ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 88
ตรงกลางระหว่างทางหมู่บ้านใบไม้ล่วงและเหมืองแร่ประกายแสง มีช่องทางเดินระหว่างหน้าผาหินสูงชันความกวางประมาณ 25 เมตร ไม่ถือว่าเป็นทางคับแคบสามารถมองเห็นหน้าผาทั้งสองด้านได้
จิวโมไป๋ค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างช้าๆ ก่อนจะหยุดห่างจากช่องว่างระหว่างหน้าผา 200 เมตร เขามองสำรวจทางเดินสายนั้นอย่างละเอียด เขาก็แน่ใจว่าที่นี่เป็นจุดซุ้มโจมตีอย่างแน่นอน เพราะถ้าเป็นทางเดินสายอื่นจะต้องอ้อมไปอีกอย่างน้อยก็ 4 กิโลเมตร
มองจากจุดที่เขายืนอยู่ จะเห็นเป็นแค่ทางเดินตัดผ่านระหว่างหน้าผาสองด้านธรรมดา เมื่อมองไปทางหน้าผาแต่ละด้านจะเป็นหน้าผาตัดเรียบแทบไม่มีจุดให้หลบซ่อนตัวได้เลย
จิวโมไป๋เคลื่อนตัวอย่างช้าๆท่ามกลางสายฝนที่ตกมาไม่หยุด อ้อมไปด้านขวาห่างออกไปเกือบ 500 เมตร ก่อนจะปีนขึ้นหน้าผาพร้อมใช้จิตสัมผัสตรวจสอบรอบด้านอย่างระมัดระวัง เมื่อปีนขึ้นไปได้แล้ว เขาก็เคลื่อนตัวไปใกล้ๆทางช่องทางตัดผ่านด้านล่าง เขาก็พบจุดซ่อนตัวหลายจุดกระจายอยู่ตามขอบของหน้าผา ถ้าไม่ตั้งใจตรวจสอบก็ไม่มีทางตรวจพบได้
จิวโมไป๋ก็แอบที่ช่องหินมุมหนึ่ง และใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอย่างรอบคอบ เขาก็พบนักฆ่าขององค์กรโลหิตนิรันดรคนแรก กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหน้าของเขาไม่ถึง 30 เมตร คิ้วของจิวโมไป๋ขมวดแน่นอย่างไม่รู้ตัว เพราะอีกฝ่ายอยู่ห่างแค่ไม่กี่เมตร เขาเกือบจะไม่พบตัวตนของอีกฝ่ายแล้ว
เมื่อตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วน จิวโมไป๋ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา
ขั้นที่ 5 กระดูก
จิวโมไป๋ค่อยๆถอยออกมาอย่างช้าๆก่อนที่จะสำรวจ จุดอื่นจนทั่ว เขาเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
หน้าผาฝั่งที่เขาอยู่ มี 11 คน ขั้นที่ 5 กระดูก 10 คน และขั้นที่ 6 โลหิต 1 คน!
ในตอนนี้สีหน้าของจิวโมไป๋เคร่งเครียดหนักอึ้ง
ไม่ต้องไปตรวจสอบหน้าผาอีกฝั่ง เขาก็มันใจว่าอีกฝั่งต้องมีนักฆ่า อยู่เท่ากัน
องค์กรโลหิตนิรันดร์ส่งนักฆ่ามาทำภารกิจ 22 คน มีผู่บ่มเพาะขั้นที่ 5 กระดูก 20 คน และ ขั้นที่ 6 โลหิต 2 คน!
มันเป็นจำนวนที่มากกว่าที่เขาคิด โดยเฉพาะระดับการบ่มเพาะแต่ละคนก็สูงมากจนน่ากลัว!
นักฆ่าขั้นที่ 5 กระดูก เขาสามารถลอบสังหารได้ แม้จะยากไปบ้างแต่ก็ไม่เกินกำลังมากนัก แต่นักฆ่าขั้นที่ 6 โลหิต นั้นเป็นระดับที่ต่างออกไป โดยเฉพาะ ผู้บ่มเพาะพลังทวีปตะวันตก ที่อยู่ขั้นที่ 6 โลหิต!
ระดับสร้างฐานทั้ง 9 ขั้น ขั้นที่ 1-5 จะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย ซึ่งในระดับนี้แม้ว่าจะสามารถบ่มเพาะพลังถึงขั้นที่ 5 สูง มันก็ไม่สามารถทำให้ผู้บ่มเพาะพลัง ทรงพลังจนถึงขั้นไร้เทียมทาน มันแค่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 1-5 สามารถถูกฆ่าได้ด้วยอาวุธมีคมหรืออาวุธปืน จึงไม่แปลกที่ทางรัฐบาลจะไม่ห้ามให้ประชาชนธรรมดาบ่มเพาะพลังอย่างเสรี เพราะพวกเขาไม่กลัวว่าประชาชนธรรมดาจะบ่มเพาะพลัง จนสามารถเอาชนะกองกำลังของตระกูลต่างๆหรือรัฐบาลได้ เพราะยิ่งระดับสูงยิ่งใช้ทรัพยากรในการบ่มเพาะมากยิ่งขึ้น คนธรรมดาไม่สามารถแข่งขันกับกองกำลังใหญ่ๆได้อยู่แล้ว
เมื่อบ่มเพาะพลังจนถึงขั้นที่ 6 โลหิต ผู้บ่มเพระพลังจะเกิดการวิวัฒนาการของร่างกายอย่างก้าวกระโดดพลังปราณในร่างที่สะสมอยู่ในทะเลปราณจะเริ่มหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้ร่างกายจะแข็งแกร่งทรงพลังมากขึ้นหลายเท่า อาวุธมีคมธรรมดาหรือปืนที่มีพลังทำลายระดับต่ำถึงกลาง ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้อีกต่อไป
ทำให้ระดับสร้างฐานขั้นที่ 6 ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างคนธรรมดาและผู้บ่มเพาะพลังที่แท้จริง
โดยเฉพาะคนทวีปตะวันตก เมื่อระดับการบ่มเพาะพลังถึงขั้นที่ 6 โลหิต สายเลือดของพวกเขา ที่แข็งแกร่งกว่าคนของทวีปตะวันออกอยู่แล้ว จะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้น นอกจากนั้นพลังพิเศษของสายเลือดจะถูกกระตุ้น ทำให้พลังแฝงเพิ่มขึ้นไปอีก
ในขั้นที่ 6 โลหิตความแตกต่างระหว่างพลังของทั้งสองทวีปจะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว
จิวโมไป๋ซ่อนตัวหลังมุมหน้าผาด้านนอกสุด เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่าในช่วงเวลาที่พลังงานธรรมชาติยังไม่ฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ จะมีผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงมากมายถึงขนาดนี้
เมื่อเขาได้เกิดใหม่ เขาวางแผนที่จะส่งเสริมช่วยเหลือประชาชนธรรมดาให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อลดความเลื่อมล้ำของระดับการบ่มเพาะพลังระหว่างคนธรรมดากับตระกูลต่างๆ เมื่อเผชิญวิกฤตประตูเชื่อมต่อมิติถูกเปิดออก ประชาชนธรรมจะสามารถสร้างจุดยืนของตัวเองได้ โดยไม่ถูกกองกำลังของตระกูลต่างๆหรือรัฐบาลกดดันจนกลายเป็นทาส
แต่ตอนนี้เมื่อเขาพบกลุ่มทำภารกิจเล็กๆ ของกองกำลังชั้นนำของโลก เขาก็พบว่าความคิดของเขายังง่ายเกินไป
เมื่อเขานึกไปถึงคนของเซียวหนานจิ้นที่มาลอบสังหารเขาที่เกาะโดดเดี่ยว ในตอนนั้นเมื่อเขาฆ่า นักฆ่าเหล่านั้นได้ เขาก็แอบคิดไปว่าตระกูลเซียวที่เป็นตระกูลชั้นสูงในตอนนี้ ยังไม่มีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งมากนัก
แต่เมื่อเขาได้คิดดีๆแล้ว ในตอนนี้เขาเป็นแค่คนที่เซียวหนานจิ้นไม่พอใจเท่านั้น ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ เซียวหนานจิ้นจะส่งคนที่แข็งแกร่งมาฆ่าเขาเลย มันก็เป็นไปไม่ได้ คนที่ส่งมาก็เป็นคนระดับล่างๆ ที่ไม่สำคัญอะไร ยังไม่ร่วมถึงสมาชิกชนชั้นสูงของตระกูลเซียวที่ต้องแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
เมื่อคิดถึงตรงนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่ขึ้นมา เพราะเขาเกิดใหม่ ทำให้ในใจลึกๆเขารู้สึกลำพองและหยิ่งยโสโดยไม่รู้ตัว ทำให้ความคิดและแผนการที่เขาวางเอาไว้ ยังติดอยู่ที่ความทรงจำที่ตัวเองจดจำได้ โดยไม่ได้วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนถึงสถานการณ์จริง แม้เขาจะพบอะไรที่ผิดปกติเขาก็ดึงดันที่จะทำต่อไป
ในการตรวจสอบการลอบสังหารครั้งนี้ เพราะเขาคิดว่าไม่มีผู้บ่มเพาะที่มีระดับบ่มเพาะเกินขั้นที่ 5 กระดูก เขาสามารถลอบสังหารทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นคนทวีปตะวันตก ที่พลังและความแข็งแกร่งมากกว่าคนทวีปตะวันออกเมื่อระดับการบ่มเพาะพลังเท่ากัน ใจของเขาก็เริ่มโน้มเอียงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่คิดอะไรมากนักเพราะเขามั่นใจว่าจะสังหารอีกฝ่ายได้อยู่ดี
แต่เมื่อพบคนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ที่ขั้นที่ 6 โลหิต ความมั่นใจของเขาทั้งหมดก็พังทลายลง เพราะเขาไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะใช้ของที่เขาพกติดตัวมาทั้งหมดก็ตาม
เขาเผลอหลงตัวเองมากไปจริงๆ
เมื่อได้คิดทบทวนตัวเองแล้ว จิวโมไป๋ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเย่อหยิ่งทั้งหมดก็หายไป จิตใจค่อยๆสงบลงอย่างแปลกประหลาด สมองที่เคร่งเครียดอยูู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เกิดใหม่พลันผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ สายฝนที่ตกลงมากระทบร่างกายดูนุ่มนวล เย็นสบาย
ในตอนนี้เขาเลิกที่จะยึดติดกับความทรงจำในอดีต เขาจะเอาความทรงจำพวกนั้น มาใช้แค่สิ่งที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ทันทีที่ปล่อยวางทุกอย่างลงได้ ประสาทสัมผัสทุกส่วนในร่างกายพลันเฉียบคมขึ้น และในตอนนั้นเองจิตสัมผัสก็ขยายขอบเขตขึ้นอย่างรวดเร็ว
110
130
150
200!
ภายในทะเลสติ ทองฟ้าสีเงินอ่อนกลายเป็นสีเงินสว่างเจิดจ้าเปร่งประกายงดงาม
ใจกลางทองฟ้าพลันปากฎดอกบัวตูมสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ไร้มนทิน รอบดอกบัวมีประกายแสงสีเงินแผ่บรรยากาศสงบเยือกเย็น ทำให้จิตใจเหมือนถูกชำระล้างให้บริสุทธิ์
จิวโมไป๋จ้องมอง ดอกบัวสีขาวที่ลอยนิ่งๆอยู่บนท้องฟ้าสีเงิน
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ ขั้นที่ 1!