ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 148.2 ข่มความโกรธใช้นายลองดาบ (2)
ตอนที่ 148 ข่มความโกรธใช้นายลองดาบ (2)
ฟางผิงตกน้ำ กลับหอพักในสภาพเปียกปอน เหมือนจะไม่ใช่แค่ครั้งเดียว!
แน่นอนว่า คนในโซนหนึ่งไม่ได้คิดว่าฟางผิงตกน้ำจริงๆ อาจเป็นเพราะฝึกเคล็ดวิชาอะไรอยู่ต่างหาก
แต่คนอื่นนั้นไม่รู้!
ตอนนี้ได้ยินคนอื่นวิจารณ์กันสนุกปาก ทุกคนจึงพยายามกลั้นขำ กลับไม่มีใครช่วยแก้ต่างเลยสักคน ดูเรื่องสนุกนั้นน่าสนใจกว่า
ฟางผิงแค่นเสียงในลำคอ ลอบเอ่ยในใจว่า รอฉันฝึกจวงกงถึงระดับสามแล้ว จะทำให้พวกนายอิจฉาเลยคอยดู!
จวงกงมีแค่สามระดับ จวงกงขั้นสภาวะว่างเปล่า ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองขั้นสามหลายคนยังแตะขั้นนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ
หากเขาทะลวงจวงกงระดับสาม รวมกับ (ท่าเคลื่อนเมฆ) แล้ว นั่นถึงจะเรียกว่าโจมตีและถอยได้อย่างแท้จริง อยากโจมตีก็โจมตี อยากวิ่งก็วิ่งหนีได้
ผู้ที่ผ่านความลำบากมาก่อนถึงจะเป็นคนเหนือคน ทนขายหน้าได้ถึงจะสามารถกอบกู้ศักดิ์ศรี!
ตอนนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องสนุกไปเถอะ
พวกนายระวังตัวให้ดีละกัน!
ฟางผิงที่ใจกว้างเหมือนมหาสมุทร จดจำคำนินทาและแววตาที่แปลกๆ พวกนั้นไว้ในใจ
ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว จะสอนพวกเขาเรียงคนว่าปากหมอตายเพราะปากคืออะไร
ในใจกำลังวางแผนล้างแค้น ฟู่ชางติ่งก็เบี่ยงประเด็นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “พรุ่งนี้วันคริสต์มาส อยากออกไปเที่ยวสักหน่อยไหม?”
“เทศกาลของต่างชาติ มีอะไรน่าฉลองกัน”
“นายสนใจพวกต่างชาติหรือพวกเราล่ะ หาเวลาผ่อนคลายสักหน่อยเถอะ ช่วงนี้เครียดเกินไป เส้นเลือดตรงขมับแทบจะขาดอยู่แล้ว”
ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าว่า “ได้ พรุ่งนี้ออกไปเที่ยวกัน”
เขาไม่ได้จะเดินเตร่เฉยๆ แต่เป็นเพราะช่วงนี้หลี่เฉิงเจ๋อโทรหาเขา ธุรกิจส่งอาหารกำลังถูกคนจับจ้อง
ธุรกิจส่งอาหารไม่นับว่าซับซ้อน บางคนมองระบบออกไม่ยาก หากต่างคนต่างทำของตัวเองไป ฟางผิงคงขี้เกียจจะพูดอะไรเหมือนกัน
แต่ช่วงนี้เหมือนมีผู้ฝึกยุทธ์ออกมาก่อความวุ่นวาย เรื่องนี้ฟางผิงต้องออกหน้าจัดการสักหน่อย
—
วันต่อมา วันที่ 25 ธันวาคม
ฟางผิง ฟู่ชางติ่ง ถังซงถิง จางเยวี่ย และซย่าเหวินโยวออกมาข้างนอกด้วยกัน
พวกหยางเสี่ยวม่านกำลังรีบทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุดอยู่ ไม่มีเวลาออกมา ฟู่ชางติ่งจึงไม่ได้ชวนพวกเธอ
กลับเป็นผู้หญิงคนอื่นในคลาสฝึกพิเศษ ระยะยังห่างจากขั้นหนึ่งสูงสุดอยู่ไกลลิบ แต่ไม่ได้รีบจะทะลวงด่าน เมื่อฟู่ชางติ่งชวน คนพวกนี้จึงตอบรับทันที
เห็นฟางผิงยังสะพายกล่องไม้มาด้วย ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างจนใจว่า “นายคิดจะทำอะไร? ในเซี่ยงไฮ้ปลอดภัยจะตาย ไม่มีความจำเป็นต้องพกพาอาวุธ?”
ในกล่องไม้มีอะไร เขารู้ดีอยู่แล้ว
“พอดีมีธุระนิดหน่อย พวกนายเที่ยวกันไปก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไปอีกที”
“นายจะไปไหน?”
“อย่าถามเลย จะไปหาเรื่องคน หลายวันนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี”
ไม่กี่วันนี้ฟางผิงอัดอั้นตันใจไม่น้อยเลยจริงๆ นอกจากจะตกน้ำทุกวันแล้ว ยังถูกคนหัวเราะเยาะอีก
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ประเด็นอยู่ที่ว่าแทบจะไม่มีความคืบหน้าเลย
ทำได้เพียงมองค่าทรัพย์สินร่วงลงเหลือสิบล้าน ฟางผิงนั้นหงุดหงิดแทบตายอยู่แล้ว
ตอนนี้นึกไม่ถึงว่ายังมีคนมาขวางเส้นทางทำมาหากินของตัวเอง นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกเหรอ?
บอกกล่าวกับพวกฟู่ชางติ่งแล้ว ฟางผิงก็หายไปจากสายตาของทุกคน
—
บริษัทหยวนฟาง
หลี่เฉิงเจ๋อกำลังยืนรออยู่หน้าประตู เห็นฟางผิงมาถึง ก็อดโล่งใจไม่ได้ รีบเดินเข้ามา “คุณฟาง…”
“อีกฝ่ายเป็นใคร?”
“ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง เพิ่งจบการศึกษาก็ออกมาประกอบกิจการทันที ประจวบกับถูกใจธุรกิจนี้ของพวกเรา คุณน่าจะรู้ เขาเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ แม้ผมจะแพร่กระจายข่าวข้างนอกว่า บริษัทของพวกเราเปิดกิจการโดยนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้…แต่กลับไม่มีผลต่อเขาเท่าไหร่?”
“ความสามารถระดับไหน?”
“ขั้นสองครับ”
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง มาแย่งชิงกิจการเล็กๆ ของฉัน?”
ฟางผิงก่นด่า “มีฝีมือแค่นี่สินะ หากแข่งขันอย่างยุติธรรมฉันคงขี้เกียจจะสนใจเขา แต่นึกไม่ถึงว่าจะเล่นสกปรกกับฉัน!”
ว่าแล้ว ฟางผิงก็ถามอีกครั้ง “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสูงสุดหรือเพิ่งจะเข้าสู่ขั้นสอง?”
มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงไม่ถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป แต่จัดอยู่ในกลุ่มอันดับรอง นักศึกษาของพวกเขาไม่ได้อ่อนด้อย จบการศึกษาด้วยขั้นสามมีถมเถไป แต่ขั้นสองจะค่อนข้างเยอะกว่า ไม่เหมือนมหาวิทยาลัยทั่วไปที่ส่วนมากจะจบด้วยขั้นหนึ่ง
แต่จบการศึกษาด้วยขั้นสอง หมายความว่าไม่ได้เป็นนักศึกษาแนวหน้า ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเสมอไป
ไม่ใช่ขั้นสามก็ดีแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ถือเป็นหัวกะทิ ปกติล้วนมีเคล็ดวิชาต่อสู้ที่เชี่ยวชาญอยู่
แต่ขั้นสอง อาจจะไม่มีเสมอไป
หลี่เฉิงเจ๋อมองเขาอย่างระมัดระวัง ครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “ผมสืบมาแล้ว เขาเพิ่งทะลวงขั้นสองตอนปีสี่เทอมสุดท้าย ตอนนี้ผ่านมากว่าครึ่งปีแล้ว…”
“ปีสี่เพิ่งทะลวงขั้นสอง ตอนนี้ผ่านมาครึ่งปี อย่างมากสุดคงหลอมกระดูกยี่สิบชิ้นแล้ว”
ฟางผิงคำนวณในใจ ความสามารถระดับนี้ หากไม่มีเคล็ดวิชาต่อสู้ที่มั่นใจว่าต่อกรได้ ฟางผิงคงไม่กล้ากับเขา
“พอดีเลย เพิ่งจะเรียนดาบคลั่งโลหิตมา จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครให้ลองดาบ เลือกเขาละกัน!”
นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงเอ่ยทันที “ไปหาเขาถึงหน้าประตูเลย!”
“ไปหาถึงหน้าประตู?”
“ในเมื่อเป็นผู้ฝึกยุทธ์เหมือนกัน ก็ควรทำอะไรให้เด็ดขาดหน่อย!”
หากเป็นคนธรรมดา ฟางผิงคงไม่ใช้วิธีนี้ ทั้งหากเป็นผู้ฝึกยุทธ์จากที่อื่นคงไม่ต่างจากนี้มาก
นอกเสียจากจะเป็นพวกที่หน้าไม่อาย ผู้ฝึกยุทธ์นับว่ายังคงเป็นมิตรกับคนธรรมดาอยู่มาก
ยกเว้นคุณจะขโมยผลประโยชน์ของเขาจริงๆ หรือตัวคุณทำให้เขาเห็นผลประโยชน์มหาศาล ไม่งั้นคงมีโอกาสน้อยที่ผู้ฝึกยุทธ์จะมาหาเรื่องคนธรรมดา
แต่ในเมื่อเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งคู่ งั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องอ้อมค้อมแล้ว
“มหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง…ก่อนหน้านี้เหล่าหวังทะลวงขั้นหนึ่งสูงสุด เอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจากที่นั่นได้คนหนึ่ง ตอนนี้ถึงตาฉันแล้ว!”
หลี่เฉิงเจ๋อมีรถ ขณะที่ฟางผิงนั่งอยู่บนรถก็ครุ่นคิดเรื่องพวกนี้จนใจลอยอยู่บ้าง
ตอนแรกเขารู้สึกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งเอาชนะขั้นสองได้ เป็นเรื่องที่เจ๋งอย่างยิ่ง
ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำมาก่อน เหยาจินเฉิงที่อยู่ลัทธินอกรีตถูกเขาฆ่าตายเช่นกัน
แต่เหยาจินเฉิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต ค่อนข้างอ่อนแอ ความสามารถของนักศึกษาศิลปะการต่อสู้มีมากยิ่งกว่า
“ตอนนี้ฉันก้าวมาถึงขั้นนี้แล้ว หมายความว่าทำสำเร็จเร็วกว่าเหล่าหวังหลายเดือนใช่หรือเปล่า ช่วงต้นปีเขาเพิ่งทำถึงจุดนี้ได้…”
ในใจคิดฟุ้งซ่าน จู่ๆ ฟางผิงก็เกิดความภาคภูมิใจขึ้นมา!
ปีหน้าเขาคงทะลวงขั้นสี่ได้เหมือนกัน ทั้งต้องสามารถกดหัวคนในระดับเดียวกันได้!
ไม่ต้องให้ถึงปีหน้า เดือนหน้าเขาจะอยู่เหนือคนระดับเดียวกันให้ได้!
“ให้นายลองดาบก่อนแล้วกัน ขวางเส้นทางทำมาหากิน ถือว่าตัดลู่ทางผู้ฝึกยุทธ์ของฉัน บัญชีแค้นนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ!”
—
ในเวลาเดียวกัน
บริษัทตงเซิง
เว่ยตงเซิงขมวดคิ้วว่า “หลี่เฉิงเจ๋ออะไรนั่น พูดว่าไงบ้าง?”
มีคนรายงานทันทีว่า “หลี่เฉิงเจ๋อเป็นคนหัวแข็ง บอกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของบริษัท รอเจ้านายของพวกเขามาถึงจะตัดสินใจได้…”
“เอาฐานะนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มากดดันฉัน? หากเป็นปีสามปีสี่ยังพอว่า แต่เอาเด็กปีหนึ่งมากดดันฉัน ไม่รู้ที่ตายซะจริงๆ!”
เว่ยตงเซิงแค่นเสียงในลำคอ เพิ่งจะพูดจบ จู่ๆ ก็มีคนเข้ามารายงานว่า “ประธานเว่ย ผู้จัดการหลี่ของหยวนฟางมาครับ ยังมี…”
“ยังมีอะไร?”
“ยังมีวัยรุ่นคนหนึ่งมาด้วย ท่าทีไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนจะ…เหมือนจะมาหาเรื่องครับ”
“หาเรื่อง?”
เว่ยตงเซิงแววตาวูบไหวเล็กน้อย ถอดสูทออกทันที หยิบกระบี่ยาวที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา “ไป ออกไปดูกับฉัน!”
พอเห็นเว่ยตงเซิงหยิบกระบี่ แววตาของทุกคนล้วนมีไฟลุกโชนขึ้นมาเล็กน้อย
ในสายตาคนทั่วไป ผู้ฝึกยุทธ์อย่างเว่ยตงเซิง จบจากมหาวิทยาลัยคุรุศาสตร์หวาตงด้วยขั้นสอง ทั้งยังหนุ่มแน่นเช่นนี้ ถือว่าสมบูรณ์แบบอย่างหาไม่ได้แล้ว
พวกเขาไม่มีโอกาสเห็นความสามารถของประธานมาโดยตลอด ตอนนี้ประธานถือกระบี่ออกไป เกรงว่าคงจะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว!
——————