รวยชั่วข้ามคืน?! - บทที่ 116 คนตาบอดคนนี้ช่างดูคุ้นเคย
“ฉันโทรศัพท์หาคุณตั้ง 5 สาย ทําไมถึงไม่รับ?” เส้เหวินจึงเดิน เข้าไปหาฉินหลั่งแล้วถามด้วยความโมโห
“มีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ” ฉินหลั่งยืนมองเส้เหวินจึง เธอเหมือนกับ คนบ้าอย่างไรอย่างนั้น จึงไม่อยากจะมีความเกี่ยวข้องใดๆกับเธออีก ต่อไป
“ ฉินหลั่ง ฉันผิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะฉันไม่ดีเอง หลัง จากที่จากคุณไปฉันถึงได้รู้ว่า จริงๆแล้วฉันไม่สามารถพรากจากคุณ ได้ บนโลกใบนี้ มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทําดีกับฉันด้วยความจริงใจโดยไม่ หวังผลตอบแทน พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหมคะ?” เส้เหวินจึงมอง ตาฉินหลั่ง แล้วพูดอย่างอ้อนวอน
นี่ไม่ใช่ว่าเธอกําลังหลอกฉินหลั่ง แต่หลังจากที่ผ่านจูจี้เหวินและ เผิงหนานทั้งสองคนมา เส้เหวินจึงก็ตระหนักได้แล้วจริงๆว่าเมื่อก่อน ฉินหลั่งดีกับเธอขนาดไหน! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้ฉินหลั่งเป็น ทายาทนักธุรกิจ เธอจึงยินดีที่จะอยู่กับฉินหลั่งจนแก่ด้วยความเต็มใจ
“เป็นไปไม่ได้แล้ว” ตอนนี้ฉินหลั่งไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรให้ กับเส้เหวินจึงเลยแม้แต่น้อย และเขาเองก็ไม่รู้ว่าที่เส้เหวินจึงพูดเช่นนี้ เป็นเพราะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงหรือไม่ แล้วจึงหันมองเสี่ยวหง: “เอาเงินให้เธอหนึ่งแสนหยวน”
“ไม่! ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ ฉินหลั่ง คุณต้องเชื่อฉัน ฉันจริง จังจริงๆนะ พวกเรามาเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้งได้ไหม? ฉันจะทําดีกับคุณ ให้มากๆ ต่อให้คุณจะให้ฉันกินอาหารแผงข้างถนนเป็นเพื่อนคุณฉันก็ ยินดี” เส้เหวินจึงพูดด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เธอรู้สึกคิดถึงฉินหลั่งคน ที่เคยทะนุถนอมเธอ รักเธอ และเห็นเธอเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจใน ตอนนั้นจริงๆ
“เส้เหวินจึง เธออย่าโง่อีกเลย รับเงินแล้วก็รีบไปซะ อย่ามาทําให้ ธุรกิจในร้านของผมต้องเสียเวลา…” ฉินหลั่งนําเงินหนึ่งแสนหยวนใส่เข้าไปในมือของเส้เหวินจึง
“ฉันไม่ได้ต้องการสิ่งนี้!” เส้เหวินจึงโยนเงินของฉินหลั่งลงบนพื้น เธอจับมือของฉินหลั่งไว้ แล้วเอาขึ้นมาจับที่ใบหน้าของเธอ: “ฉินหลั่ง คุณลืมไปแล้วเหรอ ฉันคือเหวินจิ้งของคุณไง คุณยังจําเรื่องเมื่อก่อน ได้ไหม? คุณบอกว่าคุณคบกับฉันเกือบจะหนึ่งปีแล้ว แม้แต่ใบหน้า ของฉันยังไม่ให้คุณจับ ตอนนี้ฉันให้คุณจับแล้ว คุณให้อภัยฉันได้ไหม มาเริ่มต้นกันใหม่ พวกเราจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน…”
เส้เหวินจึงจับมือของฉินหลั่งไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ฉินหลั่งอยาก จะดึงก็ดึงไม่ออก
“ปล่อย! เธอคิดจะทําตัวไร้เหตุผลไปถึงเมื่อไหร่กัน?” ฉินหลั่ง ออกแรงดึง เส้เหวินจึงเซจนเกือบจะล้มลง
“เพราะอะไร เมื่อก่อนเราเป็นคู่ที่ใครๆเห็นแล้วก็ต้องอิจฉา คุณ ยังเคยบอกฉันว่า คุณจะดูแลปกป้องฉันอย่างดีไปตลอดชีวิต ต่อให้อีก หน่อยฉันจะทําเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ที่จะทําร้ายคุณขนาดไหน คุณ ก็จะไม่โกรธไม่โทษฉัน จะทําดีกับฉันตลอดไป คุณเคยพูดคําพวกนี้ ออกมาเอง หรือว่าคุณลืมไปหมดแล้ว?” เส้เหวินจึงอยากจะดึงฉินหลั่ง กลับมา
“ได้ ในเมื่อคุณอยากรู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้ผมจะบอกให้คุณฟัง อย่างชัดเจน เพราะว่าคุณเป็นรักแรกของผม ก่อนที่ผมจะคบกับคุณ ผมไม่รู้เลยว่าอะไรคือความรัก ดังนั้นตอนที่พวกเราสองคนอยู่ด้วยกัน ผมจึงทุ่มเทอย่างไม่ลืมหูลืมตา และตกอยู่ในโลกที่มีแต่คุณ โดยไม่ เคยลองคิดทบทวนดูจริงๆเลยว่า นี่มันคือความรักที่แท้จริงๆหรือเปล่า”
“หลังจากที่ผมเลิกรากับคุณ ผมก็ได้พบกับจงยู่ จากนั้นพวกเราก็ ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ผมถึงได้รู้ว่าเวลาที่อยู่กับเธอกับเวลาที่อยู่กับคุณ นั้น ความรู้สึกต่างกันมาก เธอมักจะคิดถึงผมเสมอ ผมกลายเป็นคนที่ ถูกดูแล เวลาที่เธอไม่อยู่ ผมรู้สึกเหมือนหัวใจว่างเปล่า ไม่ใช่รู้สึก ว่าวันนี้จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เสียทีเวลาที่เธออยู่ ผมรู้สึกมีความ สุข ไม่ได้รู้สึกว่ามีภาระ.”
“ผมจึงเริ่มนึกทบทวนดูว่า ในตอนนั้นที่อยู่กับคุณ มันคือความรัก จริงๆหรือเปล่า? ผมคิดว่า นั่นไม่ใช่ ตอนนั้นผมอาจจะเป็นแค่คนน่าสงสารคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย จึงอยากที่จะรู้สึกประสบความสําเร็จแม้ เพียงสักนิดก็แค่นั้น หึ ตอนนี้มาคิดๆดูแล้วก็น่าขํา แต่ว่า ผมคิดว่าตอน นี้ไม่ว่าคุณหรือผมก็ไม่มีใครควรจะรู้สึกเสียใจทั้งนั้น เพราะว่าตอน เป็นวัยรุ่นใครๆก็สามารถทําผิดกันได้”
เส้เหวินจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ คําพูดของฉินหลั่ง เหมือนตัดสินโทษ ประหารให้แก่เธอแล้ว ต่อให้เธอจะโวยวายอย่างไร้เหตุผลต่อไป ฉิน หลั่งเองก็คงไม่มีทางยอมรับเธออีกต่อไปแล้ว
“ถ้าหากฉันไม่ได้เลิกกับคุณตั้งแต่แรก หลังจากนั้นหากคุณไป เจอจงยู่ เผิงเมิ่ง คุณจะทอดทิ้งฉันไหม?” เส้เหวินจึงยืนอย่าง หมดอาลัยอยู่กับที่ และถามด้วยน้ําเสียงอู้อี้ นี่คือสิ่งที่เธอผู้ซึ่งหัวใจ สลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วอยากรู้ในตอนนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นร่างที่ดู ไร้ชีวิตชีวาของเส้เหวินจึง ทําให้ฉินหลั่งรู้สึกว่าเธอน่าสงสารมาก
เขารู้ดีว่า ถ้าหากในตอนนั้นเขาและเส้เหวินจึงไม่ได้เลิกรากัน ไม่ ว่าเขาจะพบกับจงยู่ เพิ่งเมิ่ง หรือแม้แต่ผู้หญิงที่ดีกว่าเส้เหวินถึง สามารถทําให้เขาประทับใจได้มากกว่า ต่อให้ฉินหลั่งจะได้พบเจอ ต่อ ให้การอยู่ร่วมกันเส้เหวินจึงอาจจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาด แต่เกรงว่าเขาก็ อาจจะยอมทําผิดต่อไป
แต่ถ้าเสียดายที่บนโลกนี้ไม่มีคําว่าถ้าหาก
ตอนนี้ถ้าหากบอกเรื่องนี้กับเส้เหวินถึง เกรงว่าในใจของเธอจะ ยิ่งรับไม่ได้
“ผมคิดว่าก็เป็นไปได้” ฉินหลั่งมองเส้เหวินจึงแล้วพูดเบาๆ เขา เลือกที่จะใช้คําตอบที่อาจจะทําให้เส้เหวินจึงสบายใจขึ้นสักหน่อย
ในใจของเส้เหวินจึงเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก เธอก้ม หน้าลง น้ําตาไหลพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสาย หยดลงบนพื้น แต่เธอก็ พยายามที่จะข่มไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมา เธอกําลังอดกลั้น การ เจอหน้ากับฉินหลั่งครั้งสุดท้าย เธอไม่อยากจะรู้สึกขายหน้าต่อหน้า ฉินหลั่ง
ฉินหลั่งอยากจะเดินเข้าไปตบไหล่ของเส้เหวินจึง เก็บความเจ็บ ปวดเอาไว้ในใจ มีแต่จะทําให้เกิดเรื่องได้ง่าย แต่เขาเองก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้
เส้เหวินจึงค่อยๆขยับ เธอไม่หันมองฉินหลั่งอีกต่อไป และไม่ได้4/8 หันไปมองคนอื่นๆด้วย เธอตกตะลึงอยู่เช่นนั้น แล้วค่อยๆเดินออกไป ข้างนอกทีละก้าวๆอย่างไร้เรี่ยวแรง ทําเหมือนกับศพที่เดินได้ ที่เดิน ผ่านม่านหมอกเข้าไปยังป่าทึบ
มองดูเส้เหวินจึงหายไปตรงทางออก ฉินหลั่งก็ถอนหายใจเบาๆ เขาคิดว่าเขากับผู้หญิงที่เคยมีทั้งความรักและความเกลียดชังกันมา คนนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ควรจะจบสิ้นกันเสียที
“พวกคุณทํางานกันต่อเถอะ เงินหนึ่งแสนหยวนนี้ ถือว่าเป็น โบนัสของเดือนนี้ให้พวกคุณเอาไปแบ่งกันเถอะ” ฉินหลั่งหยิบเงินหนึ่ง แสนหยวนที่อยู่บนพื้นขึ้นมา แล้วยื่นให้เสี่ยวหง จากนั้นจึงเดินจากไป
กลับไปถึงตลาดกลางคืนอีกครั้ง เวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง แล้ว ฉินหลั่งยืนอยู่ที่ทางเข้าตลาดกลางคืน มองดูกลุ่มคนที่คึกคัก ฉิน หลั่งกําลังคิดว่า หรือว่าสังเล่นเอ๋อและโจวซินจะกลับไปเสียแล้ว จึง หยิบโทรศัพท์ออกมา เตรียมที่จะโทรไปถามโจวซิน
ตอนนี้สังเล่นเอ๋อและโจวซินยังคงเดินเล่นอยู่ในตลาดกลางคืน จนกระทั่งถึงตอนนี้ สังเล่นเอ๋อก็ยังไม่พอใจการแสดงออกของฉินหลั่ง ก่อนหน้านี้
“หึ มันน่าโมโหจริงๆ โจวซิน เธอเองก็เห็นแล้ว ตอนนั้นนายนั่นดู สงบขนาดไหน ไม่รู้สึกละอายใจเลยสักนิด เห็นท่าทางของเขาแล้ว ก็ รู้สึกว่าเขาเหมาะกับฉันสังเล่นเอ๋อแล้ว! เธอเคยเห็นคนที่ไร้ยางอาย ขนาดนี้ไหม?”
ตั้งแต่สังเช่นเอ๋อออกมา ก็พูดประโยคนี้ซ้ําไปซ้ํามาไม่หยุด โจว ซินฟังจนเบื่อแล้ว
“เล่นเอ๋อเธอเลิกคิดอะไรไร้สาระได้แล้ว ฉินหลั่งเขาก็เป็นคนที่ เงียบขรึมอย่างนี้อยู่แล้ว เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ อีกอย่าง เขาเองก็มี แฟนแล้ว และความสัมพันธ์ก็ดูท่าจะไปได้ดี เธอเองก็เลิกคิดเพ้อเจ้อ ได้แล้ว” ฉินหลั่งไม่เคยเล่าเรื่องที่จงยู่หายตัวไปให้ใครฟัง เพราะต่อให้ คนอื่นรู้ก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยอะไรได้
“มีแฟนแล้วยังจะทําตัวหน้าไม่อายเช่นนี้ คนคนนี้สามารถทําให้ คนรู้สึกคลื่นไส้ได้จริงๆ” ตอนนี้ในหัวของสังเล่นเอ๋อ ไม่ว่าฉินหลั่งจะ ทําอะไร ก็ดูเป็นผู้ชายไม้เลื้อยไปเสียหมด: “อีกอย่าง เธอบอกว่าหวง เกอเรียกเขามาดูแลพวกเราไม่ใช่หรือ? แล้วเธอดูสิ ตอนนี้ไม่รู้เขา หายหัวไปไหนแล้ว? กลับไปคงต้องบอกหวงเกอแล้วว่า คนแบบนี้ไม่มี ความรับผิดชอบเลยสักนิด ควรจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาให้เร็วที่สุด”
“คงเป็นเพราะเมื่อกี้พวกเราเดินกันเร็วเกินไป เขาคงจะหาพวกเรา ไม่เจอแล้ว?” สําหรับเรื่องนี้ โจวซินเองก็รู้สึกว่าเป็นปัญหาของฉินหลั่ง เห็นอยู่แล้วว่าสังเล่นเอ่อโกรธขนาดนี้ ก็ยังไม่รู้จักพูดจาดีๆปลอบใจเอ อีก แต่กลับหนีหายไป แล้วแบบนี้จะไม่ให้สังเช่นเอ๋อรู้สึกเกลียดเขาได้ อย่างไร?
“โธ่เอ๋ย” ทั้งสองเดินพลางคุยกันไปพลาง จึงไม่ได้มองทาง สัง เส้นเอ๋อเดินชนเข้ากับคนคนหนึ่ง ตอนที่เห็นคนคนนั้นก็ล้มลงไปกอง อยู่ที่พื้นแล้ว
“นี่นายตั้งใจจะชนฉันใช่ไหม แค่ชนนิดเดียวก็ล้มแล้ว” สังเช่นเอ๋ อรีบตะโกนขึ้นมา เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ชนเขาแค่เบาๆ เขา กลับล้มแล้ว?”
“เส่นเอ๋อ เธอไม่เห็นหรือว่าเขา…. โธ่เอ๋ย พวกเรารีบประคองเขา ขึ้นมาเร็ว” หลังจากที่โจวซินพูดเช่นนี้ สังเล่นเอ๋อถึงได้เห็นว่าจริงๆแล้ว คนที่ชนกับเธอคือคนตาบอด ตอนนี้เธอเองไม่ได้รู้สึกโกรธแล้ว จาก นั้นก็รีบช่วยโจวซินพยุงคนตาบอดขึ้นมา แล้วก็ทําไม้เท้ายื่นให้คน ตาบอด
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ” สังเล่นเอ๋อและโจวซินรีบกล่าว ขอโทษคนตาบอด
“ไม่เป็นไร…” คนตาบอดใช้มือจับที่หมวกแล้วพูด
“คุณเจ็บคออย่างนั้นหรือ…” คนตาบอดคนนี้ น้ําเสียงฟังดูไม่ ปกติ เหมือนต้องเค้นเสียงออกมาเวลาพูด สังเล่นเอ่อมองคนตาบอด คนนี้ด้วยความสงสัย เธอรู้สึกว่าคนตาบอดคนนี้หน้าตาดูคุ้นๆ เพียงแต่ ว่าถูกปีกหมวกและแว่นดําปกปิดใบหน้าของเขาอยู่
“ฉันจะไปแล้ว..” คนตาบอดใช้ไม้เท้าเคาะที่พื้น เพื่อต้องการที่ จะเดินต่อไปข้างหน้า คนในตลาดกลางคืนมีมากมายขนาดนี้ เขาจะ ต้องชนเข้ากับคนอื่นอีกแน่นอน
“คุณรอเดี๋ยว” สังเล่นเอ๋อดึงคนตาบอดเอาไว้ แล้วหันไปมองโจว ซิน: “หรือว่าพวกเราจะช่วยเดินออกไปส่งเขาดี เธอดูสิคนมากมาย ขนาดนี้ แบบนี้เขาคงไม่ได้เดินออกไปง่ายๆแน่”
“อืม ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” โจวซินเองก็แบนปากแล้ว มองคนตาบอด คนตาบอดตัวคนเดียวแบบนี้ ทําไมถึงได้เดินเข้ามาใน ตลาดกลางคืน? แบบนี้ไม่ใช่ว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้ทั้งตัวเอง และผู้อื่นหรอกหรือ?
“พวกเราจะเดินออกไปเป็นเพื่อนคุณ” สั่งเส้นเอ๋อและโจวซินเดิน ขนาบไปคนละข้าง โดยแขนจับทั้งสองข้างของคนตาบอดไว้ แล้วเดิน ออกจากตลาดกลางคืน คนตาบอดกล่าวขอบคุณเบาๆ
โจวซินและสังเส้นเอ่อ จุงคนตาบอดออกมาถึงด้านนอกตลาด กลางคืน ได้ยินคนตาบอดพูดว่า เขามากับเพื่อนของเขา รถจอดอยู่ที่ ข้างทาง โจวซินและสังเช่นเอ๋อจึงตามคนตาบอดไปยังที่จอดรถด้วย กัน
พวกเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ารถเบนซ์ที่ดหรูหราคันหนึ่ง ที่ แปลกก็คือ คนตาบอกบอกว่าเขาพกกุญแจรถของเพื่อนเขาเอาไว้ จาก นั้นจึงไขกุญแจรถ
“คุณหนูทั้งสอง พวกเธอขึ้นไปนั่งบนรถก่อนเถอะ ขอบคุณที่ พวกเธอพาฉันออกมาส่งข้างนอก” คนตาบอดพูดกับพวกโจวซินอย่าง สุภาพ
“ก็ได้ ถ้ายังไม่เห็นว่าคุณขึ้นรถไปกับเพื่อน ฉันกับโจวซินจะต้อง รู้สึกเป็นห่วงมากแน่ๆ!” สังเล่นเอ๋อเดินมานานขนาดนี้ ก็รู้สึกเหนื่อย เหมือนกัน เธอเองก็อยากนั่งพักอยู่ในรถสักครู่
“โจวซิน พวกเราเข้าไปนั่งในรถสักพักเถอะ” สั่งเส้นเอ่อเปิด ประตูรถด้านหลัง แล้วลากโจวซินเข้าไปนั่งในรถ เธอเห็นคนตาบอด ยังยืนอยู่ข้างนอก จึงพูดกับคนตาบอดว่า: “คุณเองก็เข้ามานั่งในรถเถอะ”
คนตาบอดไม่ได้ตอบอะไร ทําเพียงแค่หันมาพยักหน้ากับสังเช่น เอ่อ
ตอนนี้ เสียงโทรศัพท์ของโจวซินก็ดังขึ้น เป็นฉินหลั่งที่โทรมา “ฮัลโหล โจวซิน พวกคุณอยู่ที่ไหนกัน? ทําไมผมหาพวกคุณไม่
เจอ?”
“เมื่อกี้คุณไปไหนมา? พวกเราเดินอยู่ในตลาดกลางคืนตลอด ทําไมถึงไม่เจอคุณ” โจวซางเองก็รู้สึกไม่พอใจฉินหลั่งเหมือนกัน ฉิน หลั่งที่ฟังอยู่ปลายสายก็พอจะรู้ว่าเป็นความผิดของตนเอง
“ขอโทษ เป็นปัญหาของผมเอง ตอนนี้พวกคุณอยู่ที่ไหน ผมจะ ไปหาพวกคุณ..”
ตอนนี้เอง สังเล่นเอ่อแย่งโทรศัพท์มาจากโจวซิน
“คุณจะตามมาทําไม? พวกเราไม่ต้องการคุณ คุณรีบไปซะ” สัง เล่นเอ๋อพูดเสียงดัง
“หวงเกอให้ผมมาดูแลความปลอดภัยของพวกคุณ ดังนั้นผม จําเป็นต้องอยู่ข้างๆพวกคุณ พวกคุณอยู่ที่ไหน อย่าให้เกิดเรื่องอะไร ขึ้นนะ..”
“คุณอยากเห็นพวกเราเกิดเรื่องนักใช่ไหม? จะเกิดเรื่องง่ายๆ ขนาดนั้นได้อย่างไร? ต่อให้คุณเกิดเรื่อง พวกเราก็ไม่มีทางเกิดเรื่อง อะไร ฉันขอร้องล่ะ คุณให้รีบกลับไปเถอะ…” สังเล่นเอ่อพูดเยาะเย้ย “ผมไม่ได้แช่งพวกคุณ ผมแค่พูดว่าถ้าหากเกิดเรื่องขึ้น…”
“ตอนนี้ฉันจะบอกคุณให้นะ ต่อให้ฉันสังเล่นเอ๋อจะเกิดเรื่องอะไร ขึ้น ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยฉินหลั่ง คุณอย่ามาวุ่นวายกับฉันอีกเลย โอเคไหม?”
“คุณพูดเองนะ” “ใช่ฉันพูดเอง จะทําไม” ขณะที่พวกของสังเล่นเอ๋อกําลังคุยโทรศัพท์อยู่กับฉินหลั่ง คนตาบอดก็เข้ามานั่งตรงที่นั่งคนขับโดยไม่ทันได้รู้ตัว
“ทําไมคุณ…” โจวซางเห็นคนตาบอดกําลังจะไขกุญแจสตาร์ท รถ: “คุณไม่ได้ตาบอด!”
“เชอะ” ประตูรถถูกล็อก แล้วคนตาบอดก็หันหน้ากลับมา
“ตอนนี้เธอเพิ่งรู้เหรอ?” คนตาบอดแสยะยิ้มแล้วพูด จากนั้นจึง ถอดหมวกและแว่นตาดําออก
“หม่าเก่อ!” ส่งเส่นเอ๋อตะโกนออกมาเสียงดัง คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่ง คนขับคือหม่าเก๋อ คนที่เคยทําร้ายตระกูลของพวกเธอ
“ทําไม!” หม่าเก่อแย่งโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของสังเล่นเอ่อมา จาก นั้นจึงกดวางสาย เขาหันไปแสยะยิ้มให้กับสังเล่นเอ๋อและโจวซิน เหมือนกับหมาป่าที่กําลังเผชิญหน้ากับลูกแกะตัวน้อยๆสองตัว