รวยชั่วข้ามคืน?! - บทที่ 62 อดีตที่ไม่อาจย้อนกลับ
บทที่ 62 อดีตที่ไม่อาจย้อนกลับ
ตอนนี้ภายในร้าน CHIU-SHUI ผู้หญิงวัยรุ่น คนหนึ่งกำลังถกเถียงอยู่กับเสี่ยวหงและพนักงาน คนอื่นๆอย่างเอาเป็นเอาตาย รอบๆมีคนห้อมล้อมดู อยู่มากมาย รวมทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัย ของห้างด้วย
“เสื้อผ้าซื้อมาจากร้านคุณ ทำไมถึงไม่ให้ฉัน คืน”ผู้หญิงวัยรุ่นยกเสื้อผ้าในมือขึ้น เอ่ยด้วยท่าทาง เกรี้ยวกราด
“คุณผู้หญิงคะ เสื้อผ้านี่คุณซื้อจากที่ร้านเรา ไปเดือนกว่าแล้วนะคะ พวกเราจะให้คุณคืนได้ อย่างไรคะ” ประโยคนี้เสี่ยวหงพูดกับผู้หญิงคนนี้แล้ว ไม่รู้กี่รอบ แต่เธอก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เสื้อผ้าพวกนี้บางตัวฉันก็เคยใส่แค่1-2ครั้ง บางตัวแทบจะไม่เคยใส่เลยด้วยซ้ำ ! ทำไมพวกคุณ ถึงไม่ให้คืน คิดว่าร้านใหญ่แล้วจะรังแกคนอื่นได้เห รอ”หญิงสาววัยรุ่นเอ่ยอย่างปากคอเราะราย
“คุณอย่าพูดเลยค่ะ ถ้าเป็นร้านอื่น ก็ไม่ให้คุณ คืนเหมือนกันค่ะ คุณกลับไปก่อนนะคะ คุณดูสิคะว่า เราไม่สามารถขายของได้แล้ว”เสี่ยวหงได้แต่รีบจบ ปัญหานี้โดยเร็ว
“พวกคุณนี่เป็นคนยังไง พอเกิดปัญหาก็ เอาแต่หลบหนี ผลักความรับผิดชอบใช่มั้ย ! ได้ คิด ว่าฉันไม่มีทางสู้ใช่มั้ย”เสี่ยวหงยืนกรานไม่ยอมคืน เงิน ผู้หญิงวัยรุ่นก็ไม่พอใจอย่างมาก : “ถ้าวันนี้พวก คุณไม่คืนเงินให้ฉัน ฉันก็จะไม่ไปไหน ฉันก็อยากจะ ดูเหมือนกัน ว่าร้านใหญ่โตอย่างCHIU-SHUI จะไม่ เคารพสิทธิ์ของลูกค้าเลยสักนิดเดียว ฉันจะชนกับ พวกคุณดูสักตั้ง ! ในเมื่อเวลาของฉันไม่มีค่าอะไร พวกคุณหยุดกิจการหนึ่งวัน อย่างไรเสียก็ต้องเสีย หายหลายหมื่น ?”
พฤติกรรมของสาววัยรุ่นนี้ก็สร้างความไม่พอ ให้กับคนที่มามุงดูอยู่ไม่น้อย ผู้คนต่างชี้ไม่ชี้มือว่า เธออาละวาดหาเรื่องเสียสติ
“ฉันเสียสติ พวกคุณรู้เรื่องจริงๆหรือเปล่า อ้า ปากก็มาว่าฉันเสียสติ ถ้าพูดแบบนี้อีก ฉันจะฟ้อง พวกคุณข้อหาหมิ่นประมาท ! “สาววัยรุ่นโกรธจน หน้ามืด ในเมื่ออาละวาดมาขนาดนี้แล้ว เธอก็ไม่มี อะไรต้องอับอายอีก
“ช่างไร้มารยาทสิ้นดี”
“คนคนนี้ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ได้”
“ฉันแนะนำให้พวกคุณแจ้งตำรวจเถอะ เสีย เวลามาพูดกับคนแบบนี้อยู่ทำไม”
“คุณผู้หญิง ขอความกรุณาคุณออกไปเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งตำรวจ”เสี่ยวหงหยิบโทรศัพท์ ออกมา มองสาววัยรุ่นอย่างแข็งกราว
“โอ้โห พวกคุณนี่ยังหน้าด้านอีกนะ” พอสาววัย รุ่นได้ยินเสี่ยวหงบอกว่าจะแจ้งตำรวจ ก็ยิ่งโกรธ เธอ ควักเสื้อผ้าออกมาจากถุงพลาสติกที่นำมา แล้วก็นำ ไฟแช็คออกมา”แช็ก”เผาเสื้อผ้า แล้วโยนไปที่หน้า ประตู
คนอื่นเห็นท่าไม่ดี ก็รีบเหยียบให้ไฟดับ
“ทำไมคุณทำแบบนี้ ในร้านมีแต่เสื้อผ้า ถ้า ไหม้ไปใครรับผิดชอบ คนเยอะแยะขนาดนี้ หากเกิด เรื่องขึ้น คุณรับผิดชอบไหวเหรอ”เสี่ยวหงพูดอย่าง โมโห เธอไม่พูดอะไรมาก โทรไปที่เบอร์110ทันที
สาววัยรุ่นไม่มีท่าทางกลัวเลยสักนิด
ตำรวจจากสถานีตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงไม่นาน ก็มาถึงแล้ว ก็สอบถามเรื่องเผาเสื้อผ้ากับสาววัยรุ่น
“เสื้อผานี้ฉันเป็นคนซื้อ เผาห่างจากร้านไปตั้ง หนึ่งเมตรนะ ฉันเผาเสื้อผ้าฉันมีปัญหาด้วยเหรอ”สาว วัยรุ่นพูดด้วยท่าทางขึงขัง
ผู้คนที่มามุงดูอยู่นั้นทนดูไม่ไหว ต่างพากัน เล่าถึงสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำ แต่การที่ผู้หญิงคนนี้เผา เสื้อผ้าที่ประตูนั้น กลับไม่ได้ละเมิดกฎหมายข้อไหนเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่นำเหตุผลข้อนี้มาจับกุมเธอได้
“ผมว่าพวกคุณก็ชดเชยให้เธอไปสักเล็กน้อย เธอคงอยากได้เงินมากจนบ้าไปแล้ว ก็คิดซะว่าใช้ เงินซื้อความสงบ”เจ้าหน้าที่ตำรวจพูดเกลี้ยกล่อม เสี่ยวหง
“เธอจะให้พวกเราคืนเงินเต็มจำนวนนะคะ แล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีป้ายห้อยอยู่แล้ว ใส่มาเดือนหนึ่งแล้ว จะให้พวกเราคืนเงินได้อย่างไร”วิธีการระงับเหตุของ ตำรวจทำให้เสี่ยวหงเดือดอย่างมาก เธอมองใน ฐานะตำรวจ เรื่องนี้ความจริงแล้วก็ยุ่งยากมากที เดียว”ประเด็นคือร้านนี้ไม่ใช่ของฉัน ฉันเป็นแค่ผู้ จัดการ ไม่อาจเป็นผู้ตัดสินใจได้”
ตำรวจและเสี่ยวหงต่างมองไปที่สาววัยรุ่น อย่างหงุดหงิด
หญิงสาววัยรุ่นไม่มีท่าทีจะยอมหยุด หากไม่ บรรลุวัตถุประสงค์ และท่าทางที่มองเสี่ยวหงนั้น เธอ รู้สึกว่าตนเองใกล้จะชนะแล้ว !
“หลีกทางหน่อยครับ ขอทางหน่อย ครับ ! “เวลานี้เอง ฉินหลั่งเดินฝ่าวงล้อมฝูงชนเข้า
มา
หญิงวัยรุ่นชำเลืองมองฉินหลั่ง ใจเต้นแรง รีบ หันหลังหนี จงใจใช้มือปิดบังใบหน้า เกรงว่าฉินหลั่ง จะมองเห็น
“เจ้านาย คุณมาแล้วเหรอคะ นี่ก็คือลูกค้าคนที่ อาละวาดค่ะ”เสี่ยวหงรีบมาพูดตรงหน้าฉินหลั่ง
ฉินหลั่งขมวดคิ้วพลางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น ในชั่วพริบตาคิ้วของเขาก็คลายออกจากกัน เอ่ย อย่างแปลกใจว่า : “เส้เหวินจิ้ง”
หญิงสาววัยรุ่นคนนั้นก็คือเส้เหวินจึง
เส้เหวินจึงค่อยๆหันกลับมา เธอก็หันไปมอง เขาอย่างแปลกใจเช่นกัน หันไปมองเสี่ยวหง ถาม อย่างตะกุกตะกักว่า : “เมื่อครู่เธอเรียกเขาว่าเจ้า.. นายเหรอ”
“ใช่ค่ะ เขาก็คือเจ้านายพวกเรา”
เส้เหวินจึงมองไปที่ฉินหลังอย่างไม่อยากเชื่อ ในสมองเธอตอนนี้วุ่นวายสับสนไปหมด ไม่สามารถ อธิบายได้ว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่
“คุณเป็นเจ้าของที่นี่”เส้เหวินจิ้งเอ่ยพึมพำ ราวกับเสียสติ
ฉินหลั่งพยักหน้า เส้เหวินจึงรู้สึกว่าโลกทัศน์ ได้พลิกกลับตาลปัตรไปแล้ว
“สวัสดีคุณผู้ชาย ผมว่าคุณน่าจะชดเชยเงินไป ให้เธอสักหน่อยนะครับ คนแบบนี้ก็อยากได้เงิน ใช่ เงินซื้อความสงบของตัวเอง….”ตำรวจก้าวออกมา พูด
คนอื่นๆที่มามุงดูกันอยู่นั้นต่างไม่เห็นด้วย คน อย่างเส้เหวินจิ้ง ให้เงินหล่อนไปเท่ากับเป็นการ สนับสนุนให้หล่อนยิ่งได้ใจ ไม่ควรให้เด็ดขาด
และพวกเขาก็เชื่อว่า ฉินหลั่งต้องไม่ยอมจ่าย ค่าชดเชยให้หล่อนแน่ นักธุรกิจฉลาดที่สุด จะยอม คืนเงินค่าเสื้อผ้าที่ขายไปเดือนหนึ่งแล้วได้อย่างไร แม้แต่ป้ายสินค้ายังไม่อยู่แล้ว
ฉินหลั่งมองไปยังเส้เหวินจิ้งที่ยังคงยืนอยู่ที่ เดิม จากนั้นหันไปมองเสี่ยวหง เอาเบาๆว่า”ดูสิว่า เสื้อผ้าพวกนั้นราคาเท่าไหร่ คืนเงินให้เธอตามราคา เดิมไป”
“หะ….”เสี่ยวหงก็ตกใจเหมือนกับคนอื่นๆ แต่ ฉินหลั่งเป็นเจ้านาย ก็ต้องฟังคำสั่งเขา : “ค่ะ ฉันจะ คำนวณเดี๋ยวนี้เลย”
เสี่ยวหงหยิบถุงพลาสติกของเส้เหวินจิ้งขึ้นมา เดินไปที่เคาน์เตอร์คิดราคาร่วมกับกับพนักงานอื่นๆ
ไม่นาน เสี่ยวหงก็คำนวณเสร็จ ในมือเธอถือ
เงินมาปีกหนึ่ง เดินมาข้างๆฉินหลั่ง”คิดเสร็จแล้วค่ะ
ทั้งหมด28000หยวนค่ะเจ้านาย จะคืนให้เธอทั้ง หมดจริงๆเหรอคะ” ฉินหลั่งไม่ได้เอ่ยอะไร ได้แต่เดินไปรับเงินใน
มือเสี่ยวหงเงียบๆ แล้วเดินไปข้างๆเส้เหวินจิ้ง ยื่น เงินส่งให้ตรงหน้าเธอ
เส้เหวินจึงมองเงินตรงหน้า แล้วหันไปมองฉิน หลัง
จ่าในใจเส้เหวินจิ้งก็เกิดเปลวเพลิงปริศนาขึ้น มา ! เธอไม่คิดเลยสักนิดว่า ฉินหลั่งนั้นเต็มใจที่จะ ชดใช้ให้เธอด้วยใจจริง ตรงกันข้ามเขากำลังดูหมิ่น เธอ กำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธออยู่ !
คิดมาถึงตรงนี้ เส้เหวินจึงรับเงินมา โยนไปใส่ หน้าฉินหลั่งอย่างแรง : “ไอ้ทุเรศ แกคิดจะดูถูกฉัน เหรอ ฉันจะบอกแกให้นะ แกไม่คู่ควรกับฉัน ต่อให้ แกรวยแล้วยังไง ในสายตาของฉัน แกก็เป็นแค่ไอ้ หมาข้างถนน แกยังมีหน้าทำเป็นมาเห็นใจฉันอีก ฉัน ไม่ต้องการ..”
เส้เหวินจิ้งสบถด่าฉินหลั่งราวกับคนบ้า คำพูด พรั่งพรูออกมา เงินร่วงหล่อนบนพื้น
เสี่ยวหงอยากจะไปโต้เถียงกับเส้เหวินจิ้ง แต่ ถูกฉินหลั่งขวางเอาไว้ ผู้คนที่มามุงล้อมทนดูไม่ได้ ตะโกนด่าทอเส้เหวินจิ้ง
เวลานี้เส้เหวินจิ้งเห็นฉินหลั่งเหมือนกับ ฆาตกรที่ฆ่าพ่อตัวเอง โกรธแค้นจนอยากจะเอามีด แทงฉินหลั่ง
เธอกัดฟันกรอด ยกกำปั้นต่อยไปที่ศีรษะของ ฉินหลั่ง
“ต่อยคนได้ยังไง”
“ป่าเถื่อนมากจริงๆ”
บรรดาผู้คนที่มามุงดู ต่างพากันซุบซิบ
“คุณผู้ชาย คุณสามารถฟ้องเธอข้อหาทำร้าย ร่างกายได้นะครับ ตอนนี้ผมพาตัวเธอไปที่สถานี ตำรวจได้เลย”เจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำฉินหลั่ง
“ช่างเถอะครับ ปล่อยเธอไปเถอะ”ฉินหลั่ง คลำที่ข้างศีรษะ ตำรวจกับผู้คนพากันพูดเกลี้ยกล่อม อย่างไร ฉินหลั่งก็ไม่เปลี่ยนความคิด
“แกไม่ต้องมาทำตัวเป็นคนดีที่นี่หรอก คน สารเลวอย่างแก ฉันเส้เหวินจิ้งไม่ต้องการให้คน อย่างแกมาสงสารเห็นใจ ยิ่งไม่ต้องการเงินสกปรก ของแก ฉินหลัง แกคอยดูเถอะ สิ่งที่แกหยามฉันใน วันนี้ ต่อไปฉันจะให้แกชดใช้อีกหลายเท่าตัว !”
“ปีง”เส้เหวินจึงพูดจบ ก็แหวกฝูงชน วิ่งออก
ตำรวจและผู้คนที่มามุงดูต่างก็พากันแยกย้าย
ไป
ไป
“เจ้านายคะ คุณใจดีเกินไปแล้วจริงๆ ไม่ควรจะ ใจกว้างกับผู้หญิงแบบนี้นะคะ”เสี่ยวหงเอ่ยกับฉิน หลั่งยังคงติดใจอยู่
“เธอเป็นแฟนเก่าผม”ฉินหลั่งเอ่ยเรียบๆ
“หะ …”เสี่ยวหงตกตะลึง เวลานี้เธอเข้าใจสิ่ง ที่ฉินหลั่งทำแล้ว”คืออย่างนี้นี่เอง ขอโทษนะคะ เจ้า นาย ฉันพูดมากไป…”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ผมกับเธอก็ไม่ได้เป็นอะไร กันแล้ว ผมเองก็มีแฟนใหม่แล้ว ก็คือคนนั้นที่ผมพา มาด้วยครั้งก่อน”ฉินหลั่งเอ่ยพลางยิ้มบางๆ : “อย่า พูดถึงเลย คุณไปทำงานเถอะ มีเรื่องอะไรก็โทรหา ผม ผมจะกลับไปมหาวิทยาลัยก่อน”
พูดคุยทักทายกับเสี่ยวหงแล้ว ฉินหลั่งก็เดิน ออกจากร้าน CHIU-SHUI กลับไปกินอาหารกลาง วันกับจงยู่พอดี
เส้เหวินจึงนั่งรถแท็กซี่กลับมาที่มหาวิทยาลัย
เวลานี้ เธอไม่ได้หุนหันพลันแล่นแบบเมื่อครู่ แล้ว คิดถึงเงิน28000 เธอก็รู้สึกเสียดาย อยากจะ เอากลับมาจริงๆ แต่ว่า เส้เหวินจึงรู้ดีว่า หากให้ โอกาสเธอย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เธอก็จะยังโยน เงินใส่หน้าฉินหลั่งแรงๆแบบนั้นเหมือนเดิมอยู่ดี เธอ อาจจะเห็นแก่เงินจนยอมอับอายเสียหน้า แต่เมื่ออยู่ ต่อหน้าฉันหลั่ง เธอก็ไม่อยากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
เส้เหวินจิ้งเดินอย่างเงียบบนทางเดินที่มีต้นไม้ สองข้างทางในมหาวิทยาลัย ในหัวเธอตอนนี้มีแต่ เรื่องของฉินหลั่ง
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉินหลั่งจะเป็นเจ้าของร้าน CHIU-SHUI เมื่อก่อนทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องเลย นะ เขามีร้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
เส้เหวินจึงมีคำถามมากมาย แต่มีข้อเดียวที่ ไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นก็คือ ตอนนี้ฉินหลั่งเป็นคนรวย แล้ว !
เส้เหวินจึงรู้สึกสับสนมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าเขามี เงิน ตอนนั้นเธอจะโง่เลิกกับเขาได้อย่างไร
หากไม่ได้เลิกกัน อย่างนั้นตอนนี้ไม่เพียงจะ ไม่ต้องมีหนี้ก้อนนี้ แต่ตนยังได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยของ ร้าน CHIU-SHUI อีกด้วย !
คิดไปคิดมา เส้เหวินจึงรู้สึกเหมือนมีคนใช้ สว่านไฟฟ้ามาเจาะอยู่ในใจก็ไม่ปาน
เธอเดินมาถึงลานเล็กๆหน้าห้องสมุด โดยไม่รู้ เนื้อรู้ตัว
“เพื่อนๆ มาดูสิ รุ่นพี่ปีสี่คนนี้กำลังจัดงาน นิทรรศการภาพถ่าย บันทึกเรื่องราวที่น่าประทับใจ ในช่วงเวลาที่อยู่ในมหาวิทยาลัยสี่ปี”รุ่นน้องคนหนึ่ง ลากเส้เหวินจิ้ง มาตรงหน้ารูปภาพ
เส้เหวินจึงเดินพลางชมรูปภาพไปพลาง ฝีเท้า เธอหยุดชะงักลง สายตาจับจ้องไปที่ภาพภาพหนึ่ง หางตาค่อยๆกระตุกสั่นเล็กน้อย
ในภาพ คือชายหญิงคู่หนึ่งเดินเคียงข้างกันชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าเก่ามอซอ ขนาดที่เข่าขาดเป็นรู หญิงสาวแม้ว่าจะไม่ได้สวมเสื้อผ้าหรูหราอะไร แต่ เมื่อเทียบกับผู้ชายแล้ว ก็ดีกว่ามาก หญิงสาวใช้นิ้ว ชี้ไปที่ชายหนุ่ม เหมือนกำลังจะถามอะไร ชายหนุ่มก็ ตอบด้วยท่าทางจริงจัง
ทั้งสองคนนั้นก็คือเส้เหวินจิ้งและฉินหลั่ง
เส้เหวินจึงก้มหน้า เธอหลับตาลง ตอนนี้
สถานการณ์ในภาพผุดขึ้นมาในหัวของเธอ เส้เหวินจิ้ง : “ฉินหลั่ง หากมีวันหนึ่ง ที่นายก ลายเป็นมหาเศรษฐี นายจะทอดทิ้งฉันหรือเปล่า”
ฉินหลั่ง : “ไม่มีทางเด็ดขาด ผมจะเอาบัตร ของทุกธนาคารให้คุณ ให้คุณเป็นคนจัดการแทนผม ก็ได้แล้ว”
เส้เหวินจึงใช้นิ้วชี้ไปที่ฉินหลั่ง : “จริงเหรอ นายไม่หลอกฉันนะ”
สีหน้าของฉินหลั่งจริงจังขึ้นมา ทันที : “แน่นอน ในใจผม คุณสำคัญที่สุด ขอแค่คุณ มีความสุข ให้ผมทำอะไรผมก็ยอมทั้งนั้น”
เส้เหวินจึงยิ้มอย่างได้ใจ : “ปากหวานเหลือ เกินนะ แต่ผู้ชายกระจอกๆอย่างนาย จะมีวันไหนที่ กลายเป็นมหาเศรษฐีได้นะ ชาติหน้ายังไม่แน่ว่าจะมี โอกาสเลย ไปเถอะ พาฉันไปกินเครปไข่เถอะ….
คำพูดในตอนนั้นยังคงปรากฏให้เห็นอย่าง ชัดเจน ใครจะไปคิดว่า เมื่อฉินหลั่งกลายเป็นคนที่ ร่ำรวยแล้ว ทั้งสองจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้
เส้เหวินจิ้งน้ำตาไหลออกมา
เธอมองภาพนั้นด้วยน้ำตานองหน้า กระชาก ออกมาอย่างแรง ฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งที่พื้น เดินจากไป