ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 140 กลับไปรับรางวัลที่มหาวิทยาลัย (1)
ตอนที่ 140 กลับไปรับรางวัลที่มหาวิทยาลัย (1)
เรื่องเปลี่ยนอาวุธ แม้ฟางผิงจะคิดจริงจัง แต่ตอนนี้ยังไม่มีเวลากลับมหาวิทยาลัย
วันที่ 20 พฤศจิกายน มหาวิทยาลัยส่งข้อความให้นักศึกษาในคลาสฝึกพิเศษทุกคน ไม่ใช่ข้อความที่ลงรายละเอียดยาวเหยียด แต่เป็นข้อความตัวอักษรสั้นๆ
“ทีมฟางผิง 132 คะแนน
ทีมจ้าวเหล่ย 128 คะแนน
ทีมฟู่ชางติ่ง 110 คะแนน
ทีมหยางเสี่ยวม่าน 108 คะแนน
ทีมเฉินอวิ๋นซี 90 คะแนน”
ทีมของฟางผิง เพราะมีพวกจ้าวชิงช่วยทำภารกิจอีกทีม คะแนนสะสมจึงนำหน้าพวกจ้าวเหล่ยไป
แต่ทีมของจ้าวเหล่ยตามมาติดๆ เช่นกัน
มีแค่ทีมของเฉินอวิ๋นซีที่ตอนนี้รั้งอยู่ท้ายแถว ไม่รู้ว่าภารกิจติดขัด หรือตั้งใจไม่ออกปฏิบัติภารกิจ
ครั้งก่อนเกิดเรื่องกับพวกจ้าวเหล่ย ทีมของเฉินอวิ๋นซีมีคนเสนอว่า ให้ยืดเวลาทำภารกิจออกไป ทั้งเฉินอวิ๋นซีก็ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ เป็นไปได้ว่าจะถูกเพื่อนร่วมทีมถ่วงเวลา เพราะไม่อยากทำภารกิจ
ความต้องการของมหาวิทยาลัยนั้นชัดเจน อยากกระตุ้นให้นักศึกษาพวกนี้แข่งขันกันต่อไป
ทั้งเพื่อไม่เปิดโอกาสให้ทีมอันดับหนึ่งได้ผ่อนคลาย ไม่นาน ฟางผิงก็ได้รับข้อความฉบับที่สอง
“ทีมที่ได้อันดับหนึ่ง สะสมถึงหนึ่งร้อยคะแนน ให้รางวัลเป็นคะแนนอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์
สะสมถึงหนึ่งร้อยห้าสิบคะแนน ให้รางวัลหกสิบเปอร์เซ็นต์
สะสมถึงสองร้อยคะแนน ให้รางวัลเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์…”
ใช้ห้าสิบคะแนนเป็นขั้น ทุกครั้งที่เพิ่มห้าสิบคะแนน จะให้รางวัลคะแนนเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์
หากทำได้ถึงสามร้อยห้าสิบคะแนน จะให้รางวัลเพิ่มอีกเท่าตัวไปเลย
รวมกับตอนแรกมหาวิทยาลัยเพิ่มให้อีกเท่าตัวแล้ว เมื่อทำจุดนี้ได้ พวกฟางผิงจะได้ถึงหนึ่งพันห้าสิบคะแนน!
จำนวนนี้ไม่ถือว่าน้อยเลย!
แม้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามหลายคน ตลอดทั้งปีบางทีอาจทำคะแนนได้เยอะแบบนี้ แต่ใช่ว่าจะสามารถทำได้ทุกคนเหมือนกัน
ทว่าในระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ แม้ในทีมจะมีสิบคน แต่ทุกคนเพิ่งจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง สามารถทำคะแนนได้เยอะขนาดนี้ ความได้เปรียบในการขึ้นเป็นผู้นำคงมากขึ้นแล้ว
พวกฟางผิงได้รับข้อความฉบับนี้ แต่พวกเฉินอวิ๋นซีกลับไม่เหมือนกัน
พวกเขาได้รับข้อความเตือนอย่างอื่นแทน “คะแนนต่ำกว่า หนึ่งร้อยยี่สิบ มหาวิทยาลัยจะไม่เพิ่มรางวัลให้อีกเท่าตัว”
เวลาสิบวันที่เหลือ หากพวกเฉินอวิ๋นซีไม่อาจทำภารกิจสามสิบคะแนนได้ มหาวิทยาลัยก็จะไม่ให้การดูแลอย่างเป็นพิเศษอีก
มีแรงกดดันและผลักดันเช่นนี้ ทุกทีมจึงรวบรวมกำลังรับภารกิจกันอีกครั้ง
—
ภายในเวลาสิบวัน พวกฟางผิงสามคน รับภารกิจขั้นสองสามภารกิจ สุดท้ายกลับทำสำเร็จแค่สองภารกิจ
ส่วนภารกิจที่เหลือตามหาคนไม่เจอ พวกฟางผิงจำต้องทิ้งภารกิจไป
ภารกิจไม่ได้ราบรื่นเสมอไป บางคนซ่อนตัวอย่างมิดชิด หาไม่เจอถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน
พวกจ้าวชิงก็ไม่ต่างกันมาก ทำภารกิจสำเร็จมากกว่าพวกฟางผิงอยู่หนึ่งภารกิจ แต่ในทีมมีคนได้รับบาดเจ็บ
เมื่อถึงสิ้นเดือน ทุกคนจึงรวมตัวกันอีกครั้ง
—
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้
พอทุกคนกลับมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยก็ให้ทุกทีมไปรวมตัวที่ห้องฝึกซ้อมทันที
รอจนทีมของฟางผิงมาครบกันแล้ว ฟางผิงค่อยเอ่ยว่า “ภารกิจสุดท้ายไม่สามารถหาตัวคนได้ ทั้งยังไม่มีเบาะแสอะไร พวกเราจึงจำเป็นต้องทิ้งภารกิจ ตอนแรกยังคิดจะทำภารกิจสุดท้ายให้สำเร็จเพื่อให้ถึงสองร้อยคะแนน ตอนนี้ทำได้แค่หนึ่งร้อยแปดสิบหกคะแนน น่าเสียดายจริงๆ”
ความรู้สึกเสียดายต้องมีบ้างอยู่แล้ว หนึ่งร้อยแปดสิบหกคะแนน ให้รางวัลหกสิบเปอร์เซ็นต์ จะได้เพิ่มมาหนึ่งร้อยสิบเอ็ดคะแนนเท่านั้น
หากทำภารกิจสุดท้ายสำเร็จ พวกฟางผิงจะได้คะแนนเพิ่มอีกหลายสิบคะแนน
จ้าวเสวี่ยเหมยกลับเอ่ยอย่างพอใจว่า “อันที่จริงทำได้ดีแล้ว หนึ่งร้อยแปดสิบหกคะแนน เท่ากับว่าทำภารกิจขั้นสามไปสามสี่ภารกิจ ภายในเวลาหนึ่งเดือน พวกเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทำถึงจุดนี้ได้ ถือว่าเยี่ยมมากแล้ว!”
แม้จะเป็นถังซงถิง เวลานี้ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
เวลาหนึ่งเดือนเท่านั้น แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสามารถทำภารกิจขั้นสามระดับเดียวกันสำเร็จถึงสามสี่ภารกิจในเดือนเดียวได้
ระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกัน ทีมของเฉินอวิ๋นซีก็ทยอยเดินเข้ามาด้วยใบหน้ามอมแมมเปื้อนฝุ่น
มีสมาชิกทีมโอดครวญว่า “เป็นเพราะเฉินเจียหลงถ่วงแข้งถ่วงขา ตอนนี้มีแค่หนึ่งร้อยคะแนนเท่านั้น อย่าคิดที่จะได้รางวัลเพิ่มเลย ไม่เหลืออะไรแล้ว! พวกเราสิบคนเหนื่อยแทบเป็นแทบตายกว่าหนึ่งเดือน แค่สิบคะแนนยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“เหลวไหล เกี่ยวอะไรกับฉัน! นายไม่ยอมออกแรงเอง ดูจากคะแนนผลงานน่าจะรู้แล้ว นายได้เจ็ดเปอร์เซ็นต์ ไม่ถึงค่าเฉลี่ยด้วยซ้ำ ยังไงฉันก็ได้ตั้งสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์!”
“นายมันบังเอิญต่างหาก หากไม่ใช่ว่า…”
“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว เป็นความรับผิดชอบของพวกนายนั่นแหละ โจวเจี้ยนยังได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้คะแนนยังไม่พอซื้อยาด้วยซ้ำ!”
“…”
พวกเขาโหวกเหวกโวยวายกัน บางคนไม่พอใจ บางคนก็แค้นเคือง
หลายคนที่บาดเจ็บในทีมต่างเผยสีหน้าเยือกเย็น ไม่พูดอะไร ความไม่พอใจนั้นแทบไม่ต้องบรรยาย
สิบคนในทีมลำบากกันกว่าหนึ่งเดือน
ตอนนี้ไม่ได้รับคะแนนเพิ่มอีกเท่าตัว หนึ่งร้อยคะแนนเฉลี่ยแล้วได้คนละสิบคะแนน น้อยสุดนั้นอาจจะได้แค่ห้าหกคะแนน
เท่ากับว่าหนึ่งเดือน แลกได้แค่ยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดาสองเม็ด อย่าพูดถึงรักษาบาดแผลเลย แค่เพิ่มปราณยังจะไม่พอด้วยซ้ำ
เฉินอวิ๋นซีก้มหัวตั้งแต่เดินเข้าประตูจนถึงตอนนี้ไม่ปริปากพูดอะไรเลย
สมาชิกทีมเอาแต่โยนกันไปมา กลับไม่มีใครว่าเฉินอวิ๋นซีสักคน
ทีมของฟางผิงสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบๆ บางคนยังรู้สึกดีใจที่ตัวเองอยู่ทีมของฟางผิง หากถูกแบ่งไปอยู่ทีมเฉินอวิ๋นซี นั่นคงเป็นปัญหาแล้ว
ทีมจ้าวเหล่ยก็เหมือนกัน ยังมีคนตาย ได้ยินว่าภารกิจช่วงหลังยังค่อนข้างหนักหน่วง ได้รับบาดเจ็บหนักกันไปหลายคน
ไม่นาน ทุกคนก็เห็นทีมของจ้าวเหล่ยมาถึง
ไม่มีความฮึกเหิมกระตือรือร้น ทั้งไม่มีความตื่นเต้นที่พวกเขาทำคะแนนได้มาก ทุกคนต่างเผยสีหน้ามืดมน
จ้าวเหล่ยเช่นกัน ตอนที่เห็นฟางผิง ยังหันหน้าหนีไม่มองเขา
ทั้งทีมต่างรักษาความเงียบสงบ ไม่มีสุ้มเสียงให้ได้ยินเลย
รอจนฟู่ชางติ่งมาถึง ความเงียบประหลาดเช่นนี้จึงค่อยเลือนหายไป
“ฮ่าๆๆ มาถึงกันหมดแล้วสินะ? ภารกิจจะยากเกินไปแล้ว แต่พวกเราโชคดีไม่น้อย ช่วงเวลาสำคัญตอนท้ายคาดไม่ถึงว่ายังจะทำสำเร็จอีกหนึ่งภารกิจ ครั้งนี้จะได้พักผ่อนหลายวันดีๆ แล้ว”
“เป็นเพราะความเก่งกาจของหัวหน้า นึกไม่ถึงว่าจะเดาที่ซ่อนตัวของเขาได้ พวกเราไม่ได้รับข้อมูลอะไรแม้แต่น้อย”
“ค่อยยังชั่วหน่อย อันที่จริงฉันก็เดาไปเรื่อย ดีที่เดาไม่ผิด”
“หัวหน้าเก่งจริงๆ!” น้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มนี้ ได้ยินก็รู้แล้วว่ามาจากหนึ่งในสองสาวงามของสมาชิกทีม
ระหว่างที่พูด คนกลุ่มนี้ก็เดินเข้ามาในห้องฝึกซ้อมด้วยใบหน้าระรื่น
รอจนรับรู้ถึงบรรยากาศตึงเครียด ฟู่ชางติ่งค่อยนวดคออย่างไม่สบายตัวอยู่บ้าง หันไปสบสายตากับฟางผิง กระซิบว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ไม่รู้สิ”
ฟางผิงไม่อธิบายอะไร เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ดูท่าภารกิจของพวกนายคงสำเร็จด้วยดี?”
ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างได้ใจว่า “นั่นมันแน่อยู่แล้ว!”
ถังซงถิงเค้นเสียงว่า “คนอื่นไม่รู้ แต่คงไม่ใช่กับฉัน คาดเดาอะไรกัน ให้คนที่บ้านนายหาให้ล่ะสิ?”
ฟู่ชางติ่งไม่ใส่ใจ ทั้งไม่ปฏิเสธเช่นกัน เอ่ยออกไปว่า “นั่นก็เป็นความสามารถของฉันอยู่ดี นายยุ่งอะไรด้วย?”
เขาพูดมาแบบนี้ ถังซงถิงจึงแค่นเสียง ไม่อาจพูดอะไรอีก
ฟู่ชางติ่งให้คนที่บ้านช่วยหาคน เป็นความสามารถของเขาจริงๆ ทรัพยากรของที่บ้าน ยังคงถือว่าเป็นทรัพยากรเช่นกัน
ฟู่ชางติ่งไม่สนใจเขา เอ่ยกับฟางผิงว่า “ครั้งนี้พวกนายนำโด่งอยู่อันดับหนึ่งเลยสินะ?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน ฉันไม่ค่อยรู้สถานการณ์ทางจ้าวเหล่ยเท่าไหร่”
———————–