ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 119-2 ขายยาบำรุง (2)
ตอนที่ 119 ขายยาบำรุง (2)
ฟางผิงขมวดคิ้ว ราคานี้เขาไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“ตอนนี้ฉันมียาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาเจ็ดสิบเม็ด ขั้นหนึ่งสิบเอ็ดเม็ด ราคาตลาดสิบล้านสามแสนหยวน ถ้าขายออกไปจะได้เท่าไหร่?”
ยาบำรุงพวกนี้ ปัจจุบันให้ค่าทรัพย์สินเขามาเจ็ดล้านหนึ่งแสนหยวนแล้ว
ต้องเกินมูลค่านี้ระบบคิดจะคิดราคาต่างเพิ่มให้เขา
ถ้าขายตามแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาอย่างที่ว่า อย่างมากสุดจะเพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขาประมาณหนึ่งล้าน นี่มันต่างจากที่คาดไว้อยู่บ้าง
“นายยังมียาขั้นหนึ่งเยอะขนาดนี้อีก?”
เมื่อตะกี้ฟางผิงบอกแค่ยาบำรุงธรรมดา ฟู่ชางติ่งนึกไม่ถึงว่าหมอนี้ยังตุนยาบำรุงขั้นหนึ่งไว้สิบกว่าเม็ด
เศรษฐีชัดๆ!
มีเงินกว่าเขาเสียอีก!
ฟู่ชางติ่งถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง มีเงินขนาดนี้ ยังขี้หนียวอีก วันๆ เอาแต่กินข้าวฟรี
ฟู่ชางติ่งตรึกตรองคำถามของฟางผิงพักหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า
“เอาอย่างนี้ละกัน ฉันจะช่วยถามให้นาย ดูก่อนว่าที่บ้านฉันต้องการหรือเปล่า ของอย่างยาบำรุงไม่ต้องกังวลจะขายไม่หมด หากนายคิดว่าราคาไม่เหมาะสม ฉันจะช่วยถามคนอื่นให้แทน…”
ฟางผิงพยักหน้า ก่อนฟู่ชางติ่งจะโทรศัพท์ต่อหน้าเขาทันที
เขาโทรหาพ่อเล่าคร่าวๆ ว่ามีเพื่อนอยากจะขายยาบำรุง พร้อมบอกจำนวนไป ผ่านไปสักพัก ฟู่ชางติ่งค่อยมองหน้าฟางผิง “พ่อฉันบอกว่าเก้าล้าน คนอื่นๆ ก็ประมาณนี้ สามารถให้ราคานี้ได้ ไม่ถือว่าสูง แต่ไม่ได้ต่ำเช่นกัน นายคิดว่าไง?”
“เก้าล้าน…”
ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของราคา ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าว่า “ได้”
“อยากให้ฉันถามคนอื่นเพิ่มอีกไหม เผื่อนาย…”
“ไม่เป็นไร”
ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เก้าล้านไม่ถือว่าต่ำเลย ฉันเข้าใจดี ทั้งยังปลอดภัยกว่ามาก”
การค้าขายในครั้งเดียวแบบนี้ ไม่ต้องยุ่งยากมาก ทั้งยังปลอดภัยอีกด้วย
“ได้”
ฟู่ชางติ่งก็ไม่ฝืนต่อ ราคานี้ไม่ได้ถูกเกินไปเลย แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เสียเปรียบเช่นกัน
ไม่ใช่ยาบำรุงที่มาจากช่องทางส่วนตัวไม่น่าไว้ใจพวกนั้น แต่ยาบำรุงพวกนี้มาจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ทั้งสิ้น
เขาคุยกับพ่อตัวเองอีกครั้ง ก่อนฟู่ชางติ่งจะวางสาย “นายเอาเลขบัญชีมาให้ฉัน ฉันจะให้พ่อโอนเงินให้ ยาบำรุงเอาให้ฉันก็พอแล้ว”
ฟางผิงโยนยาบำรุงให้เขาทั้งหมด “ลองตรวจดูเองตอนนี้เลย จะได้ไม่เกิดอะไรผิดพลาดตอนหลัง”
“ได้”
ของราคาตั้งเก้าล้าน ฟู่ชางติ่งไม่คิดแสร้งทำเป็นใจใหญ่ หากเกิดเรื่องหลังจากนี้ กลับจะให้ทั้งสองคนตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
ฟู่ชางติ่งตรวจสอบอย่างรวดเร็ว เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เรียบร้อยดี ว่าแต่นายไปเอายาบำรุงจากไหนมามากมายขนาดนี้? เอาคะแนนแลกทั้งหมดแล้ว คงไม่ได้เยอะขนาดนี้?”
“รวบรวมไว้”
“นายจะไม่ฝึกวิชาแล้วหรือไง?”
“ฉันยังเหลือไว้บ้างเหมือนกัน”
“มีเงินจริงๆ…”
ฟู่ชางติ่งพูดแขวะ ระหว่างที่รอโอนเงินทั้งสองคนก็พูดคุยกัน
“ได้ยินข่าวหรือยัง?”
“อะไร?”
บางครั้งฟางผิงก็ได้ฟังข่าวซุบซิบจากฟู่ชางติ่งอยู่บ่อยครั้ง เขาไม่มีช่องทางของข้อมูลพวกนี้
“มหาวิทยาลัยปักกิ่งตั้งคลาสฝึกพิเศษขึ้นมา”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เอ่ยพลางครุ่นคิด “ฉันได้ยินว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปก็ตั้งคลาสฝึกพิเศษขึ้นมาเหมือนกัน ตั้งคลาสฝึกพิเศษทำไมกัน?”
“เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับหวังจินหยางเล็กน้อย…”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ครั้งนี้ฉันกลับบ้านได้ยินว่า ช่วงนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู่ทั่วไปและมหาวิทยาลัยดังอย่างเซี่ยงไฮ้ปักกิ่งพวกนี้เกิดเรื่องวุ่นวาย หลักๆ น่าจะเพราะหวังจินหยาง! หมอนี้เข้าสู่ขั้นหนึ่งก็โจมตีนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ขั้นหนึ่ง พอทะลวงขั้นสาม ยังไปโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของปักกิ่งจำนวนไม่น้อย ดังนั้นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจึงโจมตีว่า มหาวิทยาลัยดังพวกนี้ต้องการแต่ทรัพยากร ปรากฏว่ากลับสั่งสอนพวกนักศึกษาออกมาไม่ได้เรื่อง การที่มีทรัพยากรมากเกินไป ทำให้พวกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังขาดความสามารถในการแข่งขันและการจ่ายแลกเปลี่ยนค่าตอบแทน”
“เมื่อเป็นอย่างนี้ ไม่ช้าก็เร็วนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยดังคงจะเป็นเหมือนกับผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป มีดีแค่ปราณเท่านั้น พวกมหาวิทยาลัยดังไม่อาจยอมรับอยู่แล้ว หวังจินหยางเป็นแค่กรณีพิเศษ ไม่อยากมองเป็นเรื่องทั่วไปได้ มหาวิทยาลัยไม่ได้สั่งสอนคนใดคนหนึ่ง แต่สั่งสอนนักศึกษาทุกคน ดังนั้นทะเลาะกันไปทะเลาะกันมา องค์กรอื่นๆ เลยออกมาห้ามทัพ สถานการณ์น่าจะประมาณนี้ ทั้งสองฝ่ายแตกคอกันเอาเรื่อง ช่วงนี้ทางปักกิ่งส่งปรมาจารย์ขั้นเจ็ดขั้นแปดไปถกเถียง ทางเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์ไปเช่นกัน อันที่จริงทั้งสองฝ่ายต่างทะเลาะกันมาช่วงหนึ่งแล้ว…”
ฟางผิงขมวดคิ้ว เรื่องนี้เขาได้ยินฉินเฟิ่งชิงพูดมาก่อนแล้ว เพียงคาดไม่ถึงว่าตอนนี้จะทะเลาะกันหนักกว่าเดิม
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปไม่อยากเป็นเบี้ยล่างตลอดไป จัดสรรทรัพยากรให้น้อยขนาดนั้น พวกนักศึกษาต่างพัฒนาอย่างยากลำบาก
ในมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ เด็กใหม่แทบจะทะลวงขั้นหนึ่งได้อย่างสบายๆ ที่บ้านก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร
แต่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป ยังต้องพึ่งเงินตัวเอง เงินหลายแสนไม่ใช่จำนวนน้อยๆ
ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ใช่ว่าทุกครอบครัวจะสามารถแบกรับภาระนี้ไหว
ตอนนี้หวังจินหยางที่มาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป สามารถจัดการขั้นหนึ่งและขั้นสามได้เรียบ จึงถูกพวกมหาวิทยาลัยทั่วไปใช้เป็นจุดอ่อน แต่มหาวิทยาลัยดังก็ไม่พอใจเช่นกัน หวังจินหยางไม่ใช่ปรากฏการณ์ทั่วไป แต่เป็นกรณีพิเศษ
นำคนๆ เดียวมาตัดสินผลการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยดัง นี่เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
สุดท้ายฟู่ช่างติ่งเอ่ยว่า “ดังนั้นท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายจึงตัดสินใจว่า ครั้งนี้จะใช้เด็กใหม่เป็นกรณีศึกษา พิสูจน์ว่ามหาวิทยาลัยดังไม่ได้สอนเด็กใหม่เก่งกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปเลย แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยดังมีเงื่อนไขรับนักเรียนสูงมาก ต้องแข็งแกร่งกว่ามหาวิทยาลัยทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นมหาวิทยาลัยทั่วไปจึงเป็นพันธมิตรกัน ตกลงกับพวกมหาวิทยาลัยปักกิ่งเซี่ยงไฮ้ พวกมหาวิทยาลัยทั่วไปนับเป็นฝั่งหนึ่ง สองมหาวิทยาลัยดังนับเป็นอย่างละฝั่ง พวกมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงที่อยู่ระดับสองก็นับเป็นอีกฝั่งหนึ่ง รวมทั้งหมดสี่ฝั่ง สิ้นสุดเทอมนี้ต้องส่งตัวแทนนักศึกษาของแต่ละฝั่ง พิสูจน์ประสิทธิภาพการสอนของแต่ละมหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยทั่วไปจัดตั้งคลาสฝึกพิเศษ เพื่อเตรียมพร้อมกับเรื่องนี้ แต่ละมหาวิทยาลัยพากันดึงตัวนักศึกษาหัวกะทิออกมาฝึกฝนเป็นพิเศษ มหาวิทยาลัยเดียวสู้เซี่ยงไฮ้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่มหาวิทยาลัยทั่วไปร่วมมือกันเกือบแปดสิบแห่ง! แต่ละแห่งมีอัจฉริยะหนึ่งคน ก็ต้องมีแปดสิบคนแล้ว แทบไม่ต้องคิดคงเดาได้ว่า จากนี้มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งต้องกดดันแน่ๆ”
ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “นายหมายความว่าจบเทอมนี้ทั้งสี่ฝ่ายจะแข่งขันกัน?”
“อืม ทั้งเป็นการแข่งขันที่ค่อนข้างจริงจังด้วย” ฟู่ชางติ่งเอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“นี่เกี่ยวพันถึงการแบ่งทรัพยากรต่อจากนี้ กระทั่ง…รวมถึงการแบ่งหุ้นส่วนในบริษัทยาบำรุงผลิตอาวุธต่างๆ พวกนี้ด้วย หากมหาวิทยาลัยดังแพ้จริงๆ หลังจากนี้ทรัพยากรคงถูกลดทอนไป คิดจะแลกเปลี่ยนยาบำรุงที่ถูกกว่าราคาตลาดสามส่วน คงเป็นได้แค่ฝันแล้ว อย่ามองว่าลดไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ราคาต่างภายในนั้นแทบห่างราวฟ้ากับเหว…”
เรื่องนี้ฟางผิงเข้าใจดี ถอนหายใจว่า “หรือมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะจัดตั้งคลาสฝึกพิเศษขึ้นมาเหมือนกัน?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ยังไม่มีข่าวอะไร แต่ฉันคิดว่าเป็นไปได้ มดเยอะกัดช้างตายได้ ตอนนี้ทุกคนเพิ่งจะเริ่มต้นระยะห่างไม่ต่างกันมากอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยทั่วไปรวบรวมทรัพยากรเลี้ยงดูสั่งสอนนักศึกษาคนหนึ่ง ต้องมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว มหาวิทยาลัยเยอะขนาดนั้นต้องมีอัจฉริยะอยู่บ้างแน่นอน”
ฟางผิงเอ่ยพลางครุ่นคิดว่า “ค่อยดูกันต่อไปเถอะ นายมีความคิดยังไง?”
“มีแน่นอน หากต้องฝึกคนกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ ต้องมีทรัพยากรจัดสรรให้ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ อยู่แล้ว”
“จ่ายออกไปถึงจะได้สิ่งตอบแทน…”
ฟางผิงพึมพำเสียงเบา ได้ประโยชน์แล้วก็ต้องทำหน้าที่ออกรบให้มหาวิทยาลัย นั่นเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ระหว่างที่พูด มือถือของฟางผิงมีเสียงข้อความดังขึ้นพอดี
เงินเข้าบัญชีแล้ว!
ฟางผิงเผยสีหน้าดีใจ ตอนนี้ค่าทรัพย์สินเขาทำลายสถิติใหม่อีกครั้ง แตะถึงแปดล้านหกแสนหยวน!
เงินสดเก้าล้านเข้าบัญชี ก่อนหน้านี้ให้ค่าทรัพย์สินเขามาแล้วหนึ่งล้านเก้าแสนหยวน
หากเอาเงินสดเก้าล้านแลกเปลี่ยนเป็นคะแนน จะมีสามร้อยคะแนน สามารถแลกยาบำรุงได้หนึ่งร้อยเม็ด
แต่ยึดจากราคาข้างนอก ที่จริงก็ประมาณเก้าล้านเหมือนกัน หากไม่มีการเพิ่มขึ้น คงไม่อาจขยับค่าทรัพย์สินได้
ดังนั้นคิดจะซื้อเข้าขายออกอยู่อย่างนี้ เป็นวิธีที่ใช้ไม่ได้
คะแนนยังต้องหามาเอง อาศัยเงินสดแลกเปลี่ยน เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยคุ้มค่า
ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เงินสดก็สูงถึงเก้าล้านหยวน แม้ตอนนี้จะเหลือยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสองหนึ่งเม็ด ฟางผิงยังคงรู้สึกพอใจอย่างมาก
———————–