ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 126 พระเจ้าส่งฉันมากอบกู้โลก (1)
ตอนที่ 126 พระเจ้าส่งฉันมากอบกู้โลก (1)
เวลานี้ในห้องเรียนตกสู่ความเงียบสงบ
ทุกคนต่างกำลังย่อยข้อมูลที่ตัวเองได้รับ
ผ่านไปพักใหญ่ หยางเสี่ยวม่านเอ่ยว่า “อาจารย์คะ ฟังจากที่อาจารย์พูด ก่อนหน้านี้มีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามเท่านั้นที่สามารถรู้เรื่องนี้ได้ ตอนนี้อาจารย์เอามาบอกพวกเราก่อน หมายความว่า…”
ไป๋รั่วซีลูบผมตัวเอง เอ่ยเสียงเบาว่า “ฉันไม่รู้”
“ปี 1920 ปากทางเข้าถ้ำมีแค่สามแห่ง แม้เวลานั้นสถานการณ์จะตึงเครียดอยู่บ้าง แต่รัฐบาลยังสามารถควบคุมได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะปิดบังต่อสาธารณะชน พอเป็นแบบนี้ก็จะลดทอนความตื่นตระหนกลงได้ อันที่จริงยังคงประคองสถานการณ์มาได้หลายปี แต่มาไม่กี่ปีนี้มีเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเกิดขึ้น…”
ไป๋รั่วซียิ้มเจื่อน “ฉันไม่รู้เหมือนกันว่า การพัฒนาของเทคโนโลยีเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่ เมื่อก่อนรับรู้ข่าวสารได้ยาก เบื้องบนอยากจะปิดบังเรื่องใดก็ง่ายอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้กลับยากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ ดังนั้นฉันคิดว่า ในอนาคตเรื่องนี้คงจะแพร่กระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น จนถึงกระทั่งอาจจะรู้ทั่วกัน ตอนนี้เปิดเผยให้พวกเธอก่อน เพราะพวกเธอคือนักศึกษาแนวหน้า แน่นอนว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่ง…เพราะสถานการณ์ทางถ้ำใต้ดินเลวร้ายขึ้น ต้องการกำลังคนที่มากกว่าเดิม ผู้ฝึกยุทธ์อยากจะพัฒนาความสามารถ ต้องการทรัพยากร แต่ทรัพยากรมีอย่างจำกัด เวลานี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจึงอยากแย่งชิงทรัพยากร…บอกว่าแย่งชิงน่าจะเกินไปอยู่บ้าง อันที่จริงทุกคนต่างทำเพื่อมนุษยชาติ พวกเขาทำเพื่อยับยั้งเหตุที่ถ้ำใต้ดิน ดังนั้นฉันไม่อาจพูดว่าเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิดได้”
“แต่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ไม่อยากถูกแย่งทรัพยากรไป เพราะพวกเขาก็ต้องควบคุมทางเข้าถ้ำแห่งหนึ่งเหมือนกัน ยังต้องการทรัพยากรจำนวนมาก แม้ว่าตอนนี้พวกเธอยังไม่แข็งแกร่ง แต่ถือว่าเป็นส่วนสำคัญเช่นกัน บอกเรื่องนี้ให้พวกเธอ เพราะอยากให้พวกเธอรู้ว่าการแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้ต้องชนะเท่านั้น! ชนะแล้ว มหาวิทยาลัยถึงจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน บ่มเพาะสั่งสอนพวกเธอต่อไปได้ แต่ถ้าแพ้ เมื่อทรัพยากรถูกลดทอนไป งั้นพวกเราคงทำได้เพียงละทิ้งคนส่วนหนึ่งไป หรืออาจจะได้รับทรัพยากรยากขึ้นกว่าเดิม เหมือนตอนนี้ไม่ทันไรก็ได้มาสิบคะแนน ภายหลังเกรงว่าจะทำอย่างนั้นไม่ได้แล้ว หลังจากนี้พวกเธอจะฝึกวิชายากลำบากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งอาจจะเป็นเหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไป ส่วนมากจะจบการศึกษาด้วยขั้นหนึ่ง ขั้นสองกลับกลายเป็นพวกหัวกะทิ เมื่อก่อนความสามารถอ่อนด้อยคงไม่เป็นไร แต่ตอนนี้…”
ไป๋รั่วซีส่ายหัวเล็กน้อย ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นตึงเครียดแล้ว ภายหลังผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดอาจต้องเข้าไปในถ้ำใต้ดินก็ได้ ถึงเวลานั้นใครอ่อนแอต้องตายไวกว่าคนอื่น
ทุกคนต่างเป็นคนฉลาด แม้ไป๋รั่วซีจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่พวกเขาล้วนเข้าใจถึงความนัย
ฟางผิงขมวดคิ้วมุ่น ตอนนี้ค่อยนับว่าเขาได้เข้าใจเรื่องที่หลู่เฟิ่งโหรวพูดมาก่อนหน้านี้อย่างแท้จริง ทั้งกระจ่างใจแล้วว่า ทำไมผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามถึงอันตรายขนาดนั้น
ตอนนี้จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ?
หรือผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสาม จะต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องเร็วๆ นี้เหมือนกัน?
หากเรื่องแพร่ไปถึงสาธารณะชน ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องต่อกรกับภัยร้ายเช่นกัน เวลานั้นเกรงว่าคงหมดทางถอย ต้องสู้อย่างสุดตัว
ตอนนี้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุข เพราะว่าไม่รู้เรื่องราวพวกนี้ ถ้าทราบเรื่องเข้า คนธรรมดาพวกนั้นยังจะนั่งติดที่อย่างนั้นเหรอ?
พอตระหนักว่าสามารถเผชิญหน้ากับภัยที่อันตรายถึงชีวิตได้ตลอดเวลา อย่างอื่นยังไม่พูดถึง
แต่นึกได้ว่าข้างล่างนี้มีปากทางเข้าถ้ำใต้ดินอยู่ เกรงว่าเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้คงตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายทันที
คนนับแสนนับล้านต่างอยากหนีตายออกจากเซี่ยงไฮ้ ไปยังสถานที่อื่นที่ไม่มีทางเข้าถ้ำใต้ดิน
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้คงถูกทิ้งร้าง เมื่อกลายเป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า เศรษฐกิจยังต้องซบเซาไปหลายปี
บางครั้งต่อสู้ก็เพื่อหาเงิน เพื่อผลิตประชากร
ไม่มีเงิน ไม่มีการผลิตประชากร อนาคตไม่มั่นคง จะเอาทรัพยากรจำนวนมากมาจากไหนให้ผู้ฝึกยุทธ์
เข้าเรียนวิชาแรกของคลาสฝึกพิเศษ พวกฟางผิงต่างสติล่องลอย ในใจราวกับแบกรับภาระหนักอึ้งไว้
ฟางผิงรู้สึกหายใจไม่สะดวกอยู่บ้าง พวกเขาต้องเข้าไปในถ้ำใต้ดินเหมือนกันเหรอ?
ใครบ้างจะไม่กลัวตาย!
ฟางผิงกลัวตายเช่นกัน
ต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ด้วยกัน ต่างคนต่างกลัวกัน แต่เมื่อเข้าไปในถ้ำใต้ดิน สิ่งมีชีวิตใต้ดินพวกนั้นกลัวตายอย่างนั้นเหรอ?
ไป๋รั่วซีรอทุกคนย่อยข้อมูลแล้ว ไม่นานก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอนว่าตอนนี้สถานการณ์ยังไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทุกคนไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป ประเทศจีนมีปรมาจารย์มากมาย ผู้ฝึกยุทธ์ก็ไม่ใช่น้อยๆ ยังคงเป็นเหมือนเมื่อก่อน คอยยับยั้งผู้รุกล้ำออกมานอกถ้ำใต้ดิน จะเข้าไปข้างในหรือไม่ เป็นความสมัครใจ ถ้ำใต้ดินแฝงด้วยอันตราย แต่ก็มีโอกาสรออยู่เหมือนกัน โลกของถ้ำใต้ดิน มีทรัพยากรหลากหลายกว่าโลกของพวกเรา ในที่แห่งนั้นพวกเธอจะได้รับของดีมากมาย หนึ่งในนั้นอย่างเช่นพลังงานแร่ ขนาดแค่เล็บมือก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาบำรุงระดับสูงเม็ดหนึ่งได้แล้ว แม้พวกแร่หินขนาดใหญ่จะอยู่ในส่วนที่ลึก แต่บริเวณรอบนอกก็ยังพอมีอยู่ ปกติสิ่งชีวิตใต้ดินจะใช้พลังงานแร่เช่นกัน อาวุธและยาบำรุงต่างหาได้จากถ้ำใต้ดิน ดังนั้นทุกคนอย่าได้กังวลจนเกินไป ปัจจุบันประเทศจีนมีผู้ฝึกยุทธ์เยอะขนาดนี้ได้ เป็นเพราะถ้ำใต้ดินเหมือนกัน ทำได้แค่พูดว่ามีประโยชน์และมีโทษในเวลาเดียวกัน”
ไป๋รั่วซีเริ่มปลอบประโลมพวกนักศึกษา ทั้งเล่าเรื่องมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติให้ทุกคนฟัง
ผ่านไปพักใหญ่ ทุกคนค่อยฟื้นคืนท่าทีดั่งเช่นเคย
ในใจของฟางผิงค่อยๆ เงียบสงบลง เอ่ยถามว่า “อาจารย์ครับ ทางเข้าถ้ำใต้ดินยังจะเพิ่มได้อีก? ในนี้มีหลักเกณฑ์อะไรหรือเปล่าครับ?”
เขากังวลว่าหากวันใด จู่ๆ หยางเฉิงมีทางเข้าถ้ำใต้ดินผุดขึ้นมา คงจะเป็นอันตรายแล้ว
ไป๋รั่วซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “การปรากฏของทางเข้าถ้ำใต้ดินล้วนอยู่ในการคาดการณ์ พวกผู้ฝึกยุทธ์สามารถค้นพบได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลจนเกินไป ส่วนหลักเกณฑ์…เฉลี่ยประมาณห้าปี จะเกิดทางเข้าเพิ่มขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง”
ตั้งแต่ปี 1920 จนถึงตอนนี้ นับเป็นแปดสิบแปดปี มีทางเข้าเพิ่มขึ้นมาสิบเก้าแห่ง สี่ปีนิดๆ ถึงจะเกิดทางเข้าใหม่มาหนึ่งแห่ง
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ไม่กี่ปีนี้ ผู้มีอำนาจยิ่งยากจะควบคุมสถานการณ์ขึ้นเรื่อยๆ
ทางเข้าถ้ำใต้ดินมากขึ้น กำลังคนที่ใช้ได้กลับมีน้อย อันตรายจึงมากขึ้นตาม
เป็นแบบนี้ต่อไป เกรงว่าคงจะมีวันหนึ่งที่ประชาชนทั้งหมดรู้เรื่องนี้ทั่วกัน
ถึงเวลานั้น วาระสุดท้ายคงมาถึงจริงๆ แล้ว
—
บรรยากาศยังคงหนักอึ้งอยู่บ้าง
จู่ๆ ไป๋รั่วซีก็ยิ้มขึ้นมา “เอาล่ะ วันนี้เรื่องของถ้ำใต้ดินคงพูดกันแค่นี้ ตอนนี้ยังไกลตัวจากทุกคนอยู่บ้าง ข้อห้ามของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามยังไม่ถูกยกเลิก ในเมื่อพวกเราต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ งั้นมาคุยประเด็นที่น่าสนใจของผู้ฝึกยุทธ์ดีกว่า”
“ทั่วโลกและประเทศจีนต่างมีการจัดอันดับของปรมาจารย์และพวกอาวุธยุทโธปกรณ์ ทุกคนรู้หรือเปล่า?”
ผู้ฝึกยุทธ์ยังคงสนใจการจัดลำดับความสามารถและอาวุธพวกนี้อยู่แล้ว
พอไป๋รั่วซีพูดขึ้นมา ในหมู่นักศึกษาจึงมีคนพูดทันที “รู้ครับ ในอินเตอร์เน็ตก็มี”
“ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตพวกนั้นเชื่อถือไม่ได้ คนนอกวงการจะรู้ดีได้ยังไง?”
ไป๋รั่วซีดูแคลนการจัดลำดับในอินเตอร์เน็ตอยู่บ้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “การจัดลำดับในอินเตอร์เน็ต นั่นเป็นบุคคลที่ทุกคนรู้จัก อย่างอธิการบดีของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หรือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แห่งอื่น ผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยทหาร ผู้ฝึกยุทธ์ในหน่วยสืบสวน โลกข้างนอกยากที่จะรู้เรื่องพวกนี้ อันที่จริงในมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หรือจะพูดว่าหน่วยทหาร หน่วยสืบสวนและสถานศึกษา ภายในสามองค์กรใหญ่นี้ มีการจัดอันดับความสามารถฉบับหนึ่งที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามารถนับว่าเป็นส่วนของสถานศึกษา ในเมื่อพวกเธอเซ็นข้อข้อตกลงรักษาความลับแล้ว อันดับพวกนี้ก็สามารถรู้ได้เช่นกัน วันนี้ไม่ได้เตรียมมา พรุ่งนี้ฉันจะเอามาแจกให้ทุกคน อันดับปรมาจารย์เป็นการรวบรวมโดยสามองค์กรใหญ่ ทั้งอันที่จริงอาจารย์และนักศึกษาในมหาวิทยาลัยบางคนก็จัดทำตารางอันดับส่วนหนึ่งเหมือนกัน อันดับผู้ฝึกยุทธ์ระดับกลาง อันดับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม…ถ้าพวกเธอสนใจ วิชาความรู้ทั่วไปคาบหน้า พวกเราค่อยมาคุยกัน…”
ไป๋รั่วซีรู้ว่าพวกนักศึกษาสนใจเรื่องอะไร เป็นดังคาด เวลานี้เธอเบี่ยงเบนความสนใจของพวกนักศึกษาได้สำเร็จ
ทุกคนต่างคุยเรื่องการจัดอันดับขึ้นมาอย่างครึกครื้น
เห็นพวกนักศึกษาสามารถต้านทานกับความกดดันได้ ไป๋รั่วซีชื้นใจอยู่บ้าง
นี่ถึงจะเป็นนักศึกษาแนวหน้าของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!
ห้าสิบคน นี่ไม่ใช่ห้าสิบคนในหนึ่งพันห้าร้อยแปดสิบคน แต่เป็นห้าสิบคนในนักเรียนจำนวนนับสิบล้านจากทั่วประเทศ
ห้าสิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด หรืออาจจะมีจำนวนมากกว่านี้อีก มหาวิทยาลัยปักกิ่งก็มีกลุ่มนักศึกษาหัวกะทิเหมือนกัน
ท่ามกลางคนนับสิบล้าน คนที่สามารถเข้าคลาสฝึกพิเศษได้คือพวกเขาเหล่านี้
หากกระทั่งพวกเขายังยอมรับไม่ได้ ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก งั้นโลกใบนี้คงจะหมดหวังไปตั้งนานแล้ว
————————