ำค่านับไม่ถ้วน เขาใช้วิชาผ่านปฐพีดำดินลงไปด้านล่าง และเริ่มทำการเก็บซากแท่นเคลื่อนย้ายโบราณสถาน ไปใส่ไว้ในแหวนมิติเก็บของ เขาเสียเวลาไปพักใหญ่ เพื่อรวบรวมเศษที่กระจายไปทั่ว แต่สุดท้ายก็เก็บได้ไม่ครบ ชิ้นสวนที่เขาหาได้เพียง 80% เท่านั้น
การจะซ่อมมันต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก เขาไม่สามารถเปิดแท่นเคลื่อนย้ายได้เร็ววันแน่
เขาค้นหาอีกรอบ ก็ไม่พบ เขาจึงตัดใจ แต่ก่อนจะออกไป เขาได้ฝังแก่นพฤกษาพันปี ลงไปในดินใต้สวนสมุนไพร เพราะเขาเอาแท่นเคลื่อนย้ายออกมา ทำให้พลังธาตุไม้ที่หล่อเลี้ยงสวนสมุนไพรหายไป ถ้าไม่มีแหล่งพลังธาตุไม้ สวนสมุนไพรพวกนี้จะตายทันที
เขาจึงใส่แก่นพฤกษาพันปีเป็นแหล่งพลังธาตุไม้ แม่จะไม่สามารถเทียบได้กับพลังธาตุไม้ที่รั่วไหลออกมาจากแท่นเคลื่อนย้าย แต่อย่างน้อยมันก็สามารถประคองสวนสมุนไพรไปได้หลายปี
เมื่อถึงวันที่พลังธรรมชาติพลุ่งพล่าน แก่นพฤกษาพันปีอาจพัฒนากลายเป็นหัวใจพฤกษาบรรพการ มันจะช่วยสวนสมุนไพรนี้ได้
จิวโมไป๋กลับไปที่คฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครพบ และอาบน้ำเปลี่ยนเสียผ้า และล้มตัวลงนอนข้างๆเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยอย่างสบายใจ