ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 138 กลัวถ่วงขาถ่วงขา (1)
ตอนที่ 138 กลัวถ่วงขาถ่วงขา (1)
ช่วงกลางวัน ตอนที่พวกฟางผิงไปห้องอาหาร ได้เจอคนกลุ่มนั้นอีกครั้ง
ฟางผิงมองสำรวจพวกเขา พวกเขาก็มองสำรวจพวกฟางผิงเช่นกัน
ทั้งสองฝ่ายประสานสายตากัน ฟางผิงเอ่ยชวนก่อนว่า “ด้วยกันไหม?”
“ได้!”
หัวหน้าฝ่ายนั้นตอบทันที ทั้งสองฝ่ายน่าจะคาดเดาฐานะและจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออกเช่นกัน
กลัวว่าจะเกิดการปะทะกัน ทางที่ดีเวลานี้ควรพูดคุยกันล่วงหน้าเสียหน่อย
—
ไม่กี่นาทีให้หลัง ห้องอาหารส่วนตัว
เมื่อเข้ามา อีกฝ่ายก็เปิดปากถามทันที “มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้?”
“อืม นักศึกษาใหม่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้”
“ไม่น่าล่ะ”
หัวหน้าคนนั้นเผยยิ้ม แนะนำตัวเอง “ฉันมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋ หวังไหวจิ่น เป็นนักศึกษาใหม่เหมือนกัน”
ฟางผิงไม่รีบร้อนแนะนำตัวเอง ถามอย่างสงสัยว่า “ทุกคนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงอู๋หมดเลย?”
ฟางผิงรู้จักมหาวิทยาลัยตงอู๋เช่นกัน ฝีมือไม่ได้ร้ายกาจมาก แต่แน่นอนว่าแข็งแกร่งกว่าหนานเจียงอยู่เล็กน้อย
หากมหาวิทยาลัยหนานเจียงไม่มีหวังจินหยาง คงไม่มีชื่อเสียงในหมู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อย่างนี้หรอก
แต่แม้จะเป็นแบบนี้ มหาวิทยาลัยตงอู๋รุ่นนี้กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นเด็กใหม่ถึงหกคน?
ทั้งอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันหมดเลย?
หวังไหวจิ่นส่ายหัว “ไม่ใช่ บางคนมาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีตงอู๋ ทั้งมีมาจากมหาวิทยาลัย…”
จากที่หวังไหวจิ่นบอกมา ทั้งหกคนมาจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามแห่งของตงอู๋
หวังไหวจิ่นค่อนข้างเป็นมิตร ทั้งอาจจะรู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความลับอะไร จึงเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟางผิงฟัง
ตอนนี้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หลายมณฑลได้ร่วมมือกัน
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แต่ละแห่ง บางครั้งคลาสฝึกพิเศษจะจัดให้ฝึกซ้อมและทำภารกิจร่วมกัน
มหาวิทยาลัยสามแห่งของตงอู๋ก็เป็นแบบนี้ รวมตัวกันฝึกซ้อม ทีมของหวังไหวจิ่นเป็นแค่หนึ่งในนั้น
อีกฝ่ายเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา พวกฟางผิงจึงแนะนำตัวเช่นกัน ทุกคนนับว่ารู้จักกันเบื้องต้นแล้ว
หวังไหวจิ่นมองสามคนอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้นั้นแตกต่างจริงๆ พวกนายสามคน น่าจะแข็งแกร่งกว่าฉัน…”
“ไม่หรอก ทุกคนต่างเป็นขั้นหนึ่งเหมือนกัน”
ฟางผิงเอ่ยถ่อมตัว ก่อนจะหยั่งเชิงว่า “ทางตงอู๋มีนักศึกษาใหม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์เยอะรึเปล่า?”
หวังไหวจิ่นมองเขาด้วยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะส่ายหัวว่า “อันที่จริงไม่ใช่ความลับอะไร ไม่เยอะหรอก ทางมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้สามแห่งของตงอู๋ ตอนนี้มีนักศึกษาใหม่ที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ไม่ถึงยี่สิบคน”
“เยอะขนาดนี้เลย?”
ถังซงถิงอดร้องออกมาไม่ได้ มหาวิทยาลัยสามแห่งมียี่สิบคนเข้าไปแล้ว ยังไม่ถือว่าเยอะอีก?
แบบนี้แสดงว่ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งคงจะมีประมาณห้าหกคนแล้ว
เมื่อก่อนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปพวกนี้ ปีหนึ่งเทอมแรกจะมีผู้ฝึกยุทธ์หรือเปล่ายังเป็นเรื่องที่พูดยาก
“เทียบกับเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งไม่ได้หรอก ทางพวกนายมีผู้ฝึกยุทธ์อยู่เป็นกองพะเนิน”
หวังไหวจิ่นหัวเราะ ก่อนจะเบนเข้าประเด็นหลัก “ครั้งนี้พวกนายมาทำภารกิจสินะ?”
“พวกนายก็เหมือนกันเหรอ?”
“อืม”
ฟางผิงครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยว่า “ทุกคนต่างรับทำภารกิจ ขออย่าแค่ชนกันจะดีที่สุด ถามได้หรือเปล่าว่า เป้าหมายของพวกนายคือ…”
หวังไหวจิ่นเงียบไปพักหนึ่ง “พวกเรารับภารกิจของหน่วยสืบสวนซีเจียง เป้าเหมายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง สกุลจาง…”
“เกี่ยวข้องกับลัทธินอกรีต?”
“ใช่”
หวังไหวจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกนายก็เหมือนกัน?”
ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง พยักหน้าอย่างจนใจ “ใช่ แต่เป้าหมายของพวกเราไม่เหมือนกัน ดูท่าทางซีเจียงคงไม่มีแค่สาวกนอกรีตคนเดียวแล้ว หน่วยสืบสวนซีเจียงว่ายังไงบ้าง?”
“พวกเขาเพิ่งจะสืบทราบเบาะแสว่ามีลัทธิพวกนี้เคลื่อนไหว ทางซีเจียงมีกำลังคนไม่เยอะ ดังนั้นจึงฝากภารกิจไว้ที่มหาวิทยาลัย…”
หวังไหวจิ่นกำลังพูด มือถือของจ้าวเสวี่ยเหมยกลับสั่นขึ้นมาเสียก่อน
จ้าวเสวี่ยเหมยควักออกมาดู ก่อนจะพูดว่า “พวกโจวเยวี่ยหงติดต่อกับทางซีเจียงแล้ว ตรวจสอบวงจรปิดตามถนนบางส่วน เป้าหมายของพวกเรานั้นไม่ใช่แค่คนเดียว ตอนนี้พบว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ประมาณสี่ห้าคน น่าจะมีคนสกุลเหยาเป็นแกนนำ ตอนนี้รวมตัวกันอยู่แถวตึกร้างชานเมือง ปกติจะมีคนธรรมดาบางส่วนเข้าไปด้วย น่าจะเป็นการชุมนุมกัน”
หวังไหวจิ่นมองฟางผิง ถามว่า “พวกนายหมายความว่า?”
“คนที่นายหาอยู่ในนี้เหมือนกัน?”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น”
“งั้นเคลื่อนไหวด้วยกันเถอะ นอกจากเป้าหมายของพวกนายแล้ว คนอื่นๆ ล้วนเป็นของพวกเราทั้งหมด”
หวังไหวจิ่นกวาดสายตามองเขา ทั้งหมดมีสี่ห้าคน หมายความว่านอกจากเป้าหมายของเขา ยังมีผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นอีกหลายคน
พวกฟางผิงสามคนกล้ารับปากว่าจะจัดการคนที่เหลือ ดูท่าความสามารถคงไม่ธรรมดา
หวังไหวจิ่นไม่พูดมาก พยักหน้าว่า “ได้ ตอนแรกฉันยังวางแผนรอให้เป้าหมายอยู่คนเดียวแล้วค่อยลงมือ ความหมายของพวกนายคือกวาดล้างรังโจรทีเดียวเลย?”
“ใช่ ตอนกลางคืนคนธรรมดาน่าจะแยกตัวออกไปแล้ว พวกเราเคลื่อนไหวพร้อมกัน”
“…”
ทั้งสองฝ่ายนัดแนะเวลากันแล้ว กินข้าวเสร็จจึงแยกย้ายกันไป
รอพวกเขาไปแล้ว ถังซงถิงค่อยเอ่ยทั้งขมวดคิ้ว “คนพวกนี้คงไม่สร้างปัญหาให้พวกเราหรอกนะ?”
จ้าวเสวี่ยเหมยกังวลอยู่บ้างเหมือนกัน “กลัวก็แต่ว่าพวกเขาจะถ่วงแข้งถ่วงขา…”
ฟางผิงส่ายหัว “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเราจัดการในส่วนของพวกเรา พวกเขาทำในส่วนของพวกเขา หากมีคนตาย นั่นเป็นเรื่องของพวกเขา ในสถานการณ์ที่สามารถช่วยเหลือได้ พวกเราจะยื่นมือช่วย แต่หากอันตราย พวกเราสนใจแต่ส่วนของพวกเราก็พอ”
“เข้าใจแล้ว”
—
“พี่หวัง คนของเซี่ยงไฮ้พวกนั้นไว้ใจได้หรือเปล่า?”
อีกด้านหนึ่ง ข้างกายของหวังไหวจิ่นมีคนถามขึ้นมา
หวังไหวจิ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังไงก็เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ความสามารถคงไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ถือโอกาสสอดแนมฝีมือพวกเขาไปด้วย พวกอาจารย์เอาแต่บอกว่านักศึกษาจากสองมหาวิทยาลัยชื่อดังนั้นแข็งแกร่งมาก ตกลงแข็งแกร่งแค่ไหน พวกเราต่างไม่มีใครรู้ ครั้งนี้เป็นโอกาสจะได้เห็นว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหนเช่นกัน ถือซะว่าอาศัยบารมีของพวกเขาจัดการผู้ฝึกยุทธ์เร็วขึ้น หากมีฝีมือธรรมดา…ก็ช่วยเหลือกันสักหน่อย”
“พี่หวังอย่าถ่อมตัวเลย ฉันคิดว่านักศึกษาเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น นายเป็นที่หนึ่งของมหาวิทยาลัยตงอู๋ของพวกเรา…”
“แค่กๆ…อย่าพูดจามั่วซั่ว ฉันรับไม่ไหวหรอก”
“ใครพูดมั่วซั่วกัน? นายลองถามทุกคนสิ ใครไม่คิดแบบนี้บ้าง? นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง อาจจะไม่ได้เก่งกว่าพวกเราเสมอไป ตอนนี้พี่หวังสามารถสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดคนเดียวได้ด้วยซ้ำ หากไม่ใช่ว่าเพื่อรับประกันความปลอดภัย พวกเราไม่มา พี่หวังก็ทำภารกิจได้สำเร็จอยู่ดี”
“ใช่ แต่พวกเราต้องพยายามเหมือนกัน…”
พวกเขายังคงพูดคุยกันสักพัก หวังไหวจิ่นไม่ได้พูดอะไรต่อ ในใจนั้นครุ่นคิดถึงเรื่องอื่น
—
สิบโมงเย็น พวกฟางผิงสามคนและทีมของหวังไหวจิ่นรวมตัวกัน
ด้านนอกโรงแรม ทางหน่วยสืบสวนส่งผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามา
เธอมองพวกฟางผิงแวบหนึ่ง ก่อนจะแปลกใจเล็กน้อย “พวกเธอ…พวกเธอฝ่ายไหนคือตงอู๋กัน…”
หวังไหวจิ่นรับบทสนทนา “พวกเราเป็นทีมของตงอู๋”
“พวกเธอคือ…”
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าคนเยอะเพราะรับภารกิจขั้นสอง ตอนนี้ค่อยรู้ว่าตัวเองคิดผิด
หญิงสาวคนนั้นครุ่นคิด ก่อนจะกระแอมไอเบาๆ “ขอโทษด้วย ภารกิจของจางจื้อเฉียง ทางซีเจียงได้ประกาศเป็นคนแรก ภายหลังหน่วยทหารซีเจียงก็ประกาศภารกิจอีกครั้ง จุดนี้เพราะพวกเราไม่ได้ระวังจึงเกิดความผิดพลาดขึ้นมา รอจนพวกเธอรับภารกิจแล้ว พวกเราค่อยรู้ว่าทั้งสองฝ่ายรับภารกิจเดียวกัน เดิมทีพวกเราคิดจะถอนภารกิจของจางจื้อเฉียงออกมา แต่พบว่าถูกรับไปแล้ว จึงไม่ได้ถอนอีก ตอนกลางวันพวกเราก็โทรศัพท์บอกคุณหวัง จึงรู้ว่าพวกเธอสองฝ่ายร่วมมือกัน งั้นคงเป็นเรื่องง่ายแล้ว”
———————-