ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 128-2 พวกเราไม่เหมือนกัน (2)
ตอนที่ 128 พวกเราไม่เหมือนกัน (2)
เดือนตุลาคม การฝึกฝนของคลาสพิเศษ หลักๆ จะรวมตัวฝึกกระบวนท่าพื้นฐาน
ทุกวันนักศึกษาของคลาสฝึกพิเศษจะได้รับยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาหนึ่งเม็ด เพื่อใช้ในการฟื้นฟูร่างกาย
วิชาไป๋รั่วซีกลายเป็นวิชาที่ชื่นชอบของนักศึกษามากที่สุด มีแค่วันนี้ที่ทุกคนจะไม่ถูกอัด
หลู่เฟิ่งโหรวนั้นลากยาวมาถึงปลายเดือนตุลาคมค่อยจะกลับมาในมหาวิทยาลัย
—
หอพักบุคลากรโซนหนึ่ง บ้านพักเลขที่แปด
ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยหมายต่างประคองหน้าบวมช้ำ เข้ามาในบ้านพัก
หลู่เฟิ่งโหรวกำลังนั่งพิงโซฟาดูทีวี
เห็นพวกเขาเข้ามา จึงเอ่ยอย่างเกียจคร้านว่า “หาที่นั่งสิ”
พวกฟางผิงนั่งลงที่โซฟาด้านหนึ่ง
“เรื่องในถ้ำใต้ดิน เสร็จสิ้นไปชั่วคราว การโจมตีครั้งนี้ถูกกวาดล้างแล้ว”
“แต่เป็นความจริงที่สิ่งมีชีวิตใต้ดินโจมตีประตูบ่อยขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ทรัพยากรจะเป็นที่ต้องการของทุกคนมากขึ้นไปอีก ตอนนี้มหาวิทยาลัยดึงออกมาใช้หมดแล้ว มหาวิทยาลัยอื่นๆ เหมือนกัน การฝึกของพวกนาย ตั้งแต่เดือนนี้ไปจะค่อยๆ ซับซ้อนขึ้น แน่นอนว่าจะอันตรายเช่นกัน ฟางผิง ตอนนี้นายหลอมกระดูกได้เท่าไหร่แล้ว?”
ต้นเดือนตุลาคม ฟางผิงหลอมกระดูกยี่สิบแปดชิ้น จนถึงตอนนี้ผ่านไปยี่สิบกว่าวัน
ฟางผิงได้ยินจึงเอ่ยว่า “หลอมสี่สิบชิ้นแล้วครับ”
“สี่สิบชิ้น?”
“ครับ หลังจากหลอมกระดูกขาขวาแล้ว การหลอมกระดูกด้านซ้ายก็เร็วขึ้นมาก”
“ไม่เลว ทำเวลาใช้ได้เลย”
หลู่เฟิ่งโหรวน้อยครั้งที่ชมแบบนี้ จ้าวเสวี่ยเหมยที่อยู่ด้านข้างเผยสีหน้าซับซ้อนราวกับจะกินคนได้ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “อาจารย์คะ ฉันก็หลอมกระดูก…สี่สิบชิ้นแล้วเหมือนกัน”
เดือนนี้เธอหลอมกระดูกได้เร็วเช่นกัน
เพราะยาบำรุงเลือดและปราณที่ได้จากคลาสฝึกพิเศษ ทำให้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องฟื้นฟูพลัง เดือนแรกเธอก็หลอมกระดูกไปแล้วสี่ชิ้น
เดือนนี้เร็วยิ่งกว่าหลอมไปแล้วห้าชิ้น
แต่ตอนที่เธอหลอมกระดูกสามสิบเอ็ดชิ้น ฟางผิงยังเป็นคนธรรมดา!
เธอหลอมกระดูกสี่สิบชิ้น คาดไม่ถึงว่าฟางผิงจะหลอมกระดูกสี่สิบชิ้นแล้วเหมือนกัน ความแตกต่างนี่มันจะเกินไปแล้ว!
หลู่เฟิ่งโหรวเอ่ยด้วยรอยยิ้มนิ่งๆ “ไม่จำเป็นต้องน้อยเนื้อต่ำใจ เขาหลอมกระดูกสามครั้งแล้ว เธอแค่ครั้งเดียว ทั้งเขายังมีความลับของตัวเอง อย่างน้อยปราณก็ฟื้นฟูได้เร็วกว่าเธอ ทำเวลาได้เร็วขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เธอเก่งมากแล้ว รอสิ้นสุดเทอมนี้ อย่างน้อยที่สุดคงหลอมได้ห้าสิบชิ้น แต่มากสุดอาจทะลวงขั้นหนึ่งตอนปลายก็ได้ ถ้าเป็นฟางผิง บางทีอาจจะทะลวงขั้นหนึ่งตอนปลายเร็วๆ นี้ แต่ว่าระดับการหลอมกระดูกและพลังปราณที่มาก ไม่ได้หมายความว่าจะมีความสามารถมากขึ้น”
ขณะที่พูด หลู่เฟิ่งโหรวเงียบไปพักหนึ่ง
“นับวันถ้ำใต้ดินก็อันตรายขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเวลานี้พวกเธอล้วนจำเป็นต้องพัฒนาความสามารถในทุกด้าน รวมถึงการต่อสู้ในสถานการณ์จริง ฟางผิง นายยังคิดเหมือนตอนนั้นหรือเปล่า ไม่รู้ว่าควรจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนดีหรือไม่?”
ฟางผิงเผยสีหน้าอึดอัดอยู่บ้าง ผ่านไปพักหนึ่งค่อยพยักหน้าว่า “ผมคิดดีแล้ว จะเข้าร่วมครับ ได้ยินว่ารางวัลครั้งนี้ไม่ใช่น้อยๆ เลย!”
ทางบริษัทไม่มีกำไรมาโดยตลอด อันที่จริงอาจทำกำไรไม่ได้เร็วขนาดนั้น นี่เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินมากในช่วงแรกอยู่แล้ว ค่าทรัพย์สินของเขาแทบจะไหลออกไปไม่ขาดสาย แม้จะเป็นเดือนนี้ เขาได้ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดามาเกือบสามสิบเม็ด แต่ค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นยังไม่เพียงพอต่อการหลอมกระดูกของเขา ตอนที่ยังไม่ทะลวงขั้นหนึ่งตอนปลาย ค่าทรัพย์สินของเขาแตะถึงแปดล้านหกแสนหยวน เดือนนี้เขาสิ้นเปลืองไปกว่าสองล้านหยวน แม้จะมียาบำรุงมาช่วยเพิ่มค่าทรัพย์สิน แต่ค่าทรัพย์สินยังลดลงไม่น้อย เมื่อวานลดลงจนเหลือแค่แปดล้านเท่านั้น
“เสวี่ยเหมย เธอล่ะ?”
จ้าวเสวี่ยเหมยทำหน้าเด็ดเดี่ยว “ฉันจะเข้าร่วมค่ะ แต่ว่า…แต่ว่าฉันอาจจะไม่มีโอกาสนี้เสมอไป”
ในคลาสฝึกพิเศษเธอไม่ได้มีความสามารถอ่อนด้อยเลย แต่คนที่มีความสามารถเท่าเทียมกับเธอ ยังมีอีกประมาณสิบยี่สิบคน
สุดท้ายแล้ว เธออาจจะไม่มีโอกาสเข้าร่วมเสมอไป
หลู่เฟิ่งโหรวไม่คิดปลอบใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อคิดแบบนี้ คงไม่มีปัญหาแล้ว มีความคิดอย่างนี้ถึงจะมีแรงผลักดันให้ก้าวสูงขึ้นไป ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ของพวกเธอ หากพวกเธอสามารถเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนจนถึงรอบสุดท้ายได้ ทั้งเผยความสามารถโดดเด่น ก็จะเป็นหน้าเป็นตาให้ฉันเหมือนกัน ตอนเย็นพวกเธอกลับไปเก็บข้าวของสักหน่อย ลาเรียนสองวัน สองวันนี้ฉันจะพาพวกเธอออกไปข้างนอก”
ฟางผิงไม่สบายใจอยู่บ้าง กดเสียงว่า “อาจารย์ คงไม่ใช่ไปถ้ำใต้ดินหรอกนะครับ?”
“ฮ่าๆ!”
หลู่เฟิ่งโหรวทำสีหน้าดูแคลน ไม่ตอบอะไร
มือใหม่สองคน ให้เธอพาพวกเขาไปตายในถ้ำใต้ดินหรือไง?
แม้ก่อนหน้านี้ฟางผิงจะฆ่าคนไปสองคนก็ยังคงเป็นมือใหม่อยู่ดี
—
ออกมาจากห้องพักเลขที่แปดแล้ว ฟางผิงมองไปยังจ้าวเสวี่ยเหมยว่า “เธอคิดว่าอาจารย์จะพาพวกเราไปที่ไหน?”
“ไม่รู้สิ”
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่รู้ ทั้งไม่อยากคาดเดา เอ่ยส่งๆ ว่า “ไปไหนก็ได้ทั้งนั้น ฉันคิดว่าเป็นเรื่องดี”
“ใช่ว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป ฉันคิดมาตลอดว่า อาจารย์ของพวกเราไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไหร่”
จ้าวเสวี่ยเหมยชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง เดินห่างออกไปสักช่วงค่อยเอ่ยว่า “ปลาหมอตายเพราะปาก นายไม่รู้หรือว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก ฟังเสียงได้ไกลแค่ไหน?”
“อาจารย์คงไม่ว่างขนาดนั้นหรอก?”
“ไม่แน่เสมอไป”
จ้าวเสวี่ยเหมยหัวเราะ รู้สึกอารมณ์ดีที่เห็นคนอื่นกำลังจะเดือดร้อน “ดูท่านายจะโดนอัดไม่พอ”
“พูดอย่างกับว่าเธอไม่ได้โดนอัดอย่างนั้นแหละ!”
ฟางผิงฟาดกลับ รอจนมาถึงโซนนักศึกษาใหม่ ค่อยถามอีกครั้งว่า “เธอจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนจริงๆ เหรอ? ฉันคิดว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมเสมอไป”
“อย่าเพิ่งพูดถึงฉัน นายล่ะ?” จ้าวเสวี่ยเหมยถามกลับ
“ฉันรู้สึกว่านายไม่เหมือนกับสนใจการแพ้ชนะของการแข่งขัน แล้วทำไมถึงอยากเข้าร่วม?”
“หาผลประโยชน์”
ฟางผิงเอ่ยอย่างจนใจ “ช่วงนี้ใช้จ่ายสิ้นเปลืองมากๆ มหาวิทยาลัยให้การชดเชยน้อยเกินไป ไม่เข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยน มหาวิทยาลัยจะให้ประโยชน์พวกเราหรือไง? เป็นแบบนี้ต่อไปคงเป็นยาจกจริงๆ แล้ว ทั้งฉันยังคิดว่า อาจารย์หวังให้พวกเราเข้าร่วม อาจจะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายปี ฉันเพิ่งจะเป็นนักศึกษาใหม่ เวลานี้ไม่ออกหน้าให้มหาวิทยาลัย เธอคิดว่ามหาวิทยาลัยจะมองฉันยังไง?”
ช่วงหลายวันมานี้ฟางผิงมองทะลุปรุโปร่งเช่นกัน
ในหมู่นักศึกษาใหม่ เขาไม่ได้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม หากเขาหลบหลีกการแข่งขัน มหาวิทยาลัยจะมองเขายังไง?
แม้มหาวิทยาลัยจะบอกว่าไม่บังคับ แต่เขาที่เป็นดาวเด่นหน้าใหม่กลับไม่ยอมลงแรง นักศึกษาคนอื่นๆ คงไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตามเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่ดีที่สุด มหาวิทยาลัยอาจไม่สนใจ
แต่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด มหาวิทยาลัยอาจคิดว่าฟางผิงแทบไม่มีความรู้สึกรักสถาบันเลย
ภายหลังคงไม่อาจลำเอียงให้ทรัพยากร หรือถึงกระทั่งละทิ้งฟางผิงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เป็นขาทองคำชั้นยอด เวลานี้ฟางผิงไม่อาจละทิ้งฐานะนักศึกษาที่มีสิทธิพิเศษในมหาวิทยาลัยไปได้
ไม่งั้นในอนาคตคงมีปัญหาแล้ว
จ้าวเสวี่ยเหมยได้ยินคำนี้ เอ่ยอย่างกลัดกลุ้มอยู่บ้าง “พวกเรายังต้องแก่งแย่งเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนที่น่ารำคาญนี่ นายยังดี ถ้าฉันเป็นนายคงไม่ลังเลอะไร”
“พวกเราไม่เหมือนกัน…”
ฟางผิงพูดด้วยใจจริง ถ้าเป็นไปได้ เขาหวังจะทะลวงขั้นหนึ่งขั้นสองอย่างสงบสุข ไปจนถึงขั้นปรมาจารย์
แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่เอื้ออำนวยให้เขาทำแบบนั้นแล้ว
———————