ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 138.2 กลัวถ่วงขาถ่วงขา (2)
ตอนที่ 138 กลัวถ่วงขาถ่วงขา (2)
ระหว่างที่พูด หญิงสาวมองไปยังพวกฟางผิง “เหยาจินเฉิง เป้าหมายของภารกิจพวกคุณ ตอนแรกไม่ได้เคลื่อนไหวในซีเจียง แต่เพิ่งกลับเข้ามาป้วนเปี้ยนไม่นานมานี้! อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ผู้อำนวยการและทางหน่วยสืบสวนเตรียมการณ์ไว้แล้วเช่นกัน จะตั้งกำลังโอบล้อมอยู่ภายนอก ส่วนพวกคุณ…หากพวกคุณรู้สึกไม่ชอบมาพากล ต้องละทิ้งภารกิจทันที”
ฟางผิงพยักหน้า หญิงสาวมองไปทางหวังไหวจิ่นอีกครั้ง ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “คุณหวัง ฉันอยากคุยตามลำพังกับพวกคุณสักหน่อย”
“ครับ!”
หวังไหวจิ่นตอบรับ ก่อนจะพาทีมเดินไปคุยกับหญิงสาวอีกฝั่ง
พวกฟางผิงไม่ได้เข้าไปยุ่ง ขึ้นไปรอกันบนรถ
อีกด้านหนึ่ง
หญิงสาวลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างรู้สึกผิดอยู่บ้าง “อันที่จริงฉันอยากจะยกเลิกประกาศภารกิจ แต่ตอนนั้นพวกเราเห็นภารกิจของเหยาจินเฉิงถูกรับไปแล้ว จึงคิดว่าอาจจะทำให้สำเร็จได้เลยไม่ได้ยกเลิกไป ใครจะรู้ว่า พวกคุณรับภารกิจเหมือนกัน ทั้งยังเป็นวันเดียวกัน เหยาจินเฉิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง พวกคุณรับภารกิจของจางจื้อเฉียง ความเสี่ยงนั้นมีมาก พวกคุณล้วนเป็นอัจฉริยะของตงอู๋ ความต้องการของหน่วยสืบสวนนั้น หากเป็นไปได้ อยากให้พวกคุณทิ้ง…”
“ขั้นสอง?”
หวังไหวจิ่นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “พวกเขารับภารกิจของขั้นสอง?”
“ใช่ เห็นว่าพวกคุณเคลื่อนไหวพร้อมพวกเขา ทั้งอีกฝ่ายยังมีแค่สามคน ฉันจึงได้แนะนำแบบนี้ออกมา ขอโทษด้วยจริงๆ…”
ตอนแรกหญิงสาวคิดว่าทางเซี่ยงไฮ้จะส่งคนมาเยอะ หรือไม่ก็ผู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง หวังไหวจิ่นจะได้ถูกพวกเขาจัดการอย่างง่ายดาย
แต่พอเห็นพวกฟางผิงมาแค่สามคน ทั้งฟางผิงยังเป็นหัวหน้า หญิงสาวคิดว่าไม่เหมาะสมเท่าไหร่
ฟางผิงรับภารกิจ ทางซีเจียงก็มีข้อมูลของฟางผิงเช่นกัน
อีกฝ่ายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเท่านั้น
ความเป็นความตายของนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ หากพูดระคายหูหน่อยคือพวกเขาคร้านที่จะสนใจแล้ว
แต่นักศึกษาของตงอู๋นั้นไม่คุ้มค่าพอ
ผู้ฝึกยุทธ์ในบ้านเกิดเมืองนอนยังคงสำคัญที่สุด!
อันที่จริงทั้งสองฝ่ายรับภารกิจ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายล้วนไม่เกี่ยวข้องกับหน่วยสืบสวนซีเจียง
แต่หญิงสาวเป็นคนตงอู๋ จะให้ทนมองพวกหวังไหวจิ่นไปเผชิญอันตรายกับพวกฟางผิงอยู่เฉยๆ ได้ยังไง
พวกหวังไหวจิ่นรับแค่ภารกิจขั้นหนึ่ง อย่างมากรอภารกิจของพวกฟางผิงล้มเหลว
หรือรอเหยาจินเฉิงหนีก่อน ไม่ก็หลังถูกสังหารแล้วค่อยดำเนินภารกิจอีกที
คนข้างกายของหวังไหวจิ่นเริ่มนั่งไม่ติดที่ขึ้นมาแล้ว มีคนพูดขึ้นว่า “พวกเขาสามคนรับภารกิจของขั้นสอง? เป็นเพราะมั่นใจในตัวเองหรือบ้าระห่ำกันเกินไป?”
“นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ? พวกเขาสามคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเหมือนกันสินะ?”
“พี่หวัง จะไปกับพวกเขาจริงๆ เหรอ? ถ้าพวกเขาถูกร่างแหไปด้วย…”
พวกเขาซุบซิบกันขึ้นมา คิดว่าครั้งนี้เหมือนจะถูกพวกฟางผิงทำให้เดือดร้อนไปด้วย
หากรู้มาก่อนว่าพวกเขารับภารกิจขั้นสอง คงไม่รับปากร่วมมือกันทำภารกิจหรอก
หวังไหวจิ่นสูดลมหายใจเข้าลึก เอ่ยว่า “ไปเถอะ ในเมื่อพวกเขากล้าไป แสดงว่ายังคงพอมีฝีมืออยู่ แน่นอนว่าต้องมองความปลอดภัยเป็นหลัก หากพวกเขาต้านไม่ไหว พวกเราล่าถอยทันที! ครั้งนี้ถือว่าได้เปิดหูเปิดตากับความสามารถของเด็กใหม่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!”
แม้ในใจจะกังวลอยู่บ้าง แต่หวังไหวจิ่นคิดดูแล้ว
หากพวกฟางผิงต้านไม่ไหวจริงๆ พวกเขาหกคนจับมือกันวิ่งหนีย่อมมีทางรอดอยู่แล้ว
หน่วยสืบสวนของซีเจียงตั้งกำลังปิดล้อมอยู่ด้านนอก คนพวกนั้นไม่กล้าไล่โจมตีหรอก
—
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถสองคันก็มาถึงตึกร้างแถวชานเมือง
บอกว่าเป็นตึกร้าง อันที่จริงเป็นตึกที่สร้างเกือบสมบูรณ์แล้ว สามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้
ส่วนทำไมถึงกลายเป็นตึกร้าง นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฟางผิงควรสนใจ
คนของหน่วยสืบสวนซีเจียงไม่ได้ออกหน้าคุยกับพวกฟางผิง หญิงสาวก่อนหน้านี้บอกแค่ข้อมูลพวกเขา ก็ปลีกตัวจากไปแล้ว
บนรถ
ฟางผิงเอ่ยปากว่า “ตอนนี้คนพวกนี้อยู่ที่ชั้นหนึ่งกันหมด ด้านในอาจจะมีผู้ฝึกยุทธ์มากกว่าห้าคน เหยาจินเฉิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง จางจื้อเฉียงอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุด คนอื่นๆ ยังไม่สามารถคาดคะเนได้ คาดเดาไปตอนนี้อาจจะเกิดความผิดพลาด ให้คิดไปว่ามีประมาณห้าคนก่อน หลังจากเข้าไปแล้ว ฉันประกบเหยาจินเฉิง ส่วนพวกนายสองคน จัดการผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคนอื่นก่อน อย่าเพิ่งนึกถึงพวกหวังไหวจิ่น ทั้งอาจถึงขั้นต้องระวังไว้ด้วย หากพวกเขาเลือกลงมือกับจางจื้อเฉียง พวกนายสามารถโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งคนอื่นได้ก็จัดการซะ ถ้าทำไม่ได้ ให้ละทิ้งไป ฉันจะพยายามดึงเหยาจินเฉิงออกมา ไม่ให้พวกเขาประสานกำลังกันได้”
จ้าวเสวี่ยเหมยเอ่ยอย่างกังวลว่า “นายจัดการกับเหยาจินเฉิงคนเดียวไหวแน่นะ?”
“น่าจะไม่เป็นไร ถ้าไม่ไหวจริงๆ คงต้องหนี! พวกเราสามคนไม่ไหว วิ่งหนีก็จบเรื่องแล้ว”
“ไม่งั้นเอาอย่างนี้ จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ต้องลงมือ ให้ฉันทำแทน ส่วนจ้าวเสวี่ยเหมยคุมอยู่ท้ายแถว ถ้าพวกหวังไหวจิ่นแฝงเจตนาไม่ดี ให้จ้าวเสวี่ยเหมยลงมือขัดขวางพวกเขา หลังจากนั้นพวกเราค่อยหาวิธีเอาคืน!”
ถังซงถิงพูดไปหัวเราะไป “พวกเราคิดซะว่าศัตรูมีมากกว่าสิบคน วางแผนแบบนี้ก็เพียงพอแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้า ไม่พูดคัดค้านอะไร
พวกนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่น พวกเขาไม่ได้คุ้นเคยกันอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องระวังไว้
แต่หกคนนั้น นอกจากหวังไหวจิ่นที่ฝีมือไม่เลว ห้าคนที่เหลือแทบจะความสามารถธรรมดา หากคิดทรยศจริงๆ ฟางผิงก็ไม่ได้กังวลมากมาย
ปรึกษากันดีแล้วจึงเริ่มเคลื่อนไหวตามแผน ทั้งสามคนลงจากรถ
อีกด้านหนึ่ง พวกหวังไหวจิ่นลงจากรถเช่นกัน แต่ไม่ได้รวมกลุ่มกับพวกฟางผิง
เป้าหมายของนักศึกษาเซี่ยงไฮ้คือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
รอคนของเซี่ยงไฮ้ลงมือแล้ว พวกเขาค่อยเข้าไปก็ไม่สาย
—
ภายในตึกร้าง
ชั้นหนึ่ง เวลานี้กลุ่มคนรวมตัวกว่าสิบคน มีทั้งผู้ฝึกยุทธ์และคนธรรมดา
เหยาจินเฉิงกำลังกำชับอะไรบางอย่าง จู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ออกไปดูหน่อยสิ ฉันเหมือนจะได้ยินเสียงฝีเท้า”
ก่อนจะมีคนยืนขึ้นทันที สาวเท้าออกไปด้านนอก
คนผู้นี้เพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ จู่ๆ ร่างกลับลอยเข้ามา เลือดกระเซ็นเป็นทางกลางอากาศ
เหยาจินเฉิงหน้าเปลี่ยนสีทันที หยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็ว ตะโกนว่า “เตรียมปะทะศัตรู!”
ผู้ฝึกยุทธ์รอบกายหลายคนดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ลุกขึ้นทยอยออกไปหยิบอาวุธของตัวเอง
เวลานี้พวกฟางผิงสาวเท้าเข้ามา
ฟางผิงกวาดสายตา ก่อนจะมองไปทางเหยาจินเฉิง “ถังซงถิงจัดการพวกนี้ จ้าวเสวี่ยเหมยเฝ้าประตู ฉันจะจัดการเขาเอง!”
“ได้!”
จ้าวเสวี่ยเหมยถอยออกมาหนึ่งก้าว ยืนอยู่ที่ประตู มองไปทางพวกหวังไหวจิ่นที่อยู่ไม่ไกลอย่างระแวดระวังอยู่บ้าง
—
“พี่หวัง ทางเซี่ยงไฮ้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? ยังจะเอาอีกคนเฝ้าข้างนอกทำไม?”
หวังไหวจิ่นเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “เฝ้าระวังพวกเรา นักศึกษาเซี่ยงไฮ้มีความมั่นใจสูงจริงๆ เข้าไปกันแค่สองคน”
“เฝ้าระวังพวกเรา?”
มีคนเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เจ้าพวกนี้…งั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไง?”
“รอสักพักก่อน หากสามนาทีพวกเขายังไม่ตาย ผู้หญิงคนนี้ไม่เข้าไป แสดงว่าอีกฝ่ายมีฝีมือที่ต่อกรกับขั้นสองได้ พวกเราค่อยเข้าไปดู”
“พวกเราก็อยากเห็นว่า นักศึกษาเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งแค่ไหนกัน ฉันไม่เชื่อว่าจะห่างชั้นกันขนาดนั้น!”
มีคนไม่อยากยอมรับความจริงอยู่บ้าง แค่นเสียงในลำคอ เห็นจ้าวเสวี่ยเหมยระแวดระวังพวกเขา ยิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นไปอีก
———————-