ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 82
จิวโมไป๋ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นอย่างช้าๆ แม้ร่างกายภายนอกจะฟื้นตัวแล้วแต่อวัยวะภายในยังบอบช้ำอยู่มาก ทำให้เมื่อยืนขึ้นเขารู้สึกปวดร้าวไปทั้งร่าง ได้แต่นิ่วหน้าข่มความเจ็บ เดินเข้าที่พักอย่างช้าๆ
เมื่อเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น เขาก็สังเกตเห็นเจ้าเหมียว ที่ตอนนี้นั่งขดตัวเป็นลูกบอลกลมๆหลบอยู่ใต้โซฟา
“เป็นอะไรเจ้าเหมียว?”จิวโมไป๋เดินไปจับตัวมันเบาๆ
ร่างสีขาวสั่นเล็กน้อย ก่อนมันจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาท่าทางของมันดูหวาดกลัวเล็กน้อย มันมองจิวโมไป๋อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง
ก่อนที่มันจะกระโดดไปนั่งบนโซฟาดู TV ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เห็นเสี่ยวไป๋กลับมาเป็นเหมือนเดิม จิวโมไป๋ก็วางใจลง เขาเดินเข้าห้องครัวลงมือทำอาหารอย่างรวดเร็ว เพราะมันเลยมื้อเที่ยงไปนานแล้ว
จิวโมไป๋ทำอาหารจนเต็มโต๊ะกินข้าว ราวกับอาหารของคน 10 คน เขาไม่รอช้ากินอาหารทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่เหมือนหลุมดำไร้ก้น กินไปเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเติมเต็มได้ จิวโมไป๋ก็ไม่สนกินเข้าไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องทำอาหารเพิ่มอีก
แต่ยิ่งเขากินอาหารมากเท่าไหร่ พวกมันก็กลายเป็นพลังงานให้กับร่างกาย อาการบาดเจ็บก็ค่อยๆดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวไป๋ที่นั่งกินอยู่บนโต๊ะ ก็ค่อยๆกินอย่างช้าๆ ดูแตกต่างจากปกติ จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะลองถามมันดู แต่มันก็เชิดหน้าหนีทำเป็นไม่สนใจ
เขาได้แต่ยักไหล่ กินอาหารต่อจนเสร็จ
เมื่อเสร็จแล้ว จิวโมไป๋ก็จัดการโต๊ะอาหารให้ว่าง ก่อนจะหยิบอุปกรณ์เขียนยันต์อาคมออกมา
เสี่ยวไป๋กระโดดไปนั่งดูTV บนโซฟาไม่สนใจเขาอีก
เขาวางแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบ ฟูกันและหยิบขวดใส่เศษหยกสีเขียวที่เขาบดจนละเอียดออกมา
เมื่อตรวจสอบทุกอย่างแล้ว เขาก็ลงมือวาดยันต์อาคมอย่างรวดเร็ว พลังจิตวิญญาณสีเงินค่อยๆปรากฏลวดลายอย่างสลับซับซ้อน บนแผ่นกระดาษพร้อมเศษหยกละเอียดที่พลังจิตวิญญาณห่มหุ้ม ลอยไปตามรอยอักขระ แสงสีเงินประกายเขียวค่อยๆสว่างขึ้นทีละน้อย ทุกตัวอักษรเต็มไปด้วยพลัง
จิวโมไป๋ยิ้มอย่างพอใจ มือวาดยันต์อาคมไม่หยุด
เมื่อบ่มเพาะพลังจิตวิญญาณถึงระดับเงิน วัสดุที่ใช้ในการสร้างยันต์อาคมจะสามารถลดลงได้ครึ่งหนึ่ง แต่พลังของยันต์อาคมจะเทียบเท่ากับ ยันต์อาคมที่ผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณระดับทองแดงสร้างขึ้นโดยใช้วัสดุในการสร้างที่สมบูรณ์
ถ้าผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณระดับเงินทั่วไป ใช้วัสดุที่สมบูรณ์สร้างยันต์อาคม มันจะแข็งแกร่งขึ้น 2-3 เท่า
เมื่อพลังจิตวิญญาณอยู่ระดับทอง จะไม่ต้องใช่วัสดุในการสร้างยันต์อาคมอีกต่อไป สามารถใช้พลังจิตวิญญาณสร้างยันต์อาคมเลยก็ได้ แต่ถ้าใช้วัสดุช่วยความแข็งแกร่งของยันต์จะเพิ่มขึ้นอีก
สำหรับผู้บ่มเพาะพลังจิตวิญญาณ ระดับทองแดงและเงิน ถือว่าเป็นผู้ฝึกหัด ระดับทองจะถูกเรียกว่าผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณในเส้นทางปรมาจารย์อย่างแท้จริง
เมื่อพวกเขาวาดข่ายอาคม ปรุงยา หลอมอาวุธ ประสิทธิ์ภาพของที่พวกเขาสร้างจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัว
ไม่แปลกที่ในอนาคต ผู้บ่มเพราะจิตวิญญาณในเส้นทางปรมาจารย์ จะเป็นที่เคารพจากผู้บ่มเพาะพลัง
ในตอนนี้เขายังอยู่ในระดับเงิน ยังไม่ถือว่าเป็นปรมาจารย์แท้จริง แต่เขาที่เคยเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งมาก่อน ทำให้ยันต์อาคมที่เขาสร้างด้วยวัสดุที่สมบูรณ์ แข็งแกร่งกว่าปกติ 4 เท่า
เพียงไม่นานจิวโมไป๋ก็สร้างยันต์วายุระดับ 1 มันเป็นยันต์ที่เขาใช้ในเขาวงกตโครงกระดูก แต่ยันต์อาคมแผ่นนี้แข็งแกร่งกว่าเดิมถึง 4 เท่า
จิวโมไป๋พยักหน้าพอใจ ยันต์อาคมสำหรับโจมตี จะสร้างยากกว่ายันต์อื่นๆหลายเท่า และ ยันต์วายุ เป็นยันต์โจมตีที่สร้างง่ายที่สุด เพราะไม่ต้องใช่วัสดุในการสร้างมากนัก ใช้แค่เศษหยก จำนวนหนึ่งก็พอ
อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากจะสร้างแค่ยันต์วายุเท่านั้น แต่เพราะ โลกยังไม่มีวัตถุสมบัติเกิดขึ้นมามากนัก ถ้าไม่โชคดีจริงๆ ก็แทบจะไม่พบเจอแม้สมบัติมนุษย์ ระดับ 1
แร่ต่างๆที่เขาซื้อมา ยังไม่ถึงระดับวัตถุสมบัติ ระดับ 1 ด้วยซ้ำ ยกเว้นแก่นพฤกษา โลหิตมังกร และสมบัติอื่นๆที่เขาได้รับมา อันที่จริงแล้วพวกมันเป็นสมบัติที่หายากมากแม้แต่มิติระดับกลางก็หาได้ยาก ถ้าเขาไม่มีความทรงจำ และความรู้กว่า100ปี เขาอาจจะไม่รู้จักพวกมันและมองข้ามไปเลยก็ได้
วัสดุที่เขามีในตอนนี้จึงสร้างได้แค่ยันต์วายุเท่านั้น
จิวโมไป๋ทำยันต์วายุอีก 9 แผ่น และสร้างยันต์ม่านขี้เถ้าระดับ 1 อีก 5 ใบเพื่อเอาไว้หลีกเลี่ยงการมองเห็น เมื่อสร้างยันต์อาคมทั้งหมดเสร็จ ก็ 6 โมงเย็นแล้ว
เห็นว่าเวลายังมีเหลืออีก เขาก็หยิบเสื้อคลุมสีดำตัวโปรดออกมา และทำการวาดข่ายอาคมทับลงไป ทำให้เสื้อคลุมสีดำดูมืดทึบยิ่งกว่าเดิม
จากนั้นเขาก็หยิบท่อนไม้สีน้ำตาลเข้มออกมา พร้อมกับมีดแกะสลัก และเริ่มใช้พลังจิตวิญญาณสีเงินห่อหุ้มใบมีด ค่อยๆแกะสลักท่อนไม้อย่างช้าๆ เพียงไม่นานก็กลายเป็นหน้ากากเต็มใบปกปิดทุกส่วนของใบหน้า เนื้อไม้สีน้ำตาลเข้ม ทำให้หน้ากากดูเด่นชัดขึ้น แต่ถ้ามองนานๆจะดูแปลกประหลาด
เหมือนกับว่า ในสมองจะต้องจดจำแต่ภาพของหน้ากากใบนี้โดยไม่มีทางลืมมันได้
ทำให้จดจ่อแต่ภาพหน้ากาก จนละเลยส่วนอื่นๆของร่างกายไปโดยไม่รู้ตัว
จิวโมไป๋พยักหน้าอย่างพอใจ เขาทดลองใส่เสื้อคลุมสีดำยกหมวกฮูดปิดหัว และใส่หน้ากากไว้บนใบหน้าจนมิดชิด
แล้วออกไปนอกบ้าน เดินวนไปบนมาหลายรอบก่อนจะกลับเข้าบ้าน และเปิดกำไลข้อมือดูภาพจากกล้องวงจรปิด ในภาพเขาเห็นเงาสีทำเดินไปเดินมา และบางครั้งจะเห็นหน้ากากสีน้ำตาลลอยออกมา ถ้าไม่สังเกตดีๆแทบจะไม่สามารถตรวจสอบได้เลย
ถ้ารวมกับยันต์ม่านขี้เถา ระดับ 1 ก็แทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นเขาได้ ยกเว้นคนๆนั้นจะมีทักษะตรวจจับที่แหลมคม เหมือนทักษะจิตสัมผัส
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว จิวโมไป๋ก็ลงมือทำอาหารเหมือนทุกวันยกเว้นปริมาณที่มากขึ้น กว่าเมื่อตอนเย็น 2 เท่า ในตอนนี้เขาต้องฟื้นฟูร่างกายให้เร็วที่สุด
เมื่อกินอาหารเสร็จ เขาก็อุ้มเสี่ยวไป๋กลับเข้าห้องและเริ่มบ่มเพราะพลังจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์
โดยที่เสี่ยวไปร้องคำครวญไม่พอใจอยู่ด้านข้าง