ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 117 เป็นคนต้องถ่อมตัว (1)
ตอนที่ 117 เป็นคนต้องถ่อมตัว (1)
คืนนั้นเขาเข้าสู่ห้วงนิทราโดยไม่ฝันอะไร
ฟางผิงนอนหลับอย่างสบาย เขาคิดว่าตัวเองจะฝันร้ายเสียแล้ว แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันต่อมา ฟางผิงตื่นก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่ง
ทุกคนต่างมีความเห็นแก่ตัว!
เขาเคยคิดว่า ตัวเองฆ่าพวกจางกั๋วเวยตาย ครอบครัวของพวกเขาจะเศร้าโศกถึงขนาดไหน
แต่เมื่อคิดว่าตัวเองตาย ครอบครัวของเขาคงเสียใจกว่า ฟางผิงก็ไม่รู้สึกผิดอะไรแล้ว
พ่อแม่และน้องสาวต่างพึ่งพาเขาจนสามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น
ถ้าตัวเองตายล่ะ?
พ่อยังต้องกลับไปทำงานที่เอาเงินไปแลกสุขภาพอีก แม่ยังต้องคอยเกรงอกเกรงใจคนอื่น ทำงานชั่วคราวได้แค่แปดร้อยหยวนต่อเดือน
และน้องสาวของเขาจะยิ้มได้โดยไร้เรื่องกังวลใจแบบนี้ได้เหรอ?
—
หลู่เฟิ่งโหรวให้เขากลับบ้าน ปรับเปลี่ยนสภาพจิตใจ
ตอนนี้ฟางผิงผ่อนคลายลงจริงๆ
ฟางผิงตื่นแล้วก็ลงไปวิ่งข้างล่างหนึ่งรอบ ก่อนจะซื้ออาหารเช้ากลับบ้าน พ่อแม่เพิ่งตื่นนอน ส่วนฟางหยวนยังหลับอยู่บนที่นอน
เห็นฟางผิงออกไปข้างนอกเช้าตรู่ หลี่อวี้อิงไม่รู้ว่ารู้สึกสงสารหรือชื้นใจ เผยสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง
ฟางหมิงหรงอาบน้ำเสร็จพอดี เมื่อวานเขาถือว่าทำงานนอกเวลา วันนี้จึงหยุดอยู่บ้าน
ชงชาเข้มๆ ให้ตัวเองแล้ว ฟางหมิงหรงครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ผิงผิง ลูกว่าวันนี้ควรจะซื้อของไปเยี่ยมรองผู้อำนวยการถานสักหน่อยดีหรือเปล่า?”
ถานเจิ้นผิงช่วยซื้อหน้าตาให้ฟางผิง ทำให้เขากลายเป็นพนักงานอย่างเป็นทางการ
การไว้หน้าควรมอบให้กันอยู่แล้ว ในเมื่อฟางผิงกลับมา ไปเยี่ยมเยียนสักหน่อย ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
ฟางผิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ ต้องไปขอบคุณสักหน่อย พวกเราอยู่ในหยางเฉิงยังต้องให้รองผู้อำนวยการช่วยดูแล”
ฟางหมิงหรงเผยสีหน้าอิ่มเอมใจ นอกจากลูกชายจะมีความสามารถแล้ว ยังรู้จักมีมนุษย์สัมพันธ์ นี่สำคัญกว่าความสามารถซะอีก
สองพ่อลูกปรึกษากันพักหนึ่ง เข้าไปเช้าเกินไม่ค่อยดี สายไปก็จะถูกรั้งตัวกินข้าวเย็น ไปหลังเก้าโมงเช้าน่าจะพอดีแล้ว
รอจนกินข้าวเช้าเสร็จ ฟางหยวนค่อยตื่นขึ้นมา
รู้ว่าพ่อและพี่ชายจะไปหาคนอื่น สาวน้อยไม่เอ่ยความคิดอยากจะไปด้วยแต่อย่างใด
ฟางหยวนชอบความครื้นเครง แต่ขึ้นอยู่กับคนนั้นเป็นใครเช่นกัน
นั่นเป็นหัวหน้าของอาจารย์ ตอนนี้ฟางหยวนกลัวแม้กระทั่งห้องพักอาจารย์ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบ้านของหัวหน้ากองการศึกษา
—
บ้านพักข้าราชการ
ที่พักของถานเจิ้นผิงหรูหราอย่างมาก!
ข้าราชการในชาตินี้ ที่พักอาหารการกินแทบไม่ต้องห่วง
บางเรื่องนั้นแสดงผลประโยชน์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับชาติก่อนที่ข้าราชการมีเงินต้องเก็บไว้เป็นความลับ
พ่อลูกตระกูลฟางมาเยี่ยม ก่อนหน้านี้ได้โทรมาบอกก่อนแล้ว
ประตูใหญ่ของบ้านตระกูลถานเปิดกว้าง สองพี่น้องถานเฮ่ายืนอยู่ด้านนอก พอเห็นฟางผิงก็รีบบอกว่า “พ่อ ฟางผิงกับลุงฟางมาแล้ว!”
ถานเจิ้งผิงไม่ได้เมินเฉย สาวเท้าเดินออกมาทันที เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหล่าฟาง เกรงใจอะไรกัน บอกแล้วไงไม่ต้องซื้อของมา?”
ทักทายฟางหมิงหรงแล้ว ถานเจิ้งผิงค่อยมองไปยังฟางผิงด้วยรอยยิ้ม “คนหนุ่มสาวเก่งนำหน้าซะแล้ว!”
แม้ว่าตอนนี้ปราณของฟางผิงจะไม่ได้พรั่งพรูออกมา แต่ถานเจิ้นผิงสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ถูกกดดันอย่างเลือนราง
อย่าลืมว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมก็คือผู้ฝึกยุทธ์เช่นกัน!
เขาปราณแตะถึงสองร้อยห้าสิบแคลแล้ว เผชิญหน้ากับฟางผิงกลับรู้สึกได้ว่าปราณเทียบไม่ได้อยู่บ้าง นี่เหนือความคาดหมายเกินไปแล้ว!
แม้ฟางผิงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่ก็เพิ่งทะลวงได้ไม่นาน หรือปราณยังสูงกว่าเขาอีก?
“ลุงถาน”
ฟางผิงเผยยิ้ม ค้อมตัวว่า “เรื่องของพ่อลำบากคุณแล้ว”
“เรื่องเล็กน่า”
ถานเจิ้นผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อีกอย่างพ่อนายเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจ ไม่กลัวความลำบาก เพื่อนร่วมงานคิดว่าเขาดีไม่น้อยเช่นกัน…”
“รองผู้อำนวย…”
ฟางหมิงหรงลำบากใจอยู่บ้าง ถานเจิ้นผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้อยู่ในกองศึกษา เรียกผู้อำนวยการทำไมกัน ฉันแก่กว่านายไม่กี่ปี เจอกันอย่างส่วนตัวเรียกเหล่าถานก็พอแล้ว”
ทักทายเป็นมารยาทแล้ว ถานเจิ้งผิงค่อยนำทางสองพ่อลูกเข้าไปในห้อง
เข้ามาห้องแล้วเห็นสองพี่น้องถานเฮ่ายังยืนอยู่ ถานเจิ้งผิงจึงตำหนิว่า “ยืนเซ่อซ่าทำไมกัน? ไปรินชาให้ลุงฟางสิ ไม่รู้จักคิดเอาซะเลย!”
ถานฮ่าวยิ้มเจื่อน รีบเข้าไปรินชา
ฟางผิงเห็นแบบนั้นหยัดกายขึ้นว่า “ลุงถาน คุณคุยกับพ่อผมก่อนเถอะครับ ผมจะไปคุยกับพวกถานเฮ่าสักหน่อย อีกเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันนะครับ”
“ได้ วัยรุ่นอย่างพวกนายคงมีเรื่องคุยกันเยอะอยู่แล้ว”
แม้ถานเจิ้นผิงจะมีเรื่องอยากพูดกับฟางผิง แต่มีฟางหมิงหรงอยู่ เขาไม่อาจเมินเฉยได้
คนอย่างเขารู้ความเหมาะสมดี แก่จนอายุปูนนี้แล้ว ให้ประจบฟางผิงนั่นเป็นเรื่องหน้าไม่อายอย่างยิ่ง
ทำความสนิทสนมกับพ่อของฟางผิง กลับเป็นเรื่องเหมาะสมกว่า
—
ห้องถานเฮ่า
ถานเฮ่าถอนหายใจยาว เอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม “ฟางผิง ตอนนี้นายเก่งเกินไปแล้ว! อย่ามองว่าพ่อฉันทำตัวเหมือนปกติ พวกนายโทรมาครู่เดียว พ่อฉันก็ให้คนมาทำความสะอาดบ้านทันที ทั้งยังดึงฉันและอาเทาลุกมาจากเตียงเตรียมต้อนรับคน พวกนายยังไม่ทันมา พ่อฉันเดินวนในห้องรับแขกเป็นสิบรอบแล้ว…”
“แค่กๆ!”
ถานเทาตัดบทพี่ชาย ให้เขาหลงเหลือศักดิ์ศรีไว้บ้าง
ตัดบทพี่ชายแล้ว ถานเทาค่อยเอ่ยอย่างสงสัย “ฟางผิง นายทะลวงด่านแล้วจริงๆ เหรอ?”
“อืม”
ตอนนี้ฟางผิงไม่ปิดบังอีกแล้ว ยังไงท่าทีของถานเจิ้นผิงก็แสดงให้เห็นหลายอย่างแล้ว
“จริงเหรอ?”
สองพี่น้องตระกูลถานอ้าปากค้าง!
นี่คือกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์แล้ว?
ครุ่นคิดเล็กน้อย ถานเทาเอ่ยว่า “ผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกสองครั้ง?”
เข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ พวกเขาก็รู้เรื่องการหลอมกระดูกครั้งที่สองเช่นกัน
เดือนพฤษภาคมปราณของฟางผิงอยู่ที่หนึ่งร้อยสี่สิบเก้าแคล จากการคาดเดาของพวกเขา น่าจะหลอมกระดูกสองครั้งแล้ว
“ไม่ใช่”
“ไม่ใช่เหรอ?”
ถานเทาแปลกใจอยู่บ้าง ปราณของฟางผิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากปราณหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าจนเขาทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ระยะห่างถึงสี่เดือน นึกไม่ถึงว่าไม่ใช่การหลอมกระดูกครั้งที่สอง?
ถานเฮ่าพูดอย่างขอไปที “น่าเสียดายอยู่บ้างจริงๆ นักศึกษาใหม่ของมหาวิทยาลัยหนานเจียงครั้งนี้ แม้จะไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ แต่มีเด็กใหม่คนหนึ่งที่ปราณเกินหนึ่งร้อยห้าสิบแคล เตรียมจะหลอมกระดูกสองครั้ง นายไม่ได้รีบทะลวงด่านก็ดีแล้ว ฉันได้ยินว่าหลังหลอมกระดูกสองครั้งจะพัฒนาอย่างรวดเร็ว รุ่นพี่หวังหลอมกระดูกสองครั้งเหมือนกัน นี่ถึงได้เข้าสู่ขั้นสามในเวลาอันสั้น…”
ฟางผิงเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ฉันไม่ได้หลอมสองครั้ง แต่หลอมสามครั้ง”
“หา?”
“แค่กๆ ฉันหูฝาดสินะ?”
“ฟางผิง นายบอกอะไรสามครั้งนะ?”
“…”
สองพี่น้องคล้ายกับฟังไม่ชัด ฟางผิงเอ่ยอย่างขบขัน “สูงกว่าหลอมกระดูกสองครั้ง ยังมีสามครั้งด้วย ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้ง”
เรื่องพวกนี้ไม่ถือว่าเป็นความลับ อย่างน้อยทางมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ต่างรู้ทั่วกัน
ถานเจิ้นผิงเป็นคนบ้านเดียวกัน ภายหลังยังมีโอกาสคบค้าสมาคม
เรื่องนี้จะปิดบังหรือไม่ปิดบัง ไม่ได้จำเป็นมาก สองพี่น้องตระกูลถานรู้ ถานเจิ้นผิงคงต้องรู้เหมือนกัน
ยิ่งฟางผิงโดดเด่น พวกข้าราชการในท้องที่อย่างถานเจิ้นผิงจะยิ่งช่วยดูแลครอบครัวของเขามากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้ฟางผิงไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวแล้ว แม้เขาจะยังไม่แข็งแกร่ง เพิ่งอยู่ขั้นหนึ่ง อาจจะไม่ทำให้คนกลัวเกรงเสมอไป แต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสามครั้งไม่เหมือนกันแล้ว
แม้ถานเจิ้นผิงจะไม่รู้ว่าหลอมกระดูกครั้งที่สามหมายความว่าอย่างไร แต่ในหยางเฉิงคงจะมีคนรู้เรื่องนี้บ้างอยู่แล้ว อย่างน้อยพวกคนที่มีฝีมือในหยางเฉิงก็น่าจะรู้
ผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกสามครั้ง ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หลังเรียบจบแล้วจะอยู่ขั้นไหน?
ขั้นสาม ขั้นสี่หรือสูงกว่านั้น?
บุคคลเช่นนี้ แม้จะยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ก็เพียงพอให้หยางเฉิงให้ความสำคัญแล้ว กระทั่งรวมถึงรุ่ยหยางด้วยเช่นกัน
————————-