ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 78
จิวโมไป๋เห็นเสี่ยวไป๋แสดงท่าทางไม่พอใจ เขายิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นเดินหลับไปที่พัก เสี่ยวไป๋ร้องเบาๆก่อนจะกระโดดไม่กี่ครั้งก็มายื่นบนไหล่ขวาของจิวโมไป๋
จี้หยางเฟยที่ถูกทิ้งไว้อยู่คนเดียว ก็ยืนขึ้นพลางสะบัดเสื้อคลุมยาวสีขาวให้เขาที่ ก่อนมองไปท่าจิวโมไป๋ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
แม้ไม่มองไปด้านหลัง จิตสัมผัสของจิวโมไป๋ก็สามารถรับรู้ได้ว่า จี้หยางเฟยกำลังตามมาอยู่ห่างๆ จิวโมไป๋ทำเป็นไม่สนใจ เขารู้ถึงนิสัยของอีกฝ่ายดี ว่าจะไม่สร้างปัญหาให้แก่เขาแน่
เดินมาถึงอาคารที่เขาพัก จิวโมไป๋ก็เดินเข้าไปห้องครัวและทำเป็นเปิดตู้เย็น ก่อนจะเรียกวัตถุดิบทำอาหารจากแหวนมิติใส่เข้าไปในตู้เย็น ก่อนจะทำเป็นหยิบของออกมา จี้หยางเฟยก็เดินเข้ามาโดยไม่ต้องชวน ด้วยท่าทางสบายอารมณ์เหมือนอยู่บ้านตัวเอง
“น้องชายนาย พักอยู่ที่นี่เหรอ?”จี้หยางเฟยแปลกใจเล็กน้อย เพราะเขาตามมือสังหารมาหลายวัน ซึ่งเขาก็ตรวจสอบอาคารทุกหลังแล้ว ไม่พออะไรผิดปกติ และเขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพักที่นี่
เขาจำได้ว่าจิวโมไป๋ซื้อเกาะแห่งนี้ทั้งหมด อาคารหลังนี้ธรรมดามาก ไม่ได้หรูหราที่สุด บนเขามีที่พักหรูหราสะดวกสบายกว่าหลายเท่า แต่กับเลือกมาอยู่ที่นี่ เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าจิวโมไป๋คิดอะไรอยู่
จิวโมไป๋ทำเป็นไม่สนใจ เริ่มลงมือทำอาหารอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวไป๋กระโดดลงจากไหล่ ไปยืนบนโต๊ะด้านข้าง แววตาของมันทอประกายระยิบระยับ มันไม่ได้กินอาหารที่ทำใหม่ๆ มาหลายวันแล้วไม่แปลกที่มันจะอยากอาหารมากกว่าปกติ
เมื่อทำอาหารเสร็จ จิวโมไป๋ก็ยกอาหารไปว่างบนโต๊ะอาหาร จี้หยางเฟยไม่นั่งรอเฉยๆ เขาเดินมาช่วยหยิบอาหารไปวาง
“หืม ฝีมือเยี่ยม”จี้หยางเฟยกินอาหารไปพลางพูดชมไปพลาง
“คุณสามารถไปกินได้ที่ร้านของครอบครัวผมได้ อร่อยกว่าที่ผมทำอีก”จิวโมไป๋พูดจบก็กินอาหารต่อ เขาไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะกลัวจะเปิดเผยอะไรออกมา
“อ่อ ฉันเคยแวะไปตรวจสอบดูแล้ว แต่ไม่ได้เข้าไป ถ้ามีเวลาฉันจะแวะไป”จี้หยางเฟยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะกระแอ้มออกมาแล้วเงียบไป เขาไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว
ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารดูกลมเกลียวอย่างแปลกประหลาด
จากนั้นทั้งสามก็กินอาหารด้วยกันจนเสร็จ
จี้หยางเฟยก็ลุกขึ้นยืนพร้อมส่งยิ้มให้จิวโมไป๋
“ฉันไปก่อนนะน้องชาย ถ้ามีปัญหาอะไรติดต่อที่หมายเลขติดต่อนี้ได้เลย เป็นหมายเลขติดต่อฉันเอง”จี้หยางเฟยส่งหมายเลขติดต่อไปให้ จิวโมไป๋ก็รับมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
จี้หยางเฟยโบกมือ ก่อนจะเดินออกจากที่พักไป
เมื่ออีกฝ่ายจากไปจิวโมไป๋ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วเปิดกำไลข้อมือดูกล้องวงจรปิด เขาก็เห็นอีกฝ่ายเดินไปที่ศพนักฆ่า ก่อนจะหยิบขวดยาออกมาหยดน้ำลงบนศพ ไม่นานศพก็ละลายหายไปเหลือแต่เสื้อผ้าทิ้งไว้ จี้หยางเฟย ใส่ถุงมือแล้วเก็บเสื้อผ้าอุปกรณ์ทั้งหมดลงในผ้าคลุม จากนั้นก็พุ่งทะยานหายไป
จิวโมไป๋ตรวจสอบกล้องอื่น ก็เห็นเงาสีขาวกระโดดออกไปจากหน้าผา เมื่อเท้าเหยียบผิวน้ำร่างสีขาวก็ทะยานจากไป
ในตอนนี้เขาก็วางใจแล้วว่าเขาจะไม่ถูกเชิญให้เข้าองค์กรลับในฐานะ ‘นักปรุงยา’อีกแล้ว
เขารู้กฎระเบียบต่างๆขององค์กรลับดี ถ้าเข้าองค์กรด้วยฐานะนักปรุงยา เขาจะไม่สามารถออกมาทำภารกิจที่อันตรายได้ นั้นทำให้เขาไม่สามารถเลื่อนระดับหรือเก็บคะแนนได้ง่ายๆ
ดังนั้นเมื่อต่อสู้กับจี้หยางเฟย เขาจึงใช้กำลังและแสดงความสามารถในการต่อสู้ 8 ใน 10 ส่วน ให้จี้หยางเฟยได้เห็น เพื่อที่อีกฝ่ายจะเห็นถึงความสามารถในฐานะ‘นักรบ’
เมื่อจี้หยางเฟยเห็นความสามารถของจิวโมไป๋ จี้หยางเฟยก็จะไม่ชักชวนให้จิวโมเข้าองค์กรในฐานะนักปรุงยา เพราะเขาอยากให้จิวโมไป๋พัฒนาในเส้นทางนักรบมากกว่า
ถ้าถามว่าทำไมจี้หยางเฟยไม่ชวน เขาเข้าองกรค์ในฐานะนักรบเลย ก็เพราะกฎขององค์กรลับในการคัดเลือกนักรบนั้นเข้มงวดอย่างมาก ไม่ใช้แค่มีพรสวรรค์หรือเป็นอัจฉริยะแล้วจะได้เข้าองค์กรลับได้เลย เหมือนนักปรุงยาหรือสาขาวิชาชีพอื่นๆ
เพราะนักรบไม่ใช้เพียงแค่มีพรสวรรค์เท่านั้น จะต้องมีความสามารถที่โดดเด่น ความมุ่งมันเกินคนธรรมดา และ โชค ถ้าแค่ต้องการคนที่มีพรสวรรค์ องค์กรสามารถหาคนเข้าองค์กรได้เป็นหมื่นเป็นแสนคน
ระบบข่าวกรองขององค์กรลับไม่ได้อ่อนแอ การตรวจสอบหาเด็กที่มีพรสวรรค์แล้วรับเข้าองค์กรลับ แค่ใช้ความพยายามนิดหน่อยก็ได้
สิ่งที่องค์กรลับต้องการในตัวนักรบ ที่พวกเขาต้องการจริงๆคือ นักรบที่ เหนือกว่าพรสวรรค์
ทำให้ในการทดสอบเข้าองค์กรในฐานะนักรบ ขั้นแรกจะต้องแสดงผลงานที่โดดเด่นออกมา
การประลองต่อสู้ต่างๆ ที่จัดขึ้นทั่วประเทศมังกร จึงมีคนขององค์กรลับเฝ้าจับตาดู ถ้ามีคนที่แสดงความสามารถที่โดดเด่นออกมาได้ แม้จะไม่ได้เป็นแชมป์ของการประลอง ก็อาจจะถูกคนในองค์กรลับเลือกให้เข้ารับการทดสอบขั้นที่ 2
จิวโมไป๋จึงพยายามฝึกซ้อมอย่างหนัก เพื่อให้มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบการต่อสู้ของมหาวิทยาลัย
เพื่อที่เขาจะได้ผ่านการคัดเลือกขั้นแรก ขององค์กรลับ
จี้หยางเฟย คงจะรายงานภารกิจไปแล้วว่าค้นพบตัวนักปรุงยาเตาหลอม 9 สุริยัน แต่ในรายงานคงรายงานไปว่าเขาไม่เข้าร่วมองค์กร
ทำให้องค์ลับจะค่อยตรวจสอบความปลอดภัยให้เขาแต่ไม่รบกวน
จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณอีกฝ่าย เพราะถ้าจี้หยางเฟยพยายามหว่านล้อมหรือใช้กำลัง พาเขากลับไปที่องค์กร เพื่อเป็นนักปรุงยาได้สำเร็จ จี้หยางเฟยจะได้คะแนนภารกิจจำนวนมาก
แต่จี้หยางเฟยเลือกที่จะไม่ทำ เพื่อให้เขาเดินในเส้นทางนักรบ
เมื่อปัดเรื่องปวดหัวออกไปได้ จิวโมไป๋ก็นั่งลงบนเตียงนอนก่อนจะเริ่มบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์
…
เช้าวันต่อมา
เมืองเทียนไห่
พ่อบ้านในชุดสูทสีดำยืนอยู่หน้ารถสีเงินคันหรู เขากำลังรอชายหนุ่มร่างสูงรูปร่างหล่อเหลาราวเทพบุตร ที่กำลังเดินออกจากโรงแรม
เมื่อชายหนุ่มกำลังเดินมาถึงพ่อบ้านก็เปิดประตูหลังอย่างนอบน้อมเมื่อชายหนุ่มเข้าไปในรถ เขาก็เดินไปนั่งข้างคนขับ ก่อนที่รถจะค่อยๆขับออกจากโรงแรม
“นายน้อย คนของเราที่คอยติดตามเป้าหมายขาดการติดต่อไปเมื่อเวลา 00.53 นาที เราส่งคนไปตรวจสอบดีไหมครับ”พ่อบ้านพูดรายงานให้ชายหนุ่มฟัง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออกอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดออกมาอย่างราบเรียบ
“ไม่ต้อง”
พ่อบ้านปิดปากเงียบไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขารู้อารมณ์ของนายน้อยดี ว่าตอนนี้กำลังไม่พอใจอย่างมาก
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เย็นชากว่าเดิม
“ไปตรวจสอบ‘ทุกอย่าง’มาให้หมด ห้ามตกหล่นอะไรไปแม้แต่อย่างเดียว”