ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 573 ออกคำสั่งแรก ตรวจสอบสำนักหัวใจทมิฬ!
จิวโมไป๋รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังไหลเข้ามาในร่างกายอย่างลึกลับ ก่อนที่มันจะผสานเข้าไปในทะเลสติอย่างรวดเร็ว โดยที่เขาไม่สามารถป้องกันได้
จิวโมไป๋หลับตา มองเข้าไปในทะเลสติ มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีตำหนักยุทธ์ 108 หลังลอยอยู่ เขาก็มองเห็นลูกบอลแสงสีขาว 57 ลูกลอยอยู่อย่างเงียบสงบ ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า ขนาดของบอลแสงทั้งหมดไม่เท่ากัน แต่ทุกอันเป็นสีขาวไร้สีใดเจือปน
เขาไม่แปลกใจนัก เพราะในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง การพูดคำสาบาน เป็นเหมือนการลงนามในสัญญา มันเป็นสัญญาที่ต้องปฏิบัติตามคำสาบานที่พูดออกไป
ระดับคำสาบานมีหลายระดับ และผลของมันจะแตกต่างกันออกไป
พิธีสาบานนี้ เป็นระดับคำสาบานเริ่มต้น เป็นแค่คำสาบานปากเปล่าเท่านั้น ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ผู้สาบานสามารถผิดคำสาบานและทรยศได้โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร
ถ้าเป็นการสาบานระดับสูงกว่านี้ ผู้ผิดคำสาบานอาจถูกลงโทษอย่างรุนแรง หรือสูญเสียอะไรบางอย่างเช่นระดับการบ่มเพาะพลัง สูญเสียโชค หรืออาจถูกฟ้าผ่าได้
ทำให้ปรกติแล้ว ผู้บ่มเพาะพลังจะไม่พูดคำสาบานพล่อยๆออกไป
แม้ว่าพิธีสาบานปากเปล่านี้จะไม่มี ข้อผูกมัดอะไร แต่เพราะจิวโมไป๋เป็นปรมาจารย์ ทำให้คำสาบานผสานเข้าไปในทะเลสติ ทำให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด ของผู้ให้คำสาบานได้ง่ายขึ้น
ถ้าผู้ที่สาบานเป็นผู้ติดตามของเขามีความคิดร้ายต่อเขา จะสามารถตรวจพบได้ในทันที
ลูกบอลแสงสีขาวหมายความว่า ไม่มีจิตคิดร้าย ถ้าลูกบอลแสงเปลี่ยนเป็นสีเทาหมายความว่า มีจิตคิดร้าย
การให้คำสาบานกับปรมาจารย์ จึงมีความเสี่ยงที่จะถูกอ่านความรู้สึกนึกคิดได้ แม้จะไม่มีเจตนาร้าย แต่การถูกอ่านความคิดมันไม่ได้เป็นเรื่องที่จะรู้สึกดีได้ จึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก แม้จะเป็นแค่คำสาบานปากเปล่าก็ต้องระมัดระวัง
จิวโมไป๋ลืมตาขึ้น พิธีสาบานก็จบลง
สายตาของเหล่าศิษย์ตระกูลฟงมองมาที่จิวโมไป๋เต็มไปด้วยความเคารพมากขึ้น หลังจากนี้พวกเขาจะต้องติดตามจิวโมไป๋ตลอดไป ไม่สามารถทรยศได้
ถ้าจิวโมไป๋รุ่งเรือง พวกเขาก็รุ่งเรืองไปด้วยกัน ถ้าจิวโมไป๋พินาศ พวกเขาจะเป็นคนแรกที่พินาศไปก่อน!
เมื่อพิธีจบ ฟงอี้หยุนก็ลุกขึ้นยืน ทุกคนเงียบไม่ส่งเสียงอะไร ฟงอี้หยุนมองฟงอี้เฟยข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นช้า
“ออกจากตระกูลไปแล้ว ต้องระวังตัวให้ดี อย่าทำอะไรให้ตระกูลขายหน้า”
“ครับ”ฟงอี้เฟยพยักหน้าอย่างแน่วแน่
ฟงอี้หยุนนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังและเดินจากไปด้านหลังห้องโถง
ฟงอี้จุนเดินตามพ่อของเขาไป โดยไม่แม้แต่ชายตามองฟงอี้เฟย ตั้งแต่เริ่มพิธีจนจบ เขาทำตัวเหมือนกับเป็นคนนอก ราวกับว่าพิธีที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ฟงอี้เฟยที่คุ้นชินกับความเฉยเมยของน้องชายของตัวเองอยู่แล้ว เขาจึงไม่สนใจท่าทางของอีกฝ่าย
“ยินดีด้วยพี่ใหญ่”ฟงอี้เฝิงเดินเข้ามาหา พร้อมกับกล่าวคำยินดี ด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มไม่ส่งถึงดวงตา จึงรู้สึกเหมือนกำลังเสแสร้ง
“ขอบคุณ”ฟงอี้เฟยยิ้มตอบอย่างห่างเหิน เขาและฟงอี้เฝิงไม่ได้สนิทกันนัก และยังมีความบาดหมางกันอีกด้วย
แม่ของฟงอี้เฝิง และแม่ของเขา ไม่ได้เป็นคนเดียวกัน
หลังจากแม่ของเขาให้กำเนิดฟงอี้จุนได้ไม่นาน ก็เกิดการต่อสู้กับกองกำลังอื่น แม่ของเขาพลาดท่าเสียชีวิตในการต่อสู้ครั้งนั้น
หลังจากนั้น พ่อของเขาก็แต่งงานใหม่กับบุตรสาวของผู้นำกองกำลังที่ทำให้แม่ของเขาเสียชีวิต และผู้หญิงคนนั้นก็ให้กำเนิดฟงอี้เฝิง
เขาและภรรยาใหม่ของพ่อ ไม่ถูกกัน และมีปากเสียกันหลายครั้ง
เพราะเหตุนี้เอง มันจึงส่งต่อความเป็นอริกันไปยังฟงอี้เฝิง
แม้พวกเขาจะไม่เป็นศัตรูกัน แต่ก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถเป็นมิตรกันได้เหมือนพี่น้องคนอื่นๆ พวกเขาจึงต่างคนต่างอยู่ ไม่พยายามที่จะเข้าใกล้กัน
ฟงอี้เฝิงสัมผัสได้ถึงความห่างเหินจากฟงอี้เฟย เขาจึงยิ้มไร้อารมณ์ออกมา ก่อนจะหันไปมองกลุ่มศิษย์ด้านล่าง สายตาของเขามองไปยังเซี่ยงเฉาหมิงที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของแถว เขามองนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนถอนสายตากลับและหันหลัง เดินจากไปทางด้านหลัง
ฟงอี้เฟยมองตามหลังฟงอี้เฝิง เขาครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะขับไล่ความคิดทั้งหมดออกไป
จางฮั่วเดินออกไปทันทีเมื่อพิธีจบ เขาต้องการจะกลับไปพักผ่อนเต็มที
ในห้องโถงตำหนักหลักจึงเหลือเพียง จิวโมไป๋ ฟงอี้เฟย และผู้ติดตามของเขา
จิวโมไป๋มองใบหน้าของทุกคน ศิษย์หลัก เซี่ยงเฉาหมิง ซุนหยู ถังเตี่ยวหย่ง ฉินฟู่หาน เหมิงฉีฉี ฟางหรง และศิษย์หลักอันดับ 11 ผู้โชคร้ายที่ถูกจิวโมไป๋จัดการเพียงครั้งเดียว
ศิษย์หลักอันดับ 11 เห็นสายตาของจิวโมไป๋ เขาก็เดินมาด้วยท่าทางเขินอายเล็กน้อย เขายังจำการโจมตีอันหนักหน่วงของจิวโมไป๋ได้
“นายท่าน ผมจ้าวอี้เหยียน ศิษย์หลักอันดับ 11ครับ”
จิวโมไป๋พยักหน้าช้าๆและมองศิษย์ใน ฟูชวนหยุน คังหรง ฮั่วอวี่หลิน และศิษย์ในคนอื่นๆ
“ฉันจะแนะนำตัวอีกครั้ง ชื่อของฉันคือ จิวโมไป๋”สายตาของจิวโมไป๋ส่องประกายเต็มไปด้วยพลัง”แม้ว่าพวกคุณจะกลายมาเป็นผู้ติดตามของผม แต่ผมจะไม่ปฏิบัติต่อพวกคุณเหมือนพวกคุณเป็นผู้ติดตามจริงๆ เพราะพวกคุณติดตามผมด้วยกฎข้อบังคับของตระกูล”
ฟงอี้เฟยและคนอื่นๆได้ยินใบหน้าก็เปลี่ยนไป ขณะที่ฟงอี้เฟยจะพูดอะไรบางอย่าง
จิวโมไป๋ก็ยกมือขึ้นไม่ให้พูด ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
“ผมจะไม่ทำให้พวกคุณลำบากใจ หลังจากนี้ผมจะให้เวลาคุณ 7 วัน ในระหว่างนี้คุณสามารถไปทำธุระต่างๆให้เสร็จ คุณสามารถกลับไปหาครอบครัวหรือช่วยตระกูลตรวจสอบสายลับ หรือทำอะไรก็ตาม”
จิวโมไป๋กดกำไลข้อมือและส่งข้อความไปยังฟงอี้เฟยและพูดต่อ
“หลังจาก 7 ถ้าพวกคุณต้องการที่จะติดตามผมจริงๆ พวกคุณสามารถไปหาฟงอี้เฟย เขาจะพาพวกคุณไปยังสถานที่รวมพล”
เมื่อได้ยินที่จิวโมไป๋พูดทุกคนมองจิวโมไป๋ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาไม่คิดว่าจิวโมไป๋จะใจดีแบบนี้
จิวโมไป๋รอให้ทุกคนย่อยความคิดเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“ในระหว่าง 7 วันนี้ ถ้าพวกคุณมีเวลา ผมอยากจะให้พวกคุณใช้เครือข่ายของพวกคุณ ช่วยผมตรวจสอบ สำนักหัวใจทมิฬ และกลุ่มเมฆาทมิฬในเมืองเทียนซูให้กับผม ผมต้องการข้อมูลของพวกเขาทั้งหมด”
จบคำเหล่าศิษย์ตระกูลฟงก็สามารถจับอะไรบางอย่างได้ ดวงตาของพวกเขาก็ฉายความตื่นเต้นทันที พวกเขาไม่ใช้คนโง่ พวกเขาสามารถคาดเดาเจตนาที่จิวโมไป๋ต้องการจะพูดได้
จิวโมไป๋กำลังแสดงความทะเยอทะยานของตัวเอง ให้พวกเขาเห็น ว่าถ้าติดตามเขา พวกเขาสามารถแสดงความสามารถของตัวเองออกมาได้ ไม่ได้ถูกปล่อยแช่แข็ง ไม่ได้ทำอะไรเลย
และ สำนักหัวใจทมิฬ จะเป็นกองกำลังแรก ที่พวกเขาจะกลืนกิน เพื่อสร้างกองกำลังของตัวเอง!