รวยชั่วข้ามคืน?! - บทที่ 63 ฉันคิดถึงแม่แล้ว
บทที่ 63 ฉันคิดถึงแม่แล้ว
ฉินหลั่งกลับไปที่มหาวิทยาลัย เป็น
เวลา11โมงครึ่งพอดี เขาโทรหาจงยู่ ไปกินข้างที่ โรงอาหารพร้อมกับเธอ
ฉินหลั่งสั่งเต้าหู้ผัดผัก มะเขือเทศผัดไข่ มัน ฝรั่งผัดเนื้อ พร้อมข้าวสวยสองถ้วย
“เยอะเกินไปแล้ว”จงยู่เบะปาก มองฉินหลั่ง อย่างไม่พูดไม่จา
“ไม่เป็นไร กินหมด”ฉินหลั่งหัวเราะฮ่ๆ มองจง ยู่ที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกลุ่มหลงเล็กน้อย สองวันมานี้ จงยู่อ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดตลอด เธอถักเปีย สองข้าง เปียใหญ่ๆห้อยอยู่ข้างบ่าสองข้าง แก้มที่ ขาวดุจหิมะดูโดดเด่นงดงามเป็นพิเศษ ราวกับ เทพธิดาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุด
“จงยู่ วันนี้คุณสวยจริงๆ”ฉินหลั่งเอ่ยออกมา อย่างไม่รู้ตัว
จงยู่อึ้งไปเล็กน้อย ค่อยๆก้มหน้าก้มตายิ้ม น้อยยิ้มใหญ่ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา ใบหน้ายังคงมี รอยยิ้มอ่อนๆ มองฉินหลั่งที่ยังคงมองเธออย่างลุ่ม หลง บ่นพึมพำว่า “นายก็กะล่อนปลิ้นปล้อน”
“ไม่ใช่นะ ผมพูดจริงๆ”ฉินหลั่งพูดอย่างจริงจัง
หัวใจที่อ่อนโยนของจงยู่ถูกทำให้หวั่นไหว เธอใช้มือเคาะที่หน้าอกฉินหลั่งเบาๆ : “กินข้าว”
“อ้อ”ฉินหลั่งคว้าชามข้าวไป ใช้ตะเกียบคุ้ย ข้าวสวย ดวงตาจับจ้องมองจงยู่
มองจงยู่เงียบๆอยู่อย่างนี้ เป็นความสุขอย่าง หนึ่งของฉินหลั่ง
“คุณเป็นอะไรไป”ฉินหลั่งเห็นจงยู่ที่ตอนแรก เหมือนดีใจ แต่จู่ๆสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าโศก ไม่ ขยับตะเกียบในมือ กัมหน้าก้มตาท่าทางเสียใจจึง รีบเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ฉันคิดถึงแม่ฉัน”จงยู่เงยหน้าขึ้น มีรอยยิ้ม ซ่อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น”บ้านของพวกเราอยู่ในหมู่ บ้านเล็กๆทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่กับแม่ สองคนมาตั้งแต่เด็ก นับตั้งแต่มาเรียนมหาวิทยาลัย ที่บ้านก็เหลือแม่เพียงคนเดียว ฉันอยู่ที่นี่กินดีขนาด นี้ แต่แม่อยู่ที่บ้านไม่รู้ว่ากินอะไร..”
ภายในแววตาที่มีรอยยิ้มของจงยู่ มีน้ำตาไหล ออกมาสองสาย ช่างน่าประทับใจเหมือนกับเกล็ดน้ำ แข็งที่ละลายจากภูเขาหิมะ
ฉินหลั่งนั่งลงข้างๆจงยู่ บีบไหล่จงยู่เบาๆ ให้ เธอเอนพิงมาที่หน้าอกของตน
“ฉันคิดถึงแม่ของฉันจริงๆ…. “จงยู่ทนไม่ไหวแล้ว เธอร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าเสียใจ เสียงร้อง เหมือนลูกศรที่พุ่งออกไป ปักบนหัวใจของฉินหลั่ง
“อย่าร้อง ในเมื่อคุณคิดถึงแม่ ตอนนี้ผมก็ จัดการให้ ผมรับรองว่าภายในสองวันนี้ คุณต้องได้ พบกับแม่คุณแน่นอน”ฉินหลั่งปลอบจงยู่พลาง วางแผนในหัว ไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือจัดการ เรื่องแม่ของจงยู่
“อ้าว จงยู่ พวกคุณกลับมาแล้วเหรอ”ตอนนี้ ชายหญิงคู่หนึ่งถือชามข้าวมา เดินมาทางโต๊ะที่ฉิน หลั่งนั่งอยู่ ก็คือเพื่อนของจงยู่ ติงหรุ่ยและเกาหยวน
พวกเขาไม่ได้เจอจงยู่และฉินหลั่งมาหนึ่ง เดือนแล้ว สองวันก่อนได้ยินว่า คนที่เอาเงิน2ล้าน ของอาจารย์ซูก็คือจูจี้เหวิน ไม่ใช่พวกของฉินหลั่ง นี่ พิสูจน์ว่า ฉินหลั่งเป็นคนร่ำรวย เมื่อครู่เห็นฉินหลั่ง และจงยู่นั่งอยู่ที่นี่ จึงมาหา
“จงยู่ ทำไมเธอร้องไห้ล่ะ”ติงหรุ่ยถามด้วย ความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไร เมื่อครู่น้ำแกงกระเด็นเข้าตา”จงยู่ นั่งยืดตัวตรง ความเศร้าเสียใจของเธอยอมเปิดเผย แบ่งปันกับฉินหลั่งคนเดียวเท่านั้น
“อ้อ…”.ติงรายก็ไม่ได้ถามเข้าซื้อะไรอีก : “ใช่ แล้ว ฉินหลั่ง สารภาพกับพวกเราสักเล็กน้อย ว่าบ้าน นายทำงานอะไรกันแน่”
ตอนนี้ติงหรุ่ยและเกาหยวนรู้สึกแปลก ประหลาดใจในตัวฉินหลั่งเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่อง ทรัพย์สินมากมาย ที่ทำให้เขาสามารถควักเงินออก มาได้ทีเดียวล้านกว่าหยวน
ถ้าหากบ้านของฉินหลั่งยิ่งใหญ่อย่างที่พวก เขาคิด คนอย่างเขานี้ก็สมควรที่พวกเขาจะต้อง ประจบเอาใจ
ความคิดของติงหรุ่ยและเกาหยวน ฉินหลังจะ ไม่รู้ได้อย่างไรกัน
“เงินพวกนั้นความจริงแล้วเป็นเงินที่ฉันถูก ลอตเตอรี่มา ทั้งหมดหนึ่งล้านห้าแสน ตอนที่ถูกนั้น ผมสับสนไปหมด ดังนั้นผมก็เลยบริจาค ผมพาจงยู่ ไปเที่ยวข้างนอกหนึ่งเดือน ไม่มีเงินติดตัวแล้ว”ฉิน หลังคิดแล้วคิดอีกจึงเอ่ยออกมา
“นายถูกลอตเตอรี่เหรอ”ติงหรุ่ยและเกาหยวน ตื่นตกใจ
“เหมือนเมื่อเดือนก่อน แผงลอตเตอรี่ของ
พวกเราที่นี่มีคนถูกรางวัลหนึ่งล้านห้าแสนหยวน เหมือนกัน ยังออกข่าวเลย คนที่ใส่หมวกคลุมหน้า คลุมตาคนนั้น ก็คือนายเหรอ”ติงหนุ่ยถามฉินหลั่ง
ยังอุตส่าห์มีเรื่องแบบนี้จริงๆอีกเหรอ ฉินหลั่ง หัวเราะในใจ
“อ้อ….พวกคุณรู้กันหมดแล้ว”ฉินหลั่งเอ่ย พลางลูบจมูก
“ไม่มีอะไรจะพูด..”ติงหรุ่ยตบหน้าอกอย่างผิด หวัง คิดว่าฉินหลั่งนั้นเป็นมหาเศรษฐี ที่แท้ก็ถูกล็อต เตอรี่ แต่ไม่นานเธอก็ไม่ได้เสียดายขนาดนั้นแล้ว
ฉินหลั่งไม่ใช่มหาเศรษฐีก็ดี ตอนนี้ก็กลับเป็น ปกติ จงยู่ที่อยู่ตรงหน้าเธอ ก็ยังเป็นคนจนๆกระ จอกๆ หากฉินหลั่งเป็นมหาเศรษฐี อย่างนั้นตอนนี้ เธอก็ต้องไปคอยเอาอกเอาใจจงยู่อีก
คิดมาถึงตรงนี้ ติงหรุ่ยและเกาหยวนก็ สบายใจขึ้นมาก
“โอ้ย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกลอตเตอรี่ คุณก็ ยังไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอะไร มีเงินอยู่ในกระเป๋า มากมายแท้ๆ นายยังไปบริจาคเลียนแบบคนรวย ที่ ทำไปทั้งหมดนี้มันได้ประโยชน์อะไร แย่งชิงชื่อ เสียงความร่ำรวย มิน่าเล่านายถึงยังจนอยู่อย่างนี้ ก็ สมควรแล้ว”เกาหยวนไม่เห็นฉินหลั่งอยู่ในสายตา แม้แต่น้อย
“จงยู่นะจงยู่ เธอเองก็เหมือนกัน ฉินหลั่งไม่รู้ เรื่องอะไรก็พอทน เธอเองก็มาจากความยากลำบาก จากหมู่บ้านบนเขา เธอก็ไม่เตือนเขาหน่อย แล้วยัง ไง ตอนนี้จบแล้ว หนึ่งล้านห้าแสน ถูกพวกเธอ ผลาญกันจนหมดไปแล้ว พวกเธอลองบอกมาสิว่าที่พวกเธอจนนี่ไม่ได้มีสาเหตุอะไร”ติงหรุ่ยสอนจง ยู่”ปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดี”
เวลานี้เอง ติงหลุยรับสาย ได้ยินเธอพูด คือแม่ ของเธอโทรมาคุยกันไม่กี่นาที ติงหรุ่ยก็วางสาย ควงแขนเกาหยวนด้วยสีหน้ายินดี : “ที่รักคะ แม่ฉัน บอกว่าพรุ่งนี้จะมาหาฉันค่ะ”
“แม่คุณจะมาเหรอ อย่างนั้นก็ดีเลย ผมจะได้ พบกับแม่ยายสักครั้ง”เกาหยวนเอ่ยอย่างดีใจ
ติงหนุ่ยยิ้มหวาน เธอเหลือบมองไปยังจง ยู่ : “จงยู่ พรุ่งนี้แม่ฉันจะนั่งเครื่องบินมาหาฉัน เธอดู ครอบครัวของฉันสิ แม้จะอยู่ห่างกันหลายพัน กิโลเมตร แต่พออยากเจอกันก็มา เพราะอะไร เพราะ บ้านฉันมีเงินไง ดังนั้นต่อไปเธอจำไว้ว่าอย่าโง่เอา ไปใช้ฟุ่มเฟือยจนหมด ถ้าเงินหนึ่งล้านห้านั่นยังอยู่ เธอก็สามารถให้แม่มาเยี่ยมเธอได้ อ้อ ไม่ถูก ต่อให้ มีเงินก็ไม่แน่ว่าแม่เธอจะมาเยี่ยมเธอ แม้แต่เครื่อง บินแม่เธอคงนั่งไม่เป็นด้วยซ้ำ ฮาๆ”
ได้ยินดิงหรุ่ยพูดถึงแม่ของตน แววตาจงยู่ก็ เปลี่ยนเป็นคมกริบขึ้นมาทันที : “อย่าพูดถึงแม่ฉัน”
“เห้ย ฉันพูดความจริงนะ”ติงหรุ่ยเอ่ยพลาง ยิ้ม : “เดิมที่ครั้งนี้ฉันเตรียมจะให้แม่ฉันพาแม่เธอมา ด้วยกัน แต่ เห็นท่าทีแบบนี้ของเธอ ฉันว่าช่างเถอะ”
“จริงเหรอ”พอจงยู่ได้ยินว่าจะได้เจอแม่ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม่ของเธอยังไม่เคยนั่งเครื่องบิน จริงๆ ถ้าหากมาพร้อมกับแม่ของติงหรุ่ยได้จงยู่ก็จะ หายห่วง
“ตอนแรกก็จริงนะ ฉันยังคิดจะออกค่าเดินทาง ให้แม่เธอด้วย ในเมื่อพวกเราเป็นเพื่อนกัน สภาพ ครอบครัวเธอเป็นยังไง ทำไมฉันจะไม่รู้ แต่คิดไม่ ถึงว่า ฉันเห็นเธอเป็นเพื่อน แต่เธอกลับไม่ได้เห็นฉัน เป็นเพื่อนเลย”ติงหรุ่ยเอ่ยอย่างไม่แยแส
“ติงหนุ่ย ฉันขอโทษเธอด้วยนะ เมื่อครูฉัน ใจร้อนไปหน่อย”จงยู่พูดกับติงหรุ่ย ฉินหลั่งดึงเธอ ไว้ เธอได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ : “เธอให้แม่เธอพาแม่ ฉันมาด้วยนะ เธอจะให้ฉันทำอะไรก็ได้”
หี ช่างหัวอ่อนจริงๆ ! ฉันก็แค่พูดส่งเดชไป เท่านั้น เธอคิดเป็นจริงเป็นจังไปแล้วเหรอ จงยู่นะจง ยู่ ชีวิตนี้ก็คงทำได้แค่นี้สินะ
“เห็นแก่ความจริงใจของเธอ ฉันจะรับปากเธอ ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณนะติงรุ่ย”จงยู่ดีใจราวกับเด็กน้อย
เห็นท่าทางดีใจของจงยู่ ติงหรุ่ยก็ยิ่งเพิ่ม ความดูถูกเธอ เรื่องโง่ๆแบบนี้ จงยู่ยังดีใจขนาดนี้ ติง หรุ่ยก็ยิ่งมีความรู้สึกว่าตนเหนือกว่าจงยู่ คิดว่าตลอด ชีวิตนี้ เมื่อเทียบกับเธอแล้ว จงยู่ก็คือลูกเป็ดขี้เหร่
“คุณวางใจเถอะ ค่าเดินทางของแม่จงยู่จะจะ ให้พวกคุณเอง “ฉินหลั่งทนดูท่าทางหยิ่งยโสของ ติงหนุ่ยไม่ไหว
“ไม่ต้องให้หรอก ก็แค่เศษเงินพันกว่าหยวน เท่านั้น พวกเรามีเงิน ใช่มั้ยที่รัก”ติงหรุ่ยเอ่ยถามเกา หยวนอย่างอ่อนหวาน
เกาหยวนพยักหน้า เหลือบมองฉินหลั่งอย่าง ดูถูก : “เขาคงเห็นว่าค่าตั๋วเครื่องบินราคาไม่เท่าไหร่ จึงพูดว่าจะให้เรา ทำไมไม่บอกว่าจะออกค่าที่พัก ด้วยเล่า ค่าที่พักถึงจะมากหน่อย”
“พวกเราก็ไม่ได้บอกว่าจะให้พวกคุณออกให้ ทั้งหมดนี่”ฉินหลังเอ่ยพลางยิ้มบางๆ “นายพูดแบบนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนมาด้วยกัน
นายยังคิดจะให้พวกเขาแยกกันอยู่เหรอ เรื่องแบบนี้
พวกเราทำไม่ได้หรอก”เกาหยวนเอ่ยอย่างชักสีหน้า
ไม่พอใจ
“อย่างนั้นที่พักพวกเรารับผิดชอบทั้งหมด อย่างนี้น่าจะได้แล้วนะ”ฉินหลั่งเริ่มไม่สบอารมณ์เล็ก น้อย
“พวกคุณรับผิดชอบเรื่องที่พัก อยากจะอยู่ โรงแรมข้างถนนเหรอ ฉันเกาหยวนไม่ยอมเสียหน้า อย่างนั้นหรอกน”เกาหยวนชำเลืองมองฉินหลั่ง อย่างเย้ยหยัน
“โธ่ ที่รักคะ คนเขาก็อยากจะเอาหน้าต่อหน้า แม่ยายในอนาคตบ้างสิคะ”ติงหรุ่ยเอ่ยพลางยิ้ม อย่างมีเลศนัย : “ในเมื่อคนเขาก็พูดอย่างนั้นแล้ว พวกเราก็ให้โอกาสเขาเถอะนะคะ ให้ฉินหลั่งเป็นคน จัดการเรื่องที่พัก ก็คงจะไม่ได้แย่มาก”
“ห์ ฉินหลั่ง พวกเราตกลงตามนี้ นายจัดการ เรื่องที่พัก”เกาหยวนหัวเราเยาะ พูดจบก็บ่นพึมพำ ว่า : “ฉันว่าแกเจอแม่ยายครั้งนี้ ก็คงจะต้องเลิกกับ จงยู่แล้ว”
เมื่อตกลงกันได้ ติงหรุ่ยและเกาหยวนก็ไม่คิด จะนั่งร่วมโต๊ะกับพวกของฉินหลั่งต่อไป ทั้งสองลูก เดินจากไป
ฉินหลั่งกินข้าวกับจงยู่เสร็จ ตอนที่เดินออก จากโรงอาหาร จงยู่ก็รับโทรศัพท์จากแม่ของเธอ บอกว่าแม่ของติงหรุ่ยโทรมาหาเธอแล้ว พรุ่งนี้จะพา เธอมาจินหลิงด้วยกัน
ได้ยินเสียงแม่ จงยู่ก็ดีใจอย่างที่สุด
หลังจากที่ส่งจงยู่กลับไปพักผ่อนตอนบ่ายที่ หอพักแล้ว ฉินหลั่งก็โทรหาเสื่นวั่นเชียน ให้เขาจอง ห้องพักที่โรงแรมBerkeley Hotelวันพรุ่งนี้สองห้อง ให้แม่ของจงยู่พัก
“ให้แม่ของแฟนคุณพักเหรอครับ “เสิ่น วั่งเซี่ยน เอ่ยอย่างกังวล เขาบ่นพึมพำ : “เอาอย่างนี้ดีมั้ยครับคุณชายใหญ่Berkeley Hotelอาจจะไม่คู่ควร ผมจัด โรงแรมที่ดีกว่านี้ให้แล้วกันครับ”
“หะ”ฉินหลั่งแปลกใจเล็กน้อย ฟังน้ำเสียงของ เสิ่นวันเชียน เขาได้ยินมาว่าโรงแรมนี้ก็ไม่เลว นี่ : “โรงแรมไหน”
“จื่อซวนเกสท์เฮ้าส์ “เสิ่นวันเชียนเอ่ยแนะนำ กับฉินหลั่ง : “พูดกันตามความจริงแล้ว มันไม่ถือว่า เป็นโรงแรม เพราะต่อให้มีเงิน ก็ยากที่จะจองห้อง พักได้ ก็เหมือนกับเตียวหยูไท่สเตทเกสต์เฮาส์ของ เมืองจิง ต้องเป็นชนชั้นสูง ได้รับอนุญาตจากเบื้อง บน จึงให้เข้าพักได้”