ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 149 สบายๆ (2)
ตอนที่ 149 สบายๆ (2)
เดิมทีคิดว่าประธานของตัวเองจบจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตงด้วยฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง เป็นต้นแบบของคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อย
แต่ใครจะรู้ว่า ประธานของหยวนฟางจะอายุน้อยกว่าอีก ทั้งยังแข็งแกร่งมากกว่า!
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นแค่นักศึกษาใหม่เท่านั้น
นี่คือนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ชื่อดังสินะ?
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือเกี่ยวกับการแข่งขันแลกเปลี่ยน หลายคนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่
ในสายตาคนธรรมดา มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แทบไม่ต่างกัน มหาวิทยาลัยชื่อดังแค่มีชื่อเสียงมากกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
แต่ตอนนี้ทุกคนตระหนักได้แล้วว่า ไม่เหมือนกันจริงๆ!
มหาวิทยาลัยชื่อดัง สุ่มนักศึกษาใหม่ออกมาคนหนึ่ง กลับสามารถเอาชนะบัณฑิตที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ ได้ นี่คือความแตกต่าง!
“คุณฟาง…”
หลี่เฉิงเจ๋ออดเรียกเบาๆ ไม่ได้ ฟางผิงไม่มองไปทางเว่ยตงเซิงอีกแล้วเช่นกัน
เขาเอ่ยว่า “ให้คนมาจัดการ กลับไปฉันจะโอนเงินไปที่บริษัท”
ทิ้งคำพูดนี้แล้ว ฟางผิงไม่คิดรั้งตัวอยู่อีก หมุนกายเดินออกไป
เขาไปแล้ว มีคนอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าของบริษัทหยวนฟาง…เก่งจริงๆ!”
“ประธานเว่ยเขา…”
“เฮ้อ ความจริงประธานเว่ยเก่งเหมือนกัน พวกนายต่างรู้ดี ไม่กี่วันก่อนประธานหลายแห่งจากที่อื่นมาเยี่ยมเยือนประธานเว่ย พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองเช่นกัน…”
เว่ยตงเซิงเปิดบริษัทด้วยดีกรีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง ท่ามกลางกิจการขนาดเล็กในเมืองมหาวิทยาลัยถือว่าความสามารถไม่อ่อนด้อย
ช่วงนี้พวกประธานบริษัทแห่งอื่นทยอยมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย
ในนั้นมีบางคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่พวกเขารู้จัก เวลานั้นยังเกรงอกเกรงใจเว่ยตงเซิงอย่างมาก
นี่ก็สาเหตุที่ทุกคนมั่นใจว่าครั้งนี้จะได้เห็นเรื่องสนุกจากบริษัทหยวนฟาง
แต่ผลลัพธ์กลับเหนือความคาดหมายของทุกคน!
เว่ยตงเซิงพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
—
ฟางผิงจากไปแล้ว หลี่เฉิงเจ๋อกลับไม่กล้าโรยเกลือใส่แผลพวกเขาในเวลานี้ จึงรีบออกไปเช่นกัน
ฟางผิงโจมตีจนเว่ยตงเซิงยอมแพ้แต่โดยดี หากเวลานี้เขารีบจัดการรับมอบบริษัท เว่ยตงเซิงคงแค้นเขาฝังหุ่นอย่างแน่นอน
คนของหยวนฟางไปแล้ว ทางตงเซิงกลับกระวนกระวายใจอยู่บ้าง บรรยายกาศเงียบสงบจนแปลกประหลาด
เรื่องที่ถูกหยวนฟางรวบกิจการไป ทุกคนไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายกัน
อย่างน้อย เจ้าของหยวนฟางก็แข็งแกร่งกว่าเจ้านายของพวกเขา คงจะมีอนาคตที่ดีกว่า
ในห้องทำงาน
เว่ยตงเซิงลูบแก้มที่บวมช้ำจนน่ากลัว ลังเลพักหนึ่ง ก่อนจะคว้าโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน
รอจนโทรติดแล้ว เว่ยตงเซิงค่อยเอ่ยอย่างนอบน้อม “อาจารย์ครับ”
“ตงเซิง มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“ผม…เมื่อครู่ผมเพิ่งประมือกับนักศึกษาใหม่ของเซี่ยงไฮ้คนหนึ่ง…”
“อ้อ? ลองเล่ามาสิ”
อาจารย์ของเว่ยตงเซิงสนใจไม่น้อย รุ่นของเว่ยตงเซิงนี้ อาจารย์ของเขาก็เพิ่งเริ่มรับลูกศิษย์ใหม่เช่นกัน ตอนนี้กำลังเป็นอาจารย์ของคลาสนักศึกษาใหม่
แม้ว่าเว่ยตงเซิงจะความสามารถธรรมดา แต่จบการศึกษาด้วยขั้นสอง นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
ถึงจะเป็นนักศึกษาใหม่ของเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ก็น่าจะอยู่ขั้นหนึ่ง อาจารย์ของเว่ยตงเซิงกลับอยากเห็นว่าลูกศิษย์คนนี้ของเขาจะประเมินความสามารถเด็กใหม่ของเซี่ยงไฮ้ยังไง
“ผม…ผมเกือบถูกฆ่าตายด้วยดาบเดียว…เขาแข็งแกร่งมาก!”
“หื้ม? ดาบเดียว?”
“ครับ เคล็ดวิชาดาบของเขาเร็วมาก ปราณก็กล้าแกร่ง ผมหนีไม่พ้นจริงๆ ดาบนั้นน่าจะระเบิดปราณสามสิบแคลเป็นอย่างต่ำ…”
“เธอนี่จริงๆ เลย!”
อาจารย์ของเว่ยตงเซิงกลับไม่ได้ตกใจจนเกินเหตุ เพียงแค่ผิดหวังเล็กน้อยเท่านั้น “หากเธอสามารถควบคุมพลังปราณของตัวเองได้ คงไม่ถึงขั้นแพ้ในดาบเดียวหรอก!”
เว่ยตงเซิงที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง หากสามารถควบคุมพลังได้ดี ระเบิดปราณโจมตีสามสิบแคลคงไม่ใช่เรื่องยาก
แต่เห็นได้ชัดว่าเว่ยตงเซิงทำไม่ได้ จึงถูกดาบของฟางผิงฟันลงมาจนยกกระบี่ไม่ขึ้น
วิจารณ์ต่ออีกเล็กน้อย ก่อนอาจารย์ที่อยู่ปลายสายจะชั่งน้ำหนักคิด “เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว อีกฝ่ายชื่ออะไร?”
“ฟางผิงครับ”
“ฟางผิง…สามารถออกกระบวนท่าด้วยพลังปราณสามสิบแคล…บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่านี้…”
พึมพำอยู่พักหนึ่ง อาจารย์ของเว่ยตงเซิงค่อยเอ่ยอีกครั้งว่า “แม้จะจบไปแล้ว แต่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ไม่อาจปล่อยวางได้ ครั้งนี้คงได้รับบทเรียนแล้ว คิดเอาเองเถอะ ฟางผิงคนนี้น่าจะเป็นผู้ร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนของเซี่ยงไฮ้ อย่าเพิ่งท้อแท้ไป เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่แข็งแกร่งขนาดนี้ทุกคน”
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณครับอาจารย์”
“…”
วางสายแล้ว เว่ยตงเซิงหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง จบปีสี่ด้วยฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง
แม้ว่าจะเทียบกับอัจฉริยะในมหาวิทยาลัยพวกนั้นไม่ได้ แต่เว่ยตงเซิงคิดว่าตัวเองไม่ได้อ่อนด้อยเช่นกัน
อย่างน้อยอัจฉริยะในหมู่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป หลายคนจบการศึกษาด้วยขั้นสองทั้งนั้น
เซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งกว่าครุศาสตร์หวาตง แต่เว่ยตงเซิงคิดว่า นอกจากนักศึกษาปีสามปีสี่ของเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาที่เหลือคงไม่น่ากลัวอีกแล้ว
แต่ใครจะรู้ว่า ผลลัพธ์กลับทำให้คนผิดหวัง
ลูบแก้มของตัวเองเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตามองห้องทำงาน เว่ยตงเซิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
—
สวนอวี้หยวน
ฟางผิงเจอพวกฟู่ชางติ่งที่นั่น
พอเจอกัน ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยอย่างแปลกใจ “มาเร็วดีนี่ ระบายอารมณ์เสร็จแล้ว?”
“อืม”
“ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“ผู้ชาย”
“ให้ตาย ผู้ชาย นายก็เกินไป…”
ทุกคนพากันแอบขำ ฟางผิงถลึงตามองเขา เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “พอดีเลย ฉันยังไม่สมใจ นายอยากลองสักหน่อยไหมล่ะ?”
“แค่กๆ ฉันขอผ่าน ฉันคิดว่าซงเชาเชาเหมาะที่สุดแล้ว นายไปหาเขาได้”
ถังซงถิงยิ้มเย็น “ฟู่ชางติ่ง นายยังคิดว่าฉันกลัวนายหรือไง?”
“อะไร ไม่ยอมรับ?”
“…”
ทั้งสองคนปะทะกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนฟู่ชางติ่งจะมองไปทางฟางผิงด้วยรอยยิ้ม “เห็นนายแทบไม่หืดไม่หอบอะไร ความสามารถของอีกฝ่ายเป็นยังไงบ้าง?”
“ธรรมดา”
ฟางผิงพูดพลางส่ายหน้า “เป็นผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ขาดแคลนประสบการณ์ ฉันคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามและผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปแทบไม่ต่างกันมาก อย่างน้อยคนที่ต่ำกว่าขั้นสามก็เป็นแบบนั้น”
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามส่วนมากต้องเข้าไปในถ้ำใต้ดิน ความสามารถจึงก้าวกระโดดออกมา
แต่ขั้นหนึ่งขั้นสอง ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาส ความสามารถจึงธรรมดาจริงๆ
ฟู่ชางติ่งไม่คิดแบบนั้น “ต้องแบ่งตามสถานการณ์ จะเหมารวมหมดไม่ได้ แน่นอนว่าหากเปรียบเทียบกันจริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ต้องแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป ทั้งอ่อนแอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ของหน่วยทหารอยู่แล้ว แต่ฉันคิดว่าหลังจากนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแน่ อย่างน้อยก็เริ่มจากรุ่นของพวกเรา จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว”
ทุกคนพูดคุยกัน ทั้งเดินเล่นตามถนนสายโบราณไปพลาง
และที่นี่ทุกคนจึงได้เห็นโปสเตอร์โฆษณาขนาดใหญ่!
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศจะเปิดฉากวันที่ 10 มกราคม คอยติดตามกันได้เลย!”
เซี่ยงไฮ้เริ่มโปรโมทการแข่งขันแลกเปลี่ยนบนถนนแล้ว
ทั้งยังมีนักท่องเที่ยวต่างถิ่นเพิ่มขึ้นไม่น้อย เรื่องที่ซุบซิบกันยังคงเกี่ยวกับการแข่งขันแลกเปลี่ยนทั่วประเทศ
ฟู่ชางติ่งมองโปสเตอร์ ก่อนจะเอ่ยอย่างฮึกเหิม “มีแรงกระตุ้นขึ้นมาแล้ว ไม่แปลกใจที่มนุษย์หนีจากคำว่าชื่อเสียงและผลประโยชน์ไม่พ้น แค่นึกขึ้นว่าเอาชนะทั้งสี่ฝ่ายจากการแข่งขันแลกเปลี่ยนได้…”
“เงียบซะดีกว่า นายเนี่ยนะ?” ถังซงถิงโจมตีขึ้นมาอีกครั้ง
ฟู่ชางติ่งไม่สนใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่แน่สักหน่อย ฉันคิดว่าตัวเองไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร!”
“งั้นทำไมนายไม่ท้าประลองตำแหน่งหัวหน้าล่ะ?”
“ฮ่าๆ นายจะไปเข้าใจอะไร!”
“ฮ่าๆๆ…”
“…”
ทั้งสองคนประชดประชันกันไปมา ส่วนฟางผิงกลับจมดิ่งในความคิด
นักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ หากเป็นเหมือนเว่ยตงเซิง คงไม่มีอะไรน่ากังวล
การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้จะมีผู้ฝึกยุทธ์ประเภทหวังจินหยางโผล่ออกมาหรือเปล่า?
“อาจจะมี…”
ฟางผิงพึมพำ หากอ่อนแอจนเกินไป ความกระตือรือร้นต่อการแข่งขันแลกเปลี่ยนของเขาคงลดน้อยลงแล้ว
———————-