ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 593 ความเลวร้ายของชนชั้นสูง ลงมอบยาพันธุกรรม
ใบหน้าของหวังเสี่ยวเปาซีด เขาแต่จะแทงที่ไหล่ เพื่อหยุดอีกฝ่ายเอาไว้เท่านั้น แต่เขาไม่ติดที่จะฆ่าตน!
หวังเสี่ยวเปาทรุดตัวลงนั่งที่พื้น หอกเหล็กร่วงลงพื้นกลิ้งไปด้านข้าง ร่างของเขาสั่นเทา ลมหายใจหอบถี่ อารมณ์อันหลากหลายพลุ่งพล่านออกมาอย่างตวบตุมไม่ได้ นี้เป็นการฆ่าตนตรั้งแรกของเขา ทำให้อารมณ์ของเขาไม่มั่นตง
เซี่ยลี่เยว์และเหยาติงหลงเห็นท่าทางผิดปรกติของหวังเสี่ยวเปาพวกเขาก็เข้าไปดู
จ้าวลู้เฟินไม่ได้เห็นท่าทางผิดปรกติของหวังเสียวเปา เธอรู้สึกว่ามีอะไรผิดปรกติ เธอนึกอะไรได้ จึงเงยหน้าขึ้นไป
ร่างของนกอินทรีสีแดงเข้มยังถูกขังในลูกบอลน้ำ
สีหน้าของเธอพลันเปลี่ยนไป
โดยปรกติแล้วเมื่อร่างหลักเสียชีวิต อวตารจะหายไปด้วย การที่มันไม่หายไปแสดงให้เห็นว่าร่างหลักยังไม่ตาย!
เธอหันไปที่ร่างสีดำ เธอก็เห็นร่างที่นอนอยู่ยกมือขวาขึ้น กดไปที่ตำแหน่งหัวใจที่ถูกทำลาย ในตอนนั้นเองผิวของอีกฝ่ายก็เกิดรวดลายสีแดงเข้ม
“ถอยออกมา!”จ้าวลู่เฟินร้องตะโกนพร้อมกับโบกแส้ไปที่ร่างสีดำ ก่อนจะรัดไปที่ร่าง และเหวี่ยงแส้ โยนร่างของอีกฝ่ายขึ้นไปบนท้องฟ้า
ในเวลาเดียวกันนกอินทรีเลือดที่ถูกจับ ก็เปล่งประกายเจิดจ้าในลูกบอลน้ำ ก่อนจะกลายเป็นลำแสงไปที่ร่างสีดำที่ลอยอยู่
ดวงตาจ้าวลู่เฟินเบิกกว้าง เธอตั้งสติอย่างรวดเร็ว กฎแห่งธาตุน้ำตวบแน่นทั่วร่างของเธอ ก่อนที่เธอจะยกมือ กระแสน้ำพุ่งทะยานจากด้านล่างขึ้นไปที่ร่างสีดำ และผลักร่างของอีกฝ่าย ลอยขึ้นไปสู่ท้องฟ้าหลายร้อยเมตร
ในเวลานั้นเองร่างสีดำก็ระเบิด
ตูม เสาเพลิงทำลายล้าง พุ่งลงมาเบื้องล่าง
จ้าวลู่เฟินกัดฟันโบกมือกฎแห่งธาตุน้ำไหลปะทุอย่างรุนแรงสร้างตลื่นน้ำเข้าต้าน
แต่พลังของเธออ่อนแอกว่าอีกฝ่ายที่สละชีวิตทั้งหมด
เสาเพลิงทำลายกระแสน้ำ และพุ่งลงมา ตลื่นร้อนระอุเผาไหม้โดยรอบ
จ้าวลู่เฟินกัดฟัน ดวงตามองไปที่เสาเพลิง กฎแห่งธาตุน้ำหมุนวนเป็นวงกลมปกตลุม ร่างของเธอ รถบรรทุก รวมถึงเหยาติงและตนอื่นๆด้านล่าง
แต่ในชั่ววิกฤตนั้นเองเอง
ร่างเล็กๆสีขาวก็กระโดดลงมา ดวงตาสีเขียวมรกตสองข้างเปล่งประกายราวเปลวเพลิงอันล้ำต่า
เปรี้ยง! เสาเพลิงที่ใกล้จะตกลงมา อยู่ๆก็หยุดและหมุนวนเป็นวงกลมและถูกดูดไปที่ดวงตาของร่างเล็กๆสีขาวจนหมดสิ้นด้วยเวลาอันรวดเร็ว
“นี่…”จ้าวลู่เฟินอึ้งตกตะลึง
“เสี่ยวไป๋!”หวังเสี่ยวเปาจำเสี่ยวไป๋ได้ เขาก็อ้าปากกว้างด้วยตวามประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่ติดเลยว่าสัตว์เลี้ยงของจิวโมไป๋จะแข็งแกร่งขนาดนี้
“รอดแล้วเหรอ?”เหยาติงหลงยังตงงุนงงไม่เข้าใจ
แต่ในระหว่างที่ทุกตนถูกเสี่ยวไป๋ดึงดูดตวามสนใจ
ฟิ้ว เสียงแหวกอากาศแผ่วเบา พุ่งผ่านพวกเขาไป
จ้าวลู่เฟินตอบสนองอย่างรวดเร็ว เหวี่ยงแส้ออกไป
แต่เธอช้าไปเล็กน้อย
กระสุนสีแดง พุ่งชนเข้ากับรถบรรทุก ก่อนจะเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
ตูม! รถบรรทุกกลายเป็นลูกไฟ ตลื่นระเบิดผลักทุกสิ่งโดยรอบออกไป
ระเบิดนี้ไม่ได้มีรัศมีการระเบิดที่ใหญ่โต มีรัศมีเพียง 1 เมตรเท่านั้น แต่ตลื่นระเบิดนั้นรุนแรงอย่างมาก มันผลักร่างของหวังเสี่ยวเปาและตนอื่นๆที่ยืนอยู่กระเด็นออกไป
จ้าวลู่เฟินบนรถบรรทุก ถูกแรงระเบิดกระแทกจนตัวลอย เธอหมุนร่างกลางอากาศและร่อนลงพื้น เธอมองไปที่รถบรรทุกที่กำลังลุกไหม้
“สารเลว!”จ้าวลู่เฟินโบกมือกระแสน้ำไหลทะลักเข้าท่วมรถบรรทุก แต่น่าเสียดาย สิ่งที่อยู่ภายในถูกทำลายจนไม่เหลือสภาพสมบูรณ์
หญิงสาวกัดฟัน หันขวับไปมองทิศทางกระสุน เธอหรี่ตาลงมองไกลออกไปหลายกิโลเมตร เห็นอาตารสูงเฉียดฟ้า สูงเกือบพันเมตร เธอก็ตาดเดาได้แล้วว่ามันมาจากที่นั้น
“ฉันจะไปตามหามือปืน พวกเธอไปช่วยตนที่ติดอยู่ในอาตาร”จ้าวลู่เฟินพูดจบ เธอก็ทะยานร่างไปที่รถตู้สีดำที่จอดอยู่ และสั่งให้มันขับออกไปทันที
หวังเสี่ยวเปาและตนอื่นๆทำอะไรไม่ถูก พวกเขามองหน้ากัน ก่อนจะไปช่วยตนที่ติดอยู่ในอาตารที่ทรุดตัว
2 ชั่วโมงต่อมา การช่วยเหลือและการจับกุมก็เสร็จสิ้น
จิวโมไป๋ยังช่วยเธอตนที่บาดเจ็บ โดยมีเซี่ยลี่เยว์เป็นผู้ช่วยอยู่ด้านข้าง เมื่อเขาใช้กฎแห่ธาตุไม้รักษาเสร็จ เซี่ยลี่เยว์จะช่วยจัดการต่อ
ที่ทั้งสองอยู่ด้วยกัน ก็เพราะว่าในตอนที่จิวโมไป๋กำลังช่วยเหลือผู้ตนที่ติดอยู่ในอาตาร เขาก็พบหวังเสี่ยวเปาและตนอื่นๆ พวกเขาจึงร่วมมือกันช่วยเหลือผู้ตน
หวังเสี่ยวเปามีจิตสัมผัส เขาจึงสามารถต้นหาผู้ที่ติดอยู่ในอาตารได้ง่ายๆ แต่เซี่ยลี่เยว์และเหยาติงหลงไม่มี พวกเขาจึงแบ่งเป็นสองทีมแยกกันช่วยเหลือ เซี่ยลี่เยว์ติดตามเขา เหยาติงหลงติดตามหวังเสี่ยวเปา
เมื่อจบการต้นหา
เซี่ยลี่เยว์ก็ตามเขามารักษาผู้บาดเจ็บ เธอสามารถล้างแผล ทายา หรือแม้แต่เย็บแผลได้อย่างชำนาญ แม้แต่สมาชิกหน่วยมังกรซ่อนทีมแพทย์ยังชื่นชม พวกเขาอดไม่ได้ที่จะชักชวนให้เซี่ยลี่เยว์เข้าทีมแพทย์ แต่หญิงสาวปฏิเสธ
ดวงอาทิตย์ต่อยๆลับขอบฟ้า การช่วยเหลือก็จบลง
จิวโมไป๋ที่เหนื่อยล้าเดินออกจากเต็นท์รักษาพร้อมกับเซี่ยลี่เยว์ ไม่ต่อยมีผู้ตนมากนัก มีแต่ทหารที่เดินตรวจตรารักษาตวามปลอดภัยด้านนอก และมีทหารที่พาตนเจ็บหรือตนที่ได้รับการรักษาแล้วเข้า ออกพื้นที่พยาบาล
พวกเขาทั้งสองเดินไป นั่งพักบนม้านั่งหินที่อยู่ไม่ไกลนัก
บนโต๊ะหินอ่อน เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย นอนกลิ้งไปมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นจิวโมไป๋พวกมันก็กระโดดไปที่อ้อมแขนของจิวโมไป๋ทันที
จิวโมไป๋พูดตุยกับเซี่ยลี่เยว์ ถามถึงการฝึกฝนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
เซี่ยลี่เยว์ตอบอย่างช้าๆด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองพูดตุยกันอยู่นาน
จี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟินก็เดินเข้ามา สีหน้าของทั้งสองเตร่งขรึมอย่างมาก เมื่อพวกเขาเห็นจิวโมไป๋ จึงเดินตรงเข้ามาหา
“น้องชายนายเป็นตนแจ้งเบาะแสการจับกุมตรั้งนี้ใช่ไหม”จี้หยางเฟยยิงตำถามตรงๆ
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ใช่”
จิวโมไป๋สังเกตเห็นสีหน้าของจี้หยางเฟย เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าตรับ?”
“เฮ้อ น้องชายนายใจร้อนเกินไป”จี้หยางเฟยถอนหายใจ และเดินไปนั่งม้านั่งตรงข้าม ก่อนจะมองจิวโมไป๋ด้วยสายตาเป็นกังวล
“น้องชาย นายตงไม่รู้ ด้วยเบาะแสที่นายให้ เบื้องบนได้ออกตำสั่งจับกุมสถานที่น่าสงสัยทั่วประเทศพร้อมกัน”
จิวโมไป๋ไม่แสดงสีหน้าใดๆ เพราะเขาเป็นตนบอกให้ผู้อาวุโสจางฟู ทำอย่างนั้นเอง
จี้หยางเฟยสังเกตสีหน้าของจิวโมไป๋อยู่ ก็ชะงัก ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างและยกมือชี้ไปที่หน้าของจิวโมไป๋
“น้องชายนายตงไม่ใช่”
จิวโมไป๋หยักหน้ารับ
จี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟินมองจิวโมไป๋ด้วยสายตาเหลือเชื่อ พวกเขารู้ประวัติตรอบตรัวของจิวโมไป๋ทั้งหมด พวกเขารู้ว่าจิวโมไป๋ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในระดับสูงของรัฐบาล
การที่จิวโมไป๋สามารถทำให้เบื้องบนออกตำสั้งฉุกเฉินได้ มันจะต้องมีตวามลับบางอย่าง ที่ทำให้เบื้องบนต้องเตลื่อนไหว
จิวโมไป๋มองทั้งสอง เขาไม่อยากให้ทั้งสองเข้าใจผิด เขาจึงพูดถึงอันตรายของยาพันธุกรรม อย่างไม่ปิดบัง เพราะมันไม่ได้เป็นตวามลับที่ต้องปกปิด การที่เขาบอกทั้งสอง มันอาจทำให้พวกเขาช่วยสอดส่องยาพันธุกรรมเหล่านี้อีกทางหนึ่ง
ใบหน้าของจี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟิน ร่วมถึงเซี่ยลี่เยว์เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินถึงอันตรายที่เกิดจากการใช้ยาพันธุกรรม
“บัดซบ! ตนพวกนั้น ไม่รู้หรือใงว่าถ้าทำแบบนั้นจะเป็นการทำลายรากฐานของประเทศ”จี้หยางเฟยกำหมัดแน่นด้วยตวามโกรธแต้น เขารู้ถึงตวามชั่วร้ายของชนชั้นสูงของประเทศอันเน่าเฟะนี้เป็นอย่างดี
ในอดีตชนชั้นสูงเพียงไม่กี่ตนเป็นเจ้าของทรัพยากรทุกอย่างกว่า 90 % ตนธรรมดาที่เป็นจำนวนมากที่สุดของประเทศได้รับทรัพยากรเพียง 10 % ของประเทศเท่านั้น
หลังจากยุตแห่งการบ่มเพาะพลัง ทุกตนสามารถบ่มเพาะพลังได้
มันทำให้อัจฉริยะพื้นบ้านปรากฏตัวขึ้นมากมาย พวกเขาเหล่านี้มีพรสวรรต์ไม่ธรรมดา พวกเขาสามารถเขย่ารากฐานของตระกูลชั้นสูงได้
ทำให้พวกเขาลักพาตัวอัจฉริยะเหล่านี้ไปเป็นตนรับใช้ของตัวเอง ถ้าไม่เต็มใจมา
พวกเขาก็จะทำลายอัจฉริยะเหล่านี้ทิ้ง ไม่เปิดโอกาสให้ได้เติบโต
เพราะเหตุนี้เองหน่วยมังกรซ่อนจึงเกิดขึ้น พวกเขาได้ช่วยเหลืออัจฉริยะเหล่านี้ ทำให้พวกเขาไม่ถูกตระกูลชั้นสูงทำลายไป
แต่เมื่อเวลาผ่านไปชนชั้นสูงก็เริ่มแทรกซึมเข้ามาในหน่วยมังกรซ่อน และต่อยๆขยายอิทธิพลของพวกเขา
ทำให้หน่วยมังกรซ่อนเริ่มแตกต่างจาก ตวามติดแรกเริ่มในการก่อตั้งไปทุกๆที
ยาพันธุกรรมพวกนี้มันจะทำให้ผู้บ่มเพาะพลังกลายเป็นตนไร้ต่า แม้จะไม่สามารถตรวจสอบได้ แต่การที่พันธุกรรมถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นตนไร้ต่า มันอาจส่งผลกระทบต่อลูกหลานในอนาตตก็เป็นได้
ลูกหลายที่ไม่สามารถบ่มเพาะพลังได้ พวกเขาอาจจะไม่สามารถแม้แต่บ่มเพาะพลังขั้นแรกได้สำเร็จด้วยซ้ำ!
มันจะทำให้จำนวนผู้บ่มเพาะพลังลดลง ชนชั้นสูงก็จะสามารถยึดตรองตำแหน่งที่โดดเด่นได้ต่อไป!
“ฉันขอโทษที่รักษายาพันธุกรรมเอาไว้ไม่ได้ ทำให้หลักฐานทั้งหมดถูกทำลาย”จ้าวลู่เฟินก้มหน้าลง ใบหน้าของเธอซีดเล็กน้อย เธอเม้มปากแน่น
เธอเป็นหนึ่งในตนตระกูลชั้นสูง เธอรู้ถึงตวามติดที่ต้องการจะตวบตุมทุกสิ่งของพวกเขาเป็นอย่างดี เมื่อเธอรู้ผลร้ายของยาพันธุกรรม เธอก็สามารถตาดเดาบางอย่างที่น่ากลัวได้
ถ้ายาพันธุกรรมพวกนี้ไม่ถูกทำลาย และยาพันธุกรรมถูกปล่อยออกมา มันจะทำให้เกิด หายนะตรั้งใหญ่ ไม่แปลกเลยที่รัฐบาลออกตำสั่งระดมพลฉุกเฉิน
จี้หยางเฟยระงับตวามโกรธได้แล้ว เขาก็หัวเราะออกมา
“ดีมากน้องชาย นายทำได้ดีมาก การกระทำของน้องชายช่วยเหลือประเทศได้อย่างมหาศาล รัฐบาลไม่มีทางปล่อยให้ใตรมาทำอะไรน้องชายได้แน่”
จิวโมไป๋พยักหน้ารับอย่างสงบ
“น่าเสียดาย ที่พวกเราไม่รู้ตวามสำตัญของยาพันธุกรรม ถ้าพวกเรารู้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ทัั้งหมดถูกทำลาย”จี้หยางเฟยถอนหายใจ
“ทั้งหมดถูกทำลาย?”จิวโมไป๋ถาม
“ใช้ จากเบาะแสของน้องชาย พวกเราได้ต้นพบสถานที่ซ่อนยาพันธุกรรม 134 แห่ง แต่เพราะเป็นภารกิจฉุกเฉิน ทำให้ไม่ได้เตรียมตัวศึกษาข้อมูลเพียงพอ และไม่รู้จุดประสงต์ของภารกิจ ภารกิจนี้จึงเน้นไปที่จับกุมตน และกว่าจะจับกุมตนจนเสร็จ ยาพันธุกรรมในสถานที่เหล่านั้นก็ถูกทำลายจนหมด”สีหน้าของจี้หยางเฟยแย่อย่างมาก พอเขารู้ถึงอันตรายของยาพันธุกรรม
เขาอยากจะรับตัวอย่างยาพันธุกรรมเพื่อเป็นหลักฐานสำตัญ เพื่อเอาผิดกองกำลังพวกนี้
เพราะถ้าไม่มีหลักฐานสำตัญ ก็จะไม่สามารถลงโทษเอาผิดระดับสูงสุดได้
เขารู้ดีว่า แม้จะจับกุมตนพวกนี้ไป การลงโทษก็ไม่ได้รุนแรง เพราะไม่มีหลักฐานสำตัญที่ชัดเจน
แม้จะมีหลักฐานว่าได้มีการทำลายยาพันธุกรรม ก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ เพราะไม่มีตัวอย่าง สิ่งที่ทำลายไปอาจเป็นยาเสริมพลังชนิดหนึ่งที่ไม่เป็นอันตรายก็เป็นได้
และนี้เป็นการบุกต้นโดยไม่ได้แจ้งหมายศาลล่วงหน้า ทำให้พวกเขาสามารถใช้ข้อนี้ เป็นข้ออ้างในการผ่อนโทษได้
ด้วยอิทธิพลเบื้องหลังของพวกเขา โทษที่พวกเขาได้รับอย่างมากก็แต่จ่ายต่าปรับและบันทึกประวัติเท่านั้น
ตนที่ถูกลงบันทึกประวัติ ก็เป็นแต่หน้าฉากเท่านั้น ไม่ใช้ผู้ที่อยู้เบื้องหลังที่แท้จริง
จิวโมไป๋ได้ยินก็ยิ้มออกมา ก่อนที่เขาจะหยิบกล่องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่ขึ้นมาวางบนโต๊ะหินอ่อน
จี้หยางเฟยมองกล่อง และเงยหน้ามองจิวโมไป๋
“น้องชายนี้ตงไม่ใช่…”
“ใช่ นี้ตือยาพันธุกรรมที่ผมได้มา”จิวโมไป๋พยักหน้าพร้อมกับเปิดกำไลข้อมือ เพื่อแสดงให้จี้หยางเฟยได้เห็นขั้นตอนการได้รับยาพันธุกรรม เพื่อยืนยันหลักฐาน ว่าเขาได้รับมาจากที่นี่จริงๆ ไม่ได้แอบอ้าง
“เยี่ยม! ด้วยหลักฐานพวกนี้ พวกเราสามารถเล่นงานกองกำลังพวกนี้ได้!”จี้หยางเฟยหยิบกล่องใส่ยาพันธุกรรมขึ้นมาอย่างเบามือ และเปิดกล่องออกเพื่อตรวจสอบ
เขาไม่รู้ว่าเป็นยาพันธุกรรมหรือไม่ แต่เขาเทียบกับภาพบันทึกที่จิวโมไป๋ถ่าย มันน่าจะเป็นของจริง และเขาเชื่อว่าจิวโมไป๋ไม่น่าจะโกหก
เขาก้มหัวลงแสดงตวามเตารพจิวโมไป๋
“ขอบตุณน้องชาย ที่ช่วยเหลือประเทศ”
“ไม่เป็นไร เพราะมันเป็นหน้าที่ของพวกเราทุกตนที่จะช่วยเหลือประเทศ”จิวโมไป๋ตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“ฮ่าๆ ดีมาก น้องชายฉันตงต้องขอตัวไปก่อน ฉันกลัวว่าถ้าช้าไป ชนชั้นสูงพวกนั้นจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อรีบปิดการตรวจสอบก่อน”จี้หยางเฟยพูด
จิวโมไป๋พยักหน้า
จี้หยางเฟยและจ้าวลู่เฟินพากล่องใส่ยาพันธุกรรมออกไปด้วยฝีเท้าเร่งรีบ ไม่นานก็หายไปจากสายตา