ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 100.1 เหล่าติ่งก็ต้านไม่ไหวแล้ว (1)
ตอนที่ 100 เหล่าติ่งก็ต้านไม่ไหวแล้ว (1)
สามชั้นด้านล่าง
“เร็ว ชั้นสี่ลงมือกันแล้ว!”
“หนึ่งต่อสามร้อย ขึ้นไปดูกันเถอะ!”
“…”
เสียงนั้นกระจายไปทั่วสามชั้น ไม่นานคนกลุ่มใหญ่ก็กรูขึ้นไปชั้นสี่ เวลานี้ไม่มีคนสนใจแล้วจะถูกสั่งสอนด้วยหรือเปล่า
นายอ้วนกั่วเซิ่งเบียดเสียดในกลุ่มนี้เช่นกัน เพิ่งจะขึ้นไปชั้นสี่ กลับเห็นฟางผิงกระโดดถีบผู้ฝึกยุทธ์หญิงคนหนึ่ง!
“อะไรกัน? ลงมือกับผู้หญิง!”
หลายคนเห็นฉากนี้เหมือนกัน ชั่วเวลานั้นต่างตะโกนด่าเสียงดัง
ฟางผิงไม่สนใจพวกเขาอยู่แล้ว ถึงกระทั่งอยากให้พวกเขาเข้ามาด้วยซ้ำ คะแนนทั้งนั้น!
ผู้ฝึกยุทธ์สู้ยากอยู่จริงๆ หากไม่ลงมือหนัก อีกเดี๋ยวก็ยืนขึ้นได้อีกแล้ว ห้าคะแนนยากเกินไป!
คนธรรมดาจะง่ายกว่า เหวี่ยงเท้าสวนหมัดไปทีเดียว แทบจะลุกขึ้นไม่ไหวแล้ว นี่ถึงทำคะแนนได้!
ฟางผิงที่เพิ่งเตะผู้ฝึกยุทธ์ตัวลอยออกไป เริ่มสำรวจตัวเอง ทักษะประกบติดของเขายังฝึกไม่ถึงขั้นเชี่ยวชาญ ต้องอาศัยแรงถ่ายโอนเตะออกไป
ในช่วงเวลาสั้นๆ ปราณของฟางผิงจึงลดลงอย่างมาก
เมื่อกี้เพิ่งจะใช้ค่าทรัพย์สินเติมปราณไปหนึ่งหมื่นหยวน
หนึ่งคะแนนนั้นเท่ากับเงินหนึ่งหมื่นในมหาวิทยาลัย สามหมื่นสำหรับโลกข้างนอก ไม่รู้ว่าระบบจะคิดยังไง?
ไม่ว่าจะอย่างไร อย่างน้อยคนธรรมดาหนึ่งคนก็เท่ากับค่าทรัพย์สินหมื่นหยวนแล้ว เวลาสั้นๆ เขาจัดการคนธรรมดาไปกว่าสิบคน ผู้ฝึกยุทธ์อีกสองสามคน เกือบสามสิบคะแนนแล้ว ได้กำไรเห็นๆ!
ทั้งฟางผิงยังพบว่า ผู้ฝึกยุทธ์หญิงนั้นรังแกง่ายกว่าจริงๆ ฟาดเท้าออกไปทีเดียว ล้มง่ายยิ่งกว่าคนที่หลอมกระดูกสองครั้งซะอีก ทำให้ได้คะแนนมาอย่างง่ายดาย
ดังนั้นช่วงถัดมาฟางผิงจึงจับจ้องผู้ฝึกยุทธ์หญิงเป็นพิเศษ
เหวี่ยงคนธรรมดาที่ขวางทางคนหนึ่งออกไป ก่อนฟางผิงจะพุ่งไปหาผู้ฝึกยุทธ์หญิงคนหนึ่ง วาดเท้าซ้ายถีบการปัดป้องของอีกฝ่าย คล้อยหลังก็ส่งหมัดไปยังหน้าอกของเธอ
“ไอ้บ้า!”
หญิงสาวที่ถูกโจมตีตรงหน้าอก ประคองอกตัวเองอย่างเจ็บปวด เห็นฟางผิงยกเท้าเตรียมจะถีบ จึงตะโกนอย่างโมโห “ฉันยอมแพ้ยังไม่พออีกหรือไง?”
“ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?”
หญิงสาวคนนี้หน้าตาดูดีทีเดียว ช่วงมอปลายเพราะเรียนเก่ง ปราณสูง และฐานะทางบ้านดี จึงเป็นเหมือนกับนางฟ้าในสายตานักเรียนชายในโรงเรียนมัธยม!
แต่ใครจะรู้ว่า เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยวันที่สองกลับมาถูกชายหนุ่มอัดหน้าอกเธอจนแทบจะระเบิด!
เธอรู้สึกโมโหและร้อนใจ รวมทั้งยังเจ็บหน้าอก หญิงสาวตะโกนด่าแล้ว ไม่คิดรั้งอยู่นาน หมุนตัวเดินออกไปมุมหนึ่ง ลอบดูหน้าอกตัวเองว่ายังอยู่ในสภาพดีหรือเปล่า
ฟางผิงเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้เลยเอ่ยว่า “ผู้หญิงยอมแพ้เถอะ หมัดเท้าไม่มีตาสักหน่อย ไปโดนหน้าอกระเบิดเข้าจะทำยังไง!”
“สารเลว!”
“ไอ้ลามก!”
“อวิ๋นซี ยืนบื้อทำไม จัดการเขาสิ!”
“…”
หยางเสี่ยวม่านและจ้าวเสวี่ยเหมยโทสะสุมหัว พวกเธอสามคนเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่นักศึกษาหญิง เมื่อวานสิบเก้าคนนั้นก็มีพวกเธอสามคนอยู่
ตอนนี้ฟางผิงคล้ายดูถูกผู้หญิง ยังโจมตีที่หน้าอกของหญิงสาวคนหนึ่งอย่างหน้าไม่อาย ชั่วพริบตานั้นทำให้ใครหลายคนโมโหขึ้นมาทันที
หยางเสี่ยวม่านพุ่งตัวเข้าไป ฟางผิงกำลังต้านการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธ์ชายคนหนึ่ง เขาเอ่ยเตือนว่า “ผู้หญิงอย่าบุกมาไวเกินไป หมัดเท้าไม่มีตาจริงๆ เผลอลงมือหนักเข้าฉันไม่รับผิดชอบนะ!”
“ไปตายซะ!”
หยางเสี่ยวม่านเดือดจัด ทะยานเข้ามาพร้อมเหวี่ยงขาไปที่เอวฟางผิง
ฟางผิงใบหน้าเปลี่ยนสี แข็งแกร่ง!
ผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกครั้งที่สอง แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปมาก!
ฟางผิงไม่อาจหลบทัน รีบคว้าคนด้านข้างมาบังตัวเอง ขาของหยางเสี่ยวม่านจึงโดนอีกฝ่ายเต็มๆ
“อ๊าก!”
เสียงร้องราวกับหมูถูกเชือดดังขึ้น ทำเอาคนที่อยู่รอบๆ ฟางผิงและหยางเสี่ยวม่านตกใจจนรีบถอยห่างออกมา
จ้าวเหล่ยที่เตรียมจะโจมตีฟางผิงเอ่ยอย่างโมโห “หยางเสี่ยวม่าน คนกันเองก็ลงมือ!”
“ฉันไม่ทันเห็นนี่นา ฟางผิงต่างหากที่น่าไม่อาย!”
“ให้ตายเถอะ หลอมกระดูกสามครั้งแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือไง?”
จ้าวเหล่ยไม่โจมตีต่อ ลอบสบถด่าแทน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนหลอมกระดูกสามครั้ง ใครจะรู้ว่าฟางผิงแข็งแกร่งจนน่าตกใจ!
อันที่จริงพลังโจมตีของฟางผิงไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ ถึงกระทั่งยังอ่อนกว่าเขาอยู่เล็กน้อย
แต่ฟางผิงนั้นทนรับการโจมตีได้อย่างน่าตกใจจริงๆ!
ถูกเขาเตะไปหลายครั้ง ครู่เดียวกลับฟื้นฟูเป็นปกติแล้ว นี่ยังเป็นคนธรรมดาอยู่อีกเหรอ?
ทั้งต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ คนอื่นๆ ปราณอ่อนกำลังลง เจ้าหมอนี่กลับไม่มีท่าทีอ่อนแรงให้เห็นสักนิด!
ด้านหลังฝูงชน ฟู่ชางติ่งครางเจ็บออกมา ก่อนจะตะโกน “ฉันอัดยาไป ต้องรอตั้งสิบนาที เสียเปรียบชะมัด ฟางผิง ช่วยป้องกันฉันหน่อยสิ!”
“ขอให้โชคดี!”
“ไอ้เวร ถ้าไม่ใช่นาย…”
ฟู่ชางติ่งไม่มีเวลาพูดแล้ว แค่ครู่เดียว รอบกายเขากลับมีผู้ฝึกยุทธ์เพิ่มขึ้นมาเจ็ดแปดคน
ฟางผิงอึดเกินไปแล้ว รวมทั้งมีจ้าวเหล่ยและหยางเสี่ยวม่านอยู่ที่นั่น คนอื่นไม่อาจเข้าไปแทรก จึงมาจัดการกับฟู่ชางติ่งก่อน
เจ้าสองคนนี้ เมื่อวานกระตุ้นโทสะใครหลายคน วันนี้ไม่ชำระแค้น เห็นทีจะไม่ได้!
ด้านนอกสุด มีนักศึกษาหลายคนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ ตะโกนเสียงดังว่า “อย่าไปกระจุกรวมกัน ผู้ฝึกยุทธ์แบ่งเป็นสี่กลุ่ม ผลัดกันเข้าไป! จ้าวเหล่ย หยางเสี่ยวม่าน พวกนายแบ่งไปสองกลุ่ม ผลัดกันโจมตีฟางผิง! เฉินอวิ๋นซี เธออีกหนึ่งกลุ่ม สกัดฟู่ชางติ่ง คนอื่นๆ แบ่งเป็นอีกกลุ่ม ทำให้ปราณพวกเขาลดลง! คนที่หลอมกระดูกสองคนแบ่งนำกลุ่มละสิบคน ผลัดกันเข้าไปห้านาที ใช้พวกอาวุธยาวคอยก่อกวนพวกเขาอยู่ด้านนอก ทำให้พลังพวกเขาหมดไป!”
“จ้าวเหล่ย ฟางผิงอยู่จวงกงขั้นสองแล้ว สามารถต้านแรงได้ดี อย่าโจมตีจุดอื่นของเขา ใช้ขานายปะทะเขาไปตรงๆ เลย หลอมกระดูกสามครั้งจะสู้หลอมกระดูกขาแล้วได้ยังไง!”
“ผู้ฝึกยุทธ์ให้ใช้จุดที่ตัวเองหลอมกระดูกแล้ว ปะทะกับพวกเขา! อย่าสิ้นเปลืองปราณอีก!”
“…”
นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ความรู้กว้างไกล บางคนมีสายตาที่เฉียบคมเช่นกัน ขาดแค่กำลังต่อสู้เท่านั้น
เวลานี้มีคนสั่งการจัดแจงอยู่ข้างนอก
กลุ่มคนที่ตอนแรกต่อสู้อย่างสะเปะสะปะ ค่อยๆ ดูมีแบบแผนขึ้นมา
ฟางผิงรู้สึกตัวเช่นกัน หลังจากมีคนพวกนั้นสั่งการ พวกจ้าวเหล่ยที่ตอนแรกโจมตีอย่างมั่วซั่ว ตอนนี้กลับหันมาโจมตีที่ร่างกายเขาตรงๆ แทน
คนที่หลอมกระดูกสามครั้งแล้วไม่ใช่เทพเซียน ถึงจะเพิ่มค่าปราณ เนื้อหนังก็บาดเจ็บได้อยู่ดี
ฟางผิงปะทะกับจ้าวเหล่ยอีกครั้ง ชั่วขณะนั้นพลันขมวดคิ้วขึ้นมา “ฟู่ชางติ่ง จะเสียเวลากับพวกที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ทำไมนักหนา!”
“ฉัน…ฉันจะต้านไม่ไหวแล้ว…”
ฟู่ชางติ่งตกอยู่ในสภาพน่าอนาถกว่าเขา ร้องครวญอย่างเจ็บปวด
พลังของเฉินอวิ๋นซีและเขาพอๆ กัน หากไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง ทั้งไม่ค่อยชำนาญการต่อสู้นัก คงจัดการเขาได้ตัวคนเดียวแล้ว
“เมื่อวานนายอยากได้สาวน่ารักๆ ไม่ใช่หรือไง? มาถูกผู้หญิงคนเดียวสกัดซะได้?”
“นาย…นายอย่าเพิ่งพูด ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เจ็บด้วย พูดไม่ได้แล้ว…”
ฟู่ชางติ่งอยากร้องไห้ เมื่อวานไม่ได้วางแผนแบบนี้เถอะ!
ฉันต้องการต่อสู้ทีละคน ไม่ใช่โดนรุมโจมตีแบบนี้!
ทั้งยังไม่ใช่คนสองคน แต่เป็นสามร้อยคน!
พื้นที่รอบกายมีอย่างจำกัด เลยทำให้ทุกครั้งมีคนเข้ามาแค่สิบคน แต่หากเป็นอย่างนี้ต่อไป เขาต้องถูกรุมซ้อมจนตายแน่ๆ!
ฟางผิงตระหนักได้เช่นกันว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ตะโกนว่า “ปลีกตัวก่อน คนธรรมดาก็นับเป็นคะแนน จัดการไปทีละคน!”
“ได้!”
ฟู่ชางติ่งคิดจะทำแบบนี้ตั้งนานแล้ว เขารีบยื่นมือไปจับหน้าอกเฉินอวิ๋นซี เฉินอวิ๋นซีตกใจจนหน้าถอดสี รีบถอยหลังออกมา
เวลานี้มีช่องว่างจากฝูงชนที่โอบล้อม ฟู่ชางติ่งกระโดดตัวลอยออกมา เบียดเข้าไปในกลุ่มคนธรรมดาแทน
“หา!”
“ไร้ยางอาย นึกไม่ถึงว่าจะหนีไปแบบนี้!”
“อย่าแตกตื่น คนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ถอยออกมา เปิดทางให้…”
อัจฉริยะที่คอยสั่งการอยู่ข้างนอกพูดไม่ทันขาดคำ กลับมีเงาดำลอยมาบนหัว
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฟางผิงปลีกตัวออกมาจากฝูงชน ทะยานกลางอากาศ เตะไปบนหน้าเขา!
“พลั่ก…”
เลือดกำเดาและน้ำตาแทบไหลออกมาเวลาเดียวกัน อัจฉริยะที่เพิ่งสั่งการตะกี้ เลือดกลบหน้าไปหมดแล้ว จะสามารถพูดต่อได้ยังไง
คนอื่นๆ ที่ช่วยสั่งการต่างตกใจยกใหญ่ พากันถอยหลบออกไป!
ด้านนอกนั้นมีนักศึกษาสามชั้นล่างกำลังชมการต่อสู้ จู่ๆ มีคนเอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “รีบหนีเร็ว เขามาทางพวกเราแล้ว!”
“ฟางผิง พวกเรามาดูเท่านั้น!”
“พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์”
“…”
“คณบดีไม่ได้บอกสักหน่อยว่าห้ามจัดการชั้นอื่น มาแล้วนับเป็นคะแนนหมด หนึ่งคะแนนก็คือคะแนนเหมือนกัน!”
ฟางผิงตะโกนเสียงดัง กลัวว่าคณบดีจะเบี้ยวหนี้ คนธรรมดาพวกนี้ถีบทีเดียวร่วงตั้งสามคน นี่ต่างหากที่เป็นตัวทำคะแนน!
—
ชั้นเก้า
เวลานี้พวกอาจารย์ต่างตกตะลึง
หลายปีมานี้ แม้ว่าการแบ่งสาขาของมหาวิทยาลัยจะเกิดความวุ่นวายมาหลายครั้ง แต่ไม่เคยจะวุ่นวายหนักเหมือนวันนี้มาก่อน!
ทั้งสองคนกวาดล้างคนทั้งตึกฝึกซ้อม!
รวมทั้งคณบดีที่ใช้เชื้อเพลิงกระตุ้นไฟ ปลุกใจนักศึกษาด้วยคะแนน ทำให้เด็กพวกนี้บ้าคลั่งกันไปหมด โดยปกติแล้ว น้อยนักที่ผู้ฝึกยุทธ์จะถูกคนธรรมดายั่วยุ
แม้ฟางผิงจะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่กลับเพียบพร้อมด้วยกำลังต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ์
ตอนนี้นึกไม่ถึงว่า คนธรรมดาพวกนี้จะถูกตั้งชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า…ตัวทำคะแนน!
อาจารย์บางคนทนดูต่อไปไม่ได้ เอ่ยอย่างโมโหว่า “คณบดี เรื่องที่คนธรรมดานับเป็นคะแนนควรยกเลิกไป!”
หวงจิ่งชำเลืองตามองเขา เงียบไปพักหนึ่งก่อนเอ่ยว่า “เขาเป็นคนธรรมดาเหมือนกัน…”
“นี่…”
“งั้นฟู่ชางติ่งล่ะ?”
“เขาถูกผู้ฝึกยุทธ์ล้อมไว้ ตอนนี้ยังไม่โผล่ออกมา เทียบกันแล้วมันเรื่องเล็กน้อย”
“…”
——————–