ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 69
จิวโมไป๋ขยับตัวถอยหลบไปด้านหลัง เงาสีดำก็พุ่งมาหยุดบนก้อนหินเรียบหน้ากระทะทำอาหาร ดวงตาสีเขียวมรกตของมัน จ้องเขม่งไปที่เนื้อไก่สามรสในกระทะไม่วางตา
มันเป็นลูกเสือสีขาวตัวเล็กราวแมวตัวเต็มวัย อายุประมาณ 4 เดือน ตามตัวเต็มไปด้วยเศษดินและสิ่งสกปรกเกาะตามขนทั่วร่างกาย ทำให้เนื้อตัวของมันสกปรกมอมแมม ขนสีขาวเปลี่ยนเป็นสีกระดำกระด่าง จนแทบไม่สามารถแยกสีขนเดิมได้
ร่างกายของมันมีขนาดเล็กและผอมแห้งจนเห็นโครงกระดูก สภาพของมันดูอ่อนแรง แต่ความเร็วในการกระโจนเข้ามาเมื่อครู่ มันรวดเร็วจนจิตสัมผัสของจิวโมไป๋ แทบจะไม่สามารถตรวจจับได้ทัน ทำให้เขาไม่สามารถประมาทมันได้
จิวโมไป๋ลอบสำรวจลูกเสือขาวอย่างละเอียด ลักษณะภายนอกของมันดูเหมือนเสือขาวธรรมดา ยกเว้นดวงตาของมันเป็นสีเขียวมรกต นัยน์ตามีประกายสีฟ้าอ่อน ราวกับระลอกคลื่นทะเลสาบ เมื่อเขาสบตากับลูกเสือขาวเขาสังเกตเห็นร่องรอยของสติปัญญา ที่ฉลาดกว่าสัตว์ป่าทั่วไป
และที่น่าแปลกคือสิ่งมีชีวิตอื่นๆบนเกาะโดดเดี่ยว จะมีพลังชีวิตอ่อนแอพร้อมจะตายลงทุกเมื่อ แต่ลูกเสือขาวกับยังคงมีสภาพเป็นปกติ แค่มีอาการหิวโหยอ่อนแรงเพราะไม่ได้กินอาหารเท่านั้น บ่งบอกว่าพลังชีวิตของมันเหนือล้ำมากกว่าสัตว์ป่าตัวอื่นๆ
กลิ่นหอมของอาหารอบอวนไปทั่ว จิวโมไป๋ค่อยๆเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ลูกเสือขาวเอียงคอมองจิวโมไป๋เล็กน้อย ก่อนที่จะหันมาชะเง้อมองลงไปในกระทะ มุมปากของมันมีน้ำลายเหนียวใสไหลหยดลงบนพื้น
พอเห็นท่าทางของมันแล้ว ทำให้จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ เหมือนจะรู้ตัวลูกเสือขาวตวัดตาใสแจ๋วจ้องเขม่งมองจิวโมไป๋อย่างดุดัน ก่อนที่มันจะหันหลังวิ่งหายไป
ทำให้จิวโมไป๋มองตามหลังอย่างเสียใจ ลูกเสือขาวตัวนี้มีสติปัญญาสูงมาก ทำให้มันวิ่งหนีไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเขา จากท่าทางของมันดูเหมือนมันจะหิวมาก เขาไม่น่าไปหัวเราะมันเลย
จิวโมไป๋ถอนหายใจและลงมือทำอาหารเพิ่มอีกหลายจาน ถ้าลูกเสือขาวยังไม่กลับมา เขาจะทิ้งอาหารไว้ให้ลูกเสือขาวได้กิน แต่ในขณะที่กำลังทำอาหารจานสุดท้าย เงาสีดำมอมแมมก็กระโดดปีนจากหน้าผาขึ้นมา
ลูกเสือขาวค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ปากของมันคาบปลาขนาดกลางตัวหนึ่ง มันวางปลาตรงหน้าจิวโมไป๋แล้วกระโดด ขึ้นไปยืืนบนหินก้อนหนึ่งที่วางจานอาหารเอาไว้ ดวงตาของมันจ้องเขม่งอาหารด้วยความหิวโหย แต่มันยังไม่รีบกินเหมือนสัตว์ทั่วไป มันหันมาสบตากับจิวโมไป๋นิ่งและไม่ทำอะไรอีก
จิวโมไป๋ยิ้มขึ้นมาเบาๆ
“นั่งรอก่อน เดียวฉันทำอาหารอีกไม่กี่จานก็เสร็จแล้ว”พูดจบเขาก็หยิบปลาขึ้นมาล้างทำความสะอาดและนำมันไปทำอาหาร เขาตรวจสอบปลามันมีแต่ก้าง มีเนื้อปลาเพียงน้อยนิด ไม่แปลกที่ลูกเสือตัวนี้จะผอมแห้งแบบนี้
จิวโมไป๋ทำอาหารจนเสร็จ ก็นำไปวางไว้บนก้อนหินและหยิบจานใบใหญ่ออกมา จากนั้นก็แบ่งอาหารเนื้อสัตว์ลงบนจาน นำไปวางตรงลูกเสือขาวที่นั่งนิ่งไม่ขยับไปไหน
“กินได้เลย”
มันเอียงคอเล็กน้อยก่อนที่จะผงกหัวเบาๆ จากนั้นก็ร้อง โฮกก เสียงเบาราวกับจะพูดขอบคุณ จากนั้นมันก็ก้มหัวกินอาหารอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาอาหารที่วางเต็มจานก็หมดลง
จิวโมไป๋จึงแบ่งอาหารให้อีกและลงมือกินอาหารของตัวเองจนหมด
เมื่อกินอาหารเรียบร้อยแล้วลูกเสือขาวก็คำรามเบาๆหนึ่งที ก่อนที่จะพุ่งทะยานลงจากหน้าผา หายไปอย่างรวดเร็ว
จิวโมไป๋ส่ายหัวเบาๆอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่จะเรียกน้ำจากแหวนมิติออกมาล้างจานทำความสะอาด
ลูกเสือขาวก็ขึ้นหน้าผากลับมาอีกครั้ง ปากของมันคาบลูกแพรที่สุกกำลังดีขึ้นมาด้วย มันวางลูกแพรตรงหน้าจิวโมไป๋ ก่อนที่จะเอียงคออย่างน่ารัก เหมือนมันจะแสดงความขอบคุณ จิวโมไป๋ยกยิ้มขึ้น เพราะลูกแพร เอามาจากต้นไม้ที่เขาเอามาปลูกบนเกาะ
“ขอบใจมาก”เขาหยิบลูกแพรขึ้นมากัด ให้ลูกเสือขาวดู มันพยักหัวเล็กๆก่อนคำราม และกระโจนลงจากหน้าผาหายไปอีกครั้ง
จิวโมไป๋กินลูกแพรจนหมด จากนั้นเขาก็ลงจากหน้าผา เดินขึ้นภูเขาสำนักไปที่ห้องที่เขาพัก เขาก็เริ่มบ่มเพาะพลัง…
เช้าวันต่อมาจิวโมไป๋ค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีทองแดงผสมสีเงินเล็กน้อย
แกร๊กๆ แกร๊กๆ เสียงข่วนดังขึ้นที่หน้าประตู ทำให้จิวโมไป๋เดินออกไปดู ก็เห็นลูกเสือขาวกำลังใช้กรงเล็บข่วนประตูเบาๆ เขามองด้านข้างของมันมีผลไม้หลายชนิดและปลาหลายตัววางอยู่
โฮกกก แฮร่ ลูกเสือขาวร้องคำรามเบาๆ ก่อนที่จะชี้กรงเล็บไปทางอาหาร
เห็นท่าทางฉลาดแสนรู้ของมัน จิวโมไป๋ก็เข้าใจความหมายทันที จากนั้นเขาก็ล้างหน้าและลงมือทำอาหารจนเสร็จ
1 คน 1 ตัว ก็ลงมือกินอาหารด้วยกัน เมื่อกินเสร็จแล้วลูกเสือขาวก็วิ่งหายไปในทันที จิวโมไป๋ส่ายหัวเบาๆ และเดินไปที่ส่วนกลางของภูเขาสำนัก มีตำหนักหลังหนึ่งตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวแยกจากอาคารหลังอื่น ตำหนักหลังนี้เป็นอาคาร 1 ชั้นแต่มีขนาดกว้างใหญ่ กินพื้นที่ตรงส่วนนั้นจนหมด ด้านบนตรงกลางอาคารมีปล่องไฟขนาดใหญ่โผล่ทะลุหลังคา
มันเป็นโรงตีเหล็กที่ถูกสร้างไว้เมื่อสำนักแห่งนี้ถูกสร้างขึ้น
จิวโมไป๋เดินเข้าไปด้านใน ก็เห็นอุปกรณ์สำหรับถลุงและหลอมเหล็กที่ทันสมัยตั้งอยู่เป็นส่วนๆ ตรงมุมเล็กๆด้านในสุดมีแท่นตีเหล็กและอุปกรณ์ตีเหล็กแบบโบราณวางไว้อย่างเป็นระเบียบ
จิวโมไป๋ไม่รอช้า เขาเรียกแร่เหล็กคุณภาพดีและแร่ต่างๆ หนักหลายตันออกมาจากแหวนมิติ จากนั้นก็ลงมือเปิดเครื่องถลุงแร่
เพียงแค่กดไม่กี่ครั้ง เครื่องถลุงเหล็กก็เริ่มทำงาน เขาเอาแร่เหล็กใส่ลงไปในเครื่องถลุงแร่ จากนั้นก็ ไปที่เครื่องถลุงเหล็กอื่นๆ และนำแร่หลากหลายชนิดใส่ลงไป
ใช้เวลาจนถึงเที่ยงวัน แร่เหล็กและแร่ต่างๆก็ถูกถลุงจนบริสุทธิ์กลายเป็นแท่งเหล็ก เขานำพวกมันไปวางซ้อนกันเป็นหมวดหมู่ไว้ในห้องเก็บของ
แกร๊กๆ แกร๊กๆ
เสียงดังขึ้นอีกครั้งที่หน้าประตู จิวโมไป๋เดินไปเปิดก็เห็นลูกเสือขาว กำลังนั่งนิ่ง ด้านข้างมีผลไม้และปลาวางอยู่ ทำเหมือนตอนเช้าไม่มีผิด จิวโมไป๋ก็พยักหน้ารับรู้และเริ่มลงมือทำอาหาร
ลูกเสือขาวในตอนนี้มันมีความกล้ามากขึ้น มันไม่ยืนนิ่งอยู่ห่างๆอีกแล้ว มันวิ่งไปมาดูการทำอาหารของจิวโมไป๋ เมื่อเห็นจิวโมไป๋หยิบผักขึ้นมา มันก็ร้องหนึ่งที เหมือนไม่อยากให้เขาเอามาทำอาหาร จิวโมไป๋ไม่สนใจหยิบมันมาทำอาหารตามเดิม ลูกเสือขาวก็คำราม ฮึมๆ ไม่พอใจก่อนจะกลิ้งไปกลิ้งมารอบๆ
เห็นท่าทางของมันจิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา
“พวกเราพบเจอกันที่นี่ ถือว่าเป็นโชคชะตา ฉันชื่อจิวโมไป๋… แกคงไม่มีชื่อใช่ไหม งั้นฉันขอตั้งชื่อให้แกว่า เสี่ยวไป๋(ขาวน้อย)ก็แล้วกันะ”จิวโมไป๋ส่งยิ้มให้ลูกเสือขาวอย่างอ่อนโยน มันหยุดกลิ้งนอนเอียงคออย่างน่ารักมองสบตาจิวโมไป๋ เหมือนมันรู้ถึงความจริงใจที่เขาส่งให้ มันลุกขึ้นและเดินช้าๆมาด้านหน้าของจิวโมไป๋แล้วยกขาหน้าขึ้น จิวโมไป๋เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่จะนั่งคุกเข่าลง แล้วยกมือขึ้นสัมผัสกัน
“จากนี้พวกเรามาอยู่ด้วยกันนะ”จิวโมไป๋พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“โฮกกกก”เสี่ยวไป๋ คำรามเสียงดัง ดวงตาแสนรู้ของมันเป็นประกายระยิบระยับ
จากนั้นจิวโมไป๋ก็ลงมือทำอาหารอีกครั้ง ตอนนี้ลูกเสือขาวก็ เดินตามหลังเขาต้อยๆไม่ยอมห่าง เมื่ออาหารเสร็จ พวกเขาก็กินด้วยกัน
หลังจากนั้นจิวโมไป๋ก็กลับไปถลุงแร่ต่อ โดยที่เสี่ยวไป๋จะออกไปวิ่งเล่นด้านนอก ถึงเวลาตอนเย็นมันก็กลับมา
จิวโมไป๋ก็จะทำอาหารและกินด้วยกัน ทุกๆเช้า เที่ยง และช่วงเย็นก่อนมืด เสี่ยวไป๋จะนำผลไม้และปลามาให้เขาทำอาหารไม่เคยขาด เหมือนเป็นนาฬิกาบอกเวลาไปแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ช่วงสว่างจิวโมไป๋ก็ลงมือถลุงแร่หลายชนิดกว่าหลายร้อยตัน ช่วงเย็นก็บ่มเพาะพลังทั้งสองตำหนักและใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะสามครั้งไม่เคยขาด จากนั้นก็บ่มเพาะจิตวิญญาณ หัวใจพิสุทธิ์จนถึงเช้า
4 วันผ่านไป จิวโมไป๋ก็ถลุงแร่ทั้งหมดให้เป็นแร่คุณภาพสูงตามที่เขาต้องการจนเสร็จ
จากนั้นเขาก็เลือกแร่เหล็กและแร่ประหลาดสามชนิดที่ถูกถลุงเป็นแท่งเหล็กออกมา เขานำพวกมันไปวางไว้บนโต๊ะข้างแท่นตีแหล็ก
“ได้เวลาสร้างอาวุธชิ้นแรกแล้ว”จิวโมไป๋สูดหายใจเฮือกใหญ่และหยิบก้อนหินสีดำด้านกลมเกลี้ยงและท่อนไม้คุณภาพดีออกจากแหวนมิติ จากนั้นก็โยนพวกมันลงไปบนเตาเผาโบราณจากนั้นก็จุดไฟ พริบตาเดียวก้อนหินสีดำด้าน ก็กลายเป็นสีแดงส้มส่งคลื่นความร้อนออกมาอย่างรวดเร็ว ท้อนไม้ลุกไหม้อย่างรุนแรง
จิวโมไป๋ไม่สนใจความร้อนจากการเผาไหม้ เขาใช้ที่คีบเหล็ก คีบแท่งเหล็กไปเผาไฟจนมันกลายเป็นสีส้ม เขาก็นำมันมาวางบนแท่นตีเหล็ก จากนั้นเขาก็หยิบค้อนตีเหล็กขนาดใหญ่ขึ้นมาพร้อมกับจัดท่าทางให้มั่นคง ในใจท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน คลื่นความร้อนในร่างกายสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนจาก เตาเผาด้านนอก มันก็ทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า
ไอควันสีขาวพุ่งออกจากรูขุมขนอย่างรุนแรง ร่างกายของเขากลายเป็นสีแดงด่ำ เส้นเลือดบูดโปนจนแทบระเบิด จิวโมไป๋ขบกรามแน่นฝืนทนความเจ็บปวด จากนั้นก็ยกค้อนตีเหล็กขึ้น พลังไร้สภาพกระจายออกมาจากหัวค้อน
ไม่เสียเวลาอีก จิวโมไป๋กระชับมือกับด้ามจับจนแน่น และเหวี่ยงค้อนตีแท่งเหล็กอย่างรุนแรง
เคร้ง!!! เคร้ง!!!