ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 120-2 การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ (2)
ตอนที่ 120 การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ (2)
สิ้นเสียงของถังเฟิงมีคนถามขึ้นมาว่า “อาจารย์ถัง ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้นเหรอครับ?”
“หลอมกระดูกสองครั้งก็ได้”
“อาจารย์ถัง จุดประสงค์ที่เปิดคลาสฝึกพิเศษคืออะไรเหรอคะ?”
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีช่องทางข้อมูลข่าวสารไปเสียหมด หลายคนยังไม่ทราบถึงความหมายที่แท้จริงของการเปิดคลาสฝึกพิเศษ
ถังเฟิงเผยรอยยิ้ม “เพื่อบ่มเพาะความสามารถในการต่อสู้ของนักศึกษาใหม่ รวมทั้งช่วงชิงเกียรติยศให้มหาวิทยาลัย! ปลายปีนี้ มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งทั่วประเทศ จะเปิดการแข่งขันแลกเปลี่ยน พวกนายก็น่าจะรู้ เมื่อก่อนมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนแบบนี้เหมือนกัน แต่เป็นการจัดขนาดเล็กๆ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ภายในเซี่ยงไฮ้ อาจจะจัดการแข่งขันแลกเปลี่ยนเล็กๆ แบบนี้เช่นกัน ระดับมณฑลคงน้อยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับประเทศ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานศึกษาระดับสูงสุด การแข่งขันแลกเปลี่ยนระดับประเทศแบบนี้ต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว ทั้งยังต้องได้รับคะแนนยอดเยี่ยมด้วย! แม้ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง พวกเราก็ต้องเอาชนะให้ได้ นี่เป็นคำสั่งขั้นเด็ดขาดจากทางมหาวิทยาลัย”
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ?”
“ต้องแข่งขันกับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งอย่างนั้นเหรอ?”
“ฉันได้ยินว่าพวกคนทางเหนือดุดันอำมหิต แข่งกับพวกเขาคงจะไม่บาดเจ็บหรอกนะ?”
“…”
ทุกคนพากันซุบซิบขึ้นมา ในสายตาของพวกเขามีแค่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งเท่านั้น ไม่ได้มองการแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศเป็นเรื่องใหญ่อะไร
มหาวิทยาลัยทั่วไปแห่งอื่นแทบไม่อยู่ในสายตา
ตั้งแต่โบราณมีคำกล่าวที่ว่านักกวีไม่กล้าชมตัวเองว่าเป็นที่หนึ่ง นักสู้กลับชมว่าตัวเองว่าไม่เป็นรองใคร
มหาวิทยาลัยสายสังคม ใครเป็นที่หนึ่งหรือที่สองแทบพูดได้ยาก ทั้งไม่อาจแข่งขันกันได้ด้วย
แต่มหาวิทยาลัยสายศิลปะการต่อสู้บางครั้งกลับค่อนข้างชัดเจน
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งเคยแลกเปลี่ยนความรู้กันมาก่อนเหมือนกัน แต่เซี่ยงไฮ้แพ้บ่อยชนะน้อยครั้ง
แม้จะเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังเหมือนกัน แต่ในสายตาคนส่วนมาก มหาวิทยาลัยปักกิ่งยังอยู่เหนือกว่าเซี่ยงไฮ้อยู่บ้าง
แม้ตอนนี้ทางการจะไม่มีการจัดอันดับออกมา แต่ในสายตาของส่วนใหญ่ รวมทั้งในอินเตอร์เน็ต ยังมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อยู่ฉบับหนึ่ง
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งคืออันดับหนึ่ง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ถูกจัดไว้ในอันดับสอง
ฟางผิงที่เงียบมาโดยตลอด จู่ๆ ก็ถามว่า “อาจารย์ถัง เข้าคลาสฝึกพิเศษแล้ว ก็จะได้เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนเลยเหรอครับ?”
ถังเฟิงมองเขา ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่อย่างนั้น คลาสฝึกพิเศษมีทั้งหมดห้าสิบคน ท้ายที่สุดคงไม่อาจมีคนเข้าร่วมเยอะขนาดนั้น หลักๆ แล้วเท่าไหร่ ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ปกติแล้วจะจำกัดที่สิบคน”
“งั้นหมายความว่า แม้จะเข้าร่วมคลาสพิเศษก็ใช่ว่าจะได้เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนเสมอไป?”
“ถูกแล้ว”
ฟางผิงไม่ถามอะไรอีก รักษาความเงียบอย่างเช่นเคย
ในเมื่อไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันเสมอไป ก็ควรต้องเข้าคลาสฝึกพิเศษสักหน่อย สิบคะแนนไม่ถือว่าน้อยเลย สามารถแลกเปลี่ยนยาบำรุงเลือดและปราณขั้นหนึ่งได้หนึ่งเม็ด
เขาถามจบแล้ว ทางจ้าวเหล่ยเอ่ยด้วยเสียงดังเช่นกัน “อาจารย์ครับ คัดเลือกห้าสิบคน รุ่นพวกเราตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธ์กว่าร้อยคน แล้วจะเลือกยังไงเหรอครับ?”
ถังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูจากค่าปราณ ระดับการหลอมกระดูกและความก้าวหน้าของเคล็ดวิชาต่อสู้”
“ไม่ต่อสู้ในสถานการณ์จริงเหรอครับ?”
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็น แต่เข้าคลาสฝึกพิเศษแล้ว จะมีโอกาสนั้นแน่นอน”
ช่วงแรกจะทำเพียงแค่คัดเลือก มหาวิทยาลัยไม่ได้รีบร้อนจะทำให้เสร็จในครั้งเดียว นักศึกษาที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ความสามารถการต่อสู้ในสถานการณ์จริงล้วนมีอย่างจำกัด
จ้าวเหล่ยได้ฟัง รู้สึกเสียดายอยู่บ้าง ใช้หางตาเหลือบมองฟางผิง
ฟู่ชางติ่งที่นั่งอยู่ข้างฟางผิงกระซิบว่า “หมอนั่นหมายตานายแล้ว!”
ฟางผิงไม่สนใจ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ไม่ต้องสนเขา การแข่งขันด้วยปณิธานนั้นไม่มีความหมายหรอก ถ้ามีประโยชน์คงจะเข้าร่วม ไร้ประโยชน์ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ”
คลาสฝึกพิเศษมีประโยชน์ ฟางผิงต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีผลดีอะไร เขาไม่เข้าร่วมแน่นอน
ได้ผลประโยชน์แล้ว สุดท้ายจะไปแข่งขันแลกเปลี่ยนหรือเปล่า ต้องดูว่าประโยชน์เพียงพอหรือไม่ คุ้มค่าหรือเปล่า
หากคุ้มค่าให้เสี่ยงชีวิต คงต้องไปอยู่ดี แม้ฟางผิงจะกลัวตายก็ตาม
ถ้าประโยชน์ไม่เพียงพอ ค่อยทำเป็นกลัวตายแล้วกัน มหาวิทยาลัยไม่อาจบังคับขู่เข็ญใครไปเข้าร่วมอยู่แล้ว ไม่งั้นขึ้นเวทีไปยอมแพ้ต่อหน้าทุกคน หน้าตาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้คงหมดสิ้นแล้ว
อันที่จริงฟางผิงสามารถคาดเดาได้ การเข้าร่วมแข่งขันแลกเปลี่ยนมีผลประโยชน์ให้ไม่น้อยแน่ๆ กลับไปค่อยว่ากันอีกที เข้าคลาสฝึกพิเศษก่อน ต้องเอาความได้เปรียบเป็นหลัก
—
หลังจากถังเฟิงประกาศ การรับสมัครก็เริ่มขึ้น
ผู้ฝึกยุทธ์และคนที่หลอมกระดูกสองครั้งแทบจะสมัครกันทุกคน
เมื่อรวมออกมาแล้ว ท้ายที่สุดคาดไม่ถึงว่าจะมีคนมากถึงหนึ่งร้อยสี่สิบคน!
ตอนที่เปิดเรียน ผู้ฝึกยุทธ์มีหกสิบกว่าคนเท่านั้น ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวแล้ว!
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทำงานได้รวดเร็วอยู่แล้ว การรับสมัครสิ้นสุดลง มหาวิทยาลัยจะจัดการคัดเลือกคนในวันพรุ่งนี้ ฟางผิงไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาคิดว่าตัวเองเข้าคลาสฝึกพิเศษได้แน่นอน
เรื่องการประลองของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ นักศึกษาทั่วไปอาจไม่รู้เรื่องราว แต่มหาวิทยาลัยจะไม่รู้ได้เหรอ ยังไงก็มีนักศึกษาตายตั้งสองคน
ความสามารถของฟางผิงไม่อ่อนด้อย ไม่ติดในห้าสิบคนคงไร้เหตุผลน่าดู
—
โรงฝึกซ้อมตอนเย็น
หลู่เฟิ่งโหรวยืนมือไขว้หลัง เอ่ยเรียบนิ่ง “สมัครคลาสฝึกพิเศษไปแล้ว?”
“ครับ”
“สมัครแล้วค่ะ”
ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยตอบพร้อมกัน
“ตอนแรกฉันคิดว่าสุดท้ายจะเป็นการงัดข้อระหว่างมหาวิทยาลัย ให้พวกปรมาจารย์มาถกเถียงกันซะอีก นึกไม่ถึงว่าจะให้พวกนักศึกษามาเป็นตัวตัดสิน”
หลู่เฟิ่งโหรวมองทะลุปรุโปร่งถึงต้นสายปลายเหตุเรื่องนี้ดี ครุ่นคิดก่อนเอ่ยว่า “ตอนนี้มีเวลาสามเดือนก่อนจะหมดเทอม จะว่ายาวก็ไม่ยาว สั้นก็ไม่สั้น มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปร่วมมือกันทั้งๆ ที่รู้ซึ้งถึงความสามารถของสองมหาวิทยาลัยดังดี ยังกล้าจัดการประลองแข่งขันแลกเปลี่ยน แค่นี้ก็มองออกแล้วคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา นักศึกษาใหม่ส่วนมากแทบไม่เห็นพวกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปอยู่ในสายตา มองโลกแคบเกินไป ขึ้นชื่อว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยทั่วไป ปกติล้วนมีปรมาจารย์หนึ่งคนนั่งรักษาการณ์อยู่ ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยไม่สามารถนำมาตัดสินฝีมือคนใดคนหนึ่งได้ ทั้งไม่อาจนำมาตัดสินมหาวิทยาลัยใดมหาวิทยาลัยหนึ่งได้เช่นกัน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมีเยอะขนาดนี้ สิบแห่งคงจะมีอัจฉริยะสักหนึ่งคน แต่นั่นถือว่าไม่น้อยแล้ว”
“เวลาสามเดือน เข้าสู่ขั้นสองเป็นเรื่องยากยิ่ง แต่ทะลวงขั้นหนึ่งกลับไม่ได้ยากจนเกินไป ทุกคนอยู่ขั้นหนึ่งเหมือนกัน เวลานั้นทุกคนแข่งขันบนพื้นฐานของตัวเอง ระดับปราณ การหลอมกระดูก ทักษะจวงกง เคล็ดวิชาต่อสู้ รวมทั้งประสบการณ์ต่อสู้ในสถานการณ์จริง อย่าได้ดูถูกอัจฉริยะของมหาวิทยาลัยทั่วไปเชียว ไม่งั้นผลลัพธ์คงยากจะคาดเดา อีกอย่าง อย่ามองว่าพวกมหาวิทยาลัยระดับรองพวกนั้นเอาแต่นิ่งเงียบเหมือนเรื่องทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพวกเขา ในเมื่ออีกฝ่ายเข้าร่วมแล้ว ทั้งยังขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่ฝ่ายที่เข้าร่วม นั่นหมายความว่าพวกเขาก็มีแผนการ…”
ฟางผิงพึมพำว่า “อาจารย์ พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนจนถึงท้ายที่สุดนี่ครับ”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียงว่า “ความคิดแบบนี้ใช่ว่าจะมีแค่นายคนเดียว ในเมื่อเข้าคลาสฝึกพิเศษแล้ว นายคิดว่าสุดท้ายพวกนายไม่อยากเข้าร่วมก็ไม่ต้องเข้าร่วมแล้ว? แน่นอนว่ามหาวิทยาลัยไม่อาจบังคับพวกนาย ถึงเวลานั้นจะมีผลประโยชน์ออกมาล่อ ทั้งกระตุ้นพวกนายให้รู้สึกถึงเกียรติยศ กล่อมด้วยเรื่องชื่อเสียง…จะมีกี่คนที่ทนได้จริงๆ? ถึงเวลานั้นจะมีแต่คนแย่งเข้าร่วม!”
คำพูดนี้ออกมาจากปากหลู่เฟิ่งโหรว ฟางผิงอยากขำอยู่บ้าง แต่มาคิดดูแล้วก็ถูก เรื่องแบบนี้ไม่แปลกอะไร
หลู่เฟิ่งโหรวไม่พูดมากอีก พูดคร่าวๆ แล้ว ค่อยมองมาทางฟางผิง
“นายพัฒนาอย่างรวดเร็ว ได้ยินว่าช่วงนี้ขาดแคลนเงิน ใช้คะแนนไปหมดแล้ว ครุ่นคิดเรื่องจะรับภารกิจหรือยัง?”
ที่จริงตอนนี้ฟางผิงไม่ได้ขาดแคลนเงินขนาดนั้น รวมถึงค่าทรัพย์สินเช่นกัน แต่ยังคงพยักหน้าว่า “ผมอยากดูก่อนว่ามีภารกิจอะไรบ้าง ดูสถานการณ์ก่อนค่อยตัดสินใจ”
“ได้!”
“ตามฉันมา”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่อ้อมค้อม สาวเท้าออกจากประตูทันที ฟางผิงรีบตามไป จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ด้านข้างกัดฟัน ก่อนจะตามไปเช่นกัน
———————–