รวยชั่วข้ามคืน?! - บทที่ 10 ใครช่วยเหลือสังเส่นเอ๋อ
บทที่ 10 ใครช่วยเหลือสังเส่นเอ๋อ
พอซ้อมเสร็จ เสี้ยฉีงกับสาวๆในทีมเชียร์ ลีดเดอร์ก็เดินตามหนุ่มๆในทีมบาสเกตบอลออก ไปงานเก็บสิ่งของเครื่องใช้จึงตกอยู่กับ “ผู้ช่วย ราชินี” อย่างฉินหลั่งโดยปริยาย หรั่นหญิงมองดู ฉินหลั่งแล้วเกิดสงสาร เดิมทีอยากจะอยู่ช่วยเก็บ ของด้วยกันกับฉินหลั่ง แต่ถูกเสี้ยฉีงลากตัวไป ดื้อๆ แล้วพูดกับเธอว่า “คุณค่าเดียวของฉินหลั่ง ที่อยู่ในทีมเชียร์ลีดเดอร์ก็คือการช่วยพวกเธอ เก็บของ ไม่อย่างนั้นคงเตะเขาออกไปนานแล้ว ทำไมต้องไปช่วยเขาด้วย”
ฉินหลั่งเอาอุปกรณ์ของทีมเชียร์ลีดเดอร์ เข้าไปเก็บในห้องเก็บอุปกรณ์ ในตอนนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ท่านหวงนั่นเอง “คุณชายใหญ่ โข่งลิ่งเสียนบอกว่า จัดการให้เรียบร้อยแล้ว ครับ”
“อืม ฉันทราบแล้ว” ฉินหลั่งพูดจบ ก็กดวาง สายไปทันที
ประสิทธิภาพในการทำงานของวงศ์ตระกูล นั้นรวดเร็วมาก นับจากเวลาที่ฉินหลั่งโทรไป ก็ เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น เดาว่ากว่าข้อความจะไปถึงสังเส่นเอ๋อ ก็ยังคงต้องรออีกสัก พัก
ห้าโมงเย็นแล้ว ฉินหลั่งที่กำลังวิ่งออกกำลัง กาย ก็ได้รับสายจากหวงเกอ หวงเกอดูท่าทางดี อกดีใจมาก “ฉินหลั่ง นายอยู่ไหน ?”
“สนาม ได้ยินเสียงนายสบายใจขนาดนี้ ทาง สังเส่นเอ่อคงไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม” ฉินหลั่ง คาดว่าข้อความคงไปถึงทางสังเส่นเอ๋อแล้ว
“บ้าจริง! นายรู้ได้ยังไง ยี่สิบนาทีก่อน พ่อ เธอเพิ่งโทรมาบอก นายก็รู้เลยเหรอ” หวงเกอ ถามอย่างแปลกใจ
“ถ้าเรื่องยังไม่คลี่คลาย นายจะสบายใจ ขนาดนี้เหรอ” ฉินหลั่งยิ้มบางๆ
“นั่นก็จริง” หวงเกอเปลี่ยนน้ำเสียงอีกครั้ง ก่อนพูดว่า “ตอนนี้รีบมาที่เซียนหย่าจุนสิ สังเส่น เอ๋อบอกว่าจะเลี้ยง พวกเรากำลังจะไปที่นั่นกัน”
“พวกนายไปเถอะ ฉันไม่ไปแล้ว” สังเส่นเอ๋อ เกลียดเขาขนาดนั้น เขาไปแล้วก็เหมือนหาเรื่อง ไม่ดีใส่ตัวเปล่าๆ
“มาสิ มาสิ พี่น้องทุกคนก็อยู่ นายไม่มาไม่รู้ สึกอายบ้างเหรอ”
“ฉันไม่ไปจริงๆ พวกนายสนุกกันให้เต็มที่แล้วกัน”
“เฮ้อ นายนี่มันจริงๆเลย ยังไงถ้านายไม่มา ก็ คือไม่เห็นฉัน หยินห้าวแล้วก็ยินถึงเป็นพี่น้อง นายก็ลองดูเองแล้วกัน !” พูดจบ หวงเกอก็วาง สายไปทันที
ฟังเสียงสัญญาณ “ตู๊ด ตู๊ด” ในโทรศัพท์ ฉิน หลั่งก็ยิ้มแหยๆอย่างหดหู่
ฉินหลั่งเดินเอื่อยๆออกไปนอกประตู มหาวิทยาลัย เมื่อมาถึงเซียนหย่าจุน เดินเข้าไป ตามเสียงเอะอะไป ก็เจอโต๊ะของพวกสังเส่นเอ๋อ โต๊ะนั้นดูแล้วมีคนราวๆสิบคน นอกจากคนที่หอ ของสังเส่นเอ๋อกับคนที่หอของเขาแล้ว ก็ยังมี ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยอีกหลายคน คิดว่าคงเป็นเพื่อ นของสังเส่นเอ๋อ
ฉินหลั่งเดินไปทางโต๊ะนั้นช้าๆ ผู้คนที่กำลัง มาต่างก็พุ่งสายตาไปที่ตัวของฉินหลั่ง
ตอนที่กำลังคุยกันได้ที่สังเส่นเอ่อก็หันกลับ ไปมอง เมื่อเห็นว่าฉินหลั่งมา สายตาก็ฉายแวว รังเกียจ “ฉันไม่ได้เรียกนายมานี่ ก็ได้ ฉันนี้ฉัน อารมณ์ดี เลยยอมให้นายแล้วกัน”
พูดจบ ก็ไม่มองฉินหลั่งอีกเลย หันกลับไป เริ่มคุยสนทนาอีกครั้ง เธอในเวลานี้ ยังจะเหลือ ความกลัวและความกังวลแบบตอนเที่ยงอยู่ได้อย่างไร ?
ฉินหลั่งหยุดเท้าลง มองดูแผ่นหลังของสัง เล่นเอ่อ เปลวไฟดวงน้อยในใจกระตุกวูบทีหนึ่ง
ช่างเถอะๆ ยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน ช่วยแล้วก็ถือว่าแล้วไป ยังไงต่อไปนี้เขาก็ไม่มี อะไรต้องเกี่ยวข้องกับสังเส่นเอ๋ออีก แม้ว่าจจะมี วันไหนที่เธอต้องพบเจอความลำบากอีก มันก็ไม่ เกี่ยวกับเขาแล้ว
หวงเกอรีบก้าวเท้าเข้ามา แล้วพูดเสียงเบา ตรงหน้าฉันหลัง “อย่าไปสนใจเธอเลย พวกเราพี่ น้องสนุกกันเองก็พอ ไปเถอะ ไปนั่งข้างๆฉัน”
ขณะพูด หวงเกอก็ลากฉินหลัง ไปนั่งที่ข้างๆ ตัวเอง
ฉินหลั่งเพิ่งจะนั่งลง สังเส่นเอ๋อก็เหลือบไป มองเขาทีหนึ่งอย่างไม่พอใจ ฉินหลั่งเองก็ไม่ได้ มองเธอ จะได้ไม่ทำให้ตัวเองอึดอัด
“เส่นเอ๋อ เขาทำอะไรเธอเหรอ” ผู้หญิงแปลก หน้าคนหนึ่ง เหลือบไปมองฉินหลั่งที่หนึ่ง ก่อนจะ เอ่ยถามสังเส่นเอ่อเสียงเบา
คนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องราว ต่างก็มองไปทางสัง เส่นเอ๋อด้วยดวงตาลุกวาว รอให้เธอเริ่มอธิบาย
สายตาของสังเส่นเอ่อวนรอบตัวฉินหลั่ง ก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆ บนใบหน้าประดับไปด้วย รอยยิ้มเย็นชา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่ง ก่อนจะพูดขึ้นช้าๆว่า “พี่น้องคนนี้ไม่ธรรมดานะ เมื่อวานตอนเช้า เขาหลับหูหลับตาไปที่ธนาคาร ซิตี้แบงก์เพื่อถอนเงิน ประเด็นคือ เขาไม่มีบัตร ของธนาคารซิตี้แบงก์….”
หลายๆคนที่ไม่รู้เรื่องราว พอได้ยินคำพูด ของสังเส่นเอ๋อ ก็ปิดปากแล้วขำออกมา อดไม่ ได้ที่จะมองไปที่ฉินหลั่ง ส่วนโจวซินกับที่เหลือ พวกหวงเกอที่รู้เรื่องราวดี สีหน้าก็เลิกลั่กกันขึ้น มาทันที
อีกเดี่ยวยังต้องกินข้าวด้วยกันอีกนะคุณยาย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบฉินหลั่ง แต่อย่างน้อยต่อ หน้าคนอื่น จะไม่ไว้หน้าของเขาสักนิดเลยหรือ ?
บริกรเข้ามาเสิร์ฟอาหารที่ละอย่าง
ทั้งสิบคนล้อมวงกัน พูดคุยหัวเราะ ส่วนฉิน หลั่งก็คุยกับหวงเกอที่อยู่ข้างๆ และหยินห้าว เท่านั้น ไม่ได้ไปร่วมวงกับพวกสังเล่นเอ๋่อ
“.พวกเธอลองเดาสิว่า สุดท้ายแล้วหม่าวั่น ถังประธานของบริษัทเทียนซีกรุ๊ป ไปที่ห้อง ทำงานของคุณพ่อฉันด้วยตัวเอง เพื่อขอโทษพอ ฉัน นั่นเรียกว่าเป็นการอ่อนน้อมถ่อมตนสินะ..” สังเส่นเอ๋อกำลังบรรยายสิ่งที่ได้ฟังมาจากพ่อของเธอ
“เจ่งมาก เส่นเฮ่อ พูดความจริงนันก็คิดไม่กึง เลยนะ ว่าบ้านเธอจะแก้ปัญหาได้อย่างงายดาย ขนาดนี้ ยังไงนั่นก็เป็นถึงบริษัทเทียนขีครุปนะ ถือว่าเป็นท้อปสิบในเมืองจีนหลิงเขียว”
“ใช่สิ หม่าวันถังเก่งขนาดไหน บนเว็บไซต์ ต่างก็มีข่าว เคยทำให้บริษัทหายไปอย่าง สมบูรณ์ แต่บ้านของพวกเธอ เพิ่งเกิดเรื่องไม่ถึง หนึ่งวันก็เคลียร์แล้ว เล้นเอ่อ ความสัมพันธ์ของ บ้านเธอนี่แข็งแกร่งพอตัวเลยนะ” ผู้ชายคนหนึ่ง ยกนิ้วหัวแม่มือให้
“บอกพวกเราหน่อยสิ ว่าที่บ้านเธอไปหาใคร เหรอ พวกเราจะได้เอาไปคุยโม้กับคนอื่นได้บ้าง” ผู้ชายสวมแว่นคนหนึ่ง ยิ้มแล้วถามสังเส่นเอ๋ออ อกไปคำหนึ่ง
“แน่นอนอยู่แล้ว คิดว่าพ่อฉันเป็นใครกัน หม่า วันถังกล้าแข็งข้อกับคนอื่น แต่กับพ่อฉัน ถ้าพูด แบบไม่เกรงใจ ก็คือแค่ผายลมเท่านั้นแหละ !” สัง เส่นเอ๋อถูกคนอื่นๆประจบจนตัวลอย “รอเดี่ยวนะ ฉันจะโทรไปถามคุณพ่อเดี่ยวนี้เลย”
เธอล้วงโทรศัพท์ออกมา กดเบอร์ของคุณ พ่อ เปิดแฮนด์ฟรี ได้ยินเสียงสัญญาณสี่ครั้ง แล้ว สายก็ถูกรับ
“คุณพ่อคะ เรื่องในครั้งนี้พ่อให้คุณลุงคน ไหนช่วยเหรอคะ” เพิ่งพูดออกไป จู่ๆสังเส่นเอ๋อก็ รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง เมื่อเช้าตอนที่พ่อ โทรมาสั่งสอนเธอ ไม่ว่าคำพูดหยาบคายแบบ ไหนก็ด่าออกมาหมด ความหมายโดยรวมก็คือ เธอก่อปัญหาที่มันใหญ่มากๆ เขาไม่มีกำลังจะ แก้ไขมันได้ จะให้หม่าวั่นถังยอมอ่อนข้อนั้นไม่มี ทางหรอก
หรือว่าหลังจากนั้น คุณพ่อก็เห็นทางสว่าง แล้วคิดถึงคนใหญ่คนโตที่ไม่เคยเหลวแลมาก่อน ในหัวของสังเส่นเอ๋อมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามา