ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 150-2ทีมรบหลัก (2)
ตอนที่ 150 ทีมรบหลัก (2)
นี่มันคือการแลกเปลี่ยนความรู้ที่ไหนกัน หาจังหวะฆ่ากันตายชัดๆ เธอก็ไม่สนใจบาดแผลของตัวเองแม้แต่น้อย
พอเขายอมแพ้ จ้าวเสวี่ยเหมยค่อยโล่งใจ เดินไปอีกฝั่งเริ่มพันแผลรอบมือของตัวเอง
หยางเสี่ยวม่านและเฉินอวิ๋นซีรีบเข้าไปช่วย ทั้งสองคนต่างมองเธออย่างแปลกๆ
ฟางผิงลอบชมไม่หยุด จ้าวเสวี่ยเหมยแข็งแกร่งกว่าถังซงถิงอย่างนั้นเหรอ?
อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ถึงกระทั่งด้อยกว่าอยู่บ้าง ไม่งั้นถังเฟิงคงไม่ให้ถังซงถิงอยู่ในทีมหลักหรอก
แต่จ้าวเสวี่ยเหมยบ้าระห่ำจริงๆ!
ผู้หญิงคนนี้โจมตีแต่ท่าอันตราย เสี่ยงถูกตัดแขนและขา แต่เธอกลับไม่สนใจ ถังซงถิงยังจะลังเลกว่าเธอเสียอีก
เสียโอกาสครองความได้เปรียบไปแล้ว สุดท้ายยังต้องทิ้งดาบ นี่ถึงได้ถูกโจมตีอย่างน่าอนาถ
ถังเฟิงมองจ้าวเสวี่ยเหมยด้วยสายตาชื่นชม ก่อนจะมองฟางผิงอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง
ฟางผิงใบหน้ามืดครึ้ม ให้ตายเถอะ ฉันไปล่วงเกินใครเข้ากัน?
สีหน้าของถังเฟิงนั้นบอกอย่างชัดเจน ฟางผิงที่เป็นผู้ชาย โจมตีอย่างบ้าระห่ำสู้จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ได้ด้วยซ้ำ
ฟางผิงรู้สึกไม่ยุติธรรม
ฉันไม่ต้องพยายามเอาเป็นเอาตายขนาดนั้นก็ชนะ จะต้องตีกันอย่างรุนแรงไปทำไม
สู้สุดชีวิตนั่นเป็นตัวเลือกของผู้อ่อนแอ คนแข็งแกร่งอย่างฉันไม่มีความจำเป็นต้องสู้อย่างบ้าคลั่งแบบนั้น?
แน่นอนว่า เขาเข้าใจถังเฟิงได้เช่นกัน
ราชสีห์ถังได้รับสมญานามว่า ‘ราชสีห์คลั่ง’ คนบ้าระห่ำเช่นนี้คงรู้จักแต่สู้สุดชีวิต จะเข้าใจหลักการมีชีวิตรอดถึงจะเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งได้ยังไง
ลอบนินทาในใจแล้ว ถังเฟิงกลับไม่มองเขาอีก เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “จ้าวเสวี่ยเหมยเข้าสู่ทีมหลักอย่างเป็นทางการ ถังซงถิงย้ายไปอยู่ทีมสำรอง ยังมีใครจะท้าประลองอีกหรือเปล่า?”
หลังจากนั้นยังมีคนเลือกท้าประลอง ส่วนมากล้วนเป็นสมาชิกทีมสำรอง
ส่วนทางทีมสำรอง กลับไม่มีใครท้าประลองอีก
เฉินอวิ๋นซีน่าจะมีความสามารถนี้ แต่อีกฝ่ายเอาแต่ปิดปากเงียบ ถังเฟิงก็ไม่คิดบังคับ
เวลาช่วงเช้าผ่านไป ยังคงเป็นสิบคนเดิม ตำแหน่งที่เปลี่ยนแปลงไปมีแค่ถังซงถิงและจ้าวเสวี่ยเหมย
ถังซงถิงเผยสีหน้าแห้งเหี่ยวอยู่ตลอดเวลา น่าอายเกินไปแล้ว!
—
ยืนยันสมาชิกแล้ว
ถังเฟิงเอ่ยอย่างรวดเร็ว “ระยะห่างจากการแข่งยังมีอีกเก้าวัน พรุ่งนี้เป็นต้นไป พวกเราจะไปอุ่นเครื่องที่มหาวิทยาลัยอื่น! ทีมสำรองเป็นหลัก ทีมรบหลักอยู่แนวหลัง! มหาวิทยาลัยอื่นไม่อยากแพ้จนน่าเกลียดเกินไป แม้จะไม่ให้ทีมหลักออกโรง แต่คงไม่ให้ผู้อ่อนแอออกมาประลองเช่นกัน อีกอย่างพวกจ้าวเสวี่ยเหมย ยังขาดอีกนิดก็จะเข้าสู่ขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือก็ขยันตั้งใจหน่อย แตะขั้นหนึ่งสูงสุดก่อนแข่งขันยังคงมีหวัง!”
จ้าวเสวี่ยเหมยและถังซงถิงยังมีโอกาสที่จะเข้าสู่ขั้นหนึ่งสูงสุด ทั้งสองคนขาดแค่หลอมกระดูกไม่กี่ชิ้นเท่านั้น
ทีมสำรองนอกจากเฉินอวิ๋นซีแล้ว คนอื่นๆ อีกสามคนก็ขาดแค่เพียงเล็กน้อย
“การแข่งขันอุ่นเครื่องครั้งนี้ สถานีแรกที่พวกเราต้องไปคือมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง สถานีที่สองคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาตง มหาวิทยาลัยสองแห่งนี้เป็นสมาชิกของทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย แม้จะสู้เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งไม่ได้ แต่ความสามารถไม่ธรรมดาเช่นกัน เปิดหูเปิดตากับฝีมือพวกเขาสักหน่อย คงจะมีส่วนช่วยให้ทุกคนมีความมั่นใจขึ้นมาไม่น้อย ทั้งถือโอกาสนี้ เติมช่องว่างให้เต็ม ดูว่าจุดอ่อนของตัวเองอยู่ที่ไหน”
พวกฟู่ชางติ่งไม่สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ โอกาสที่ทีมหลักจะออกหน้ามีไม่เยอะ ครั้งนี้หลักๆ คงดูความสามารถของทีมสำรอง
สิ่งที่ฟู่ชางติ่งสนใจยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งจากมหาวิทยาลัยอื่น รอถังเฟิงพูดจบแล้ว เขาจึงเอ่ยถาม “อาจารย์ครับ ไม่ไปมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้หวากั๋วเหรอครับ? เว่ยปินจากหวากั๋ว ได้ยินว่าฝีมือไม่ใช่เล่นๆ…”
“หวากั๋วอยู่ในปักกิ่ง พวกเราคงไม่ไป เว่ยปินนั้นแข็งแกร่งหรือไม่ ถึงเวลานั้นคงรู้เอง กลับจะเป็นหานซวี่จากปักกิ่งมากกว่าที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง!”
ถังเฟิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หานซวี่ น่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หลอมกระดูกสามครั้งเหมือนกัน ตอนนี้เขาคงอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดเป็นอย่างต่ำ ทั้งมีโอกาสจะทะลวงขั้นสอง ส่วนทางเซี่ยงไฮ้…”
ถังเฟิงชำเลืองตามองฟางผิงอย่างไม่ชอบใจอยู่บ้าง เอ่ยอย่างน่าสะพรึงกลัวว่า “คู่ต่อสู้ของฟางผิงก็คือหานซวี่ ชนะได้แต่ห้ามแพ้! หากพ่ายแพ้ สามปีในอนาคต ฟางผิงแลกเปลี่ยนทรัพยากร ต้องใช้คะแนนเพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์!”
ฟางผิงแทบจะกระอักเลือดออกมา เอ่ยอย่างขุ่นเคือง “อาจารย์ถัง คุณจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งกันชัดเจนเกินไปแล้ว”
“ใช่ ฉันใช้อำนาจกดดันเธอนั่นแหละ…เธอใจกล้าไม่น้อย ลับหลังยังเอาแต่เรียกฉันว่าราชสีห์ถัง ฉันพูดถูกใช่ไหม?”
“แค่กๆๆ…ที่ไหนกันล่ะครับ อาจารย์ ต้องมีคนตั้งใจใส่ร้ายผมแน่ หยางเสี่ยวม่านและจ้าวเหล่ยไม่ชอบขี้หน้าผมนานแล้ว…”
“ฉันได้ยินเองกับหู!”
“งั้นอาจารย์คงหูฝาดไปเอง…”
“ฉันเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุด หูไม่ได้มีปัญหา!”
ถังเฟิงแค่นเสียง เอ่ยอย่างดุดันว่า “ถ้าเธอเอาชนะหานซวี่ได้ ลับหลังจะเรียกฉันว่ายังไง ฉันไม่สร้างปัญหาให้เธอแน่นอน แต่ถ้าเธอแพ้…หึๆ”
“อาจารย์ ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี่ครับ? ผมก็มีอาจารย์ของตัวเอง…”
“หลู่เฟิ่งโหรวเองยังไม่คัดค้าน เธอคัดค้านอย่างนั้นเหรอ?”
ฟางผิงอยากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ตกลงฉันเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดของเซี่ยงไฮ้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย ทำไมรู้สึกว่าฉันไม่ค่อยได้รับความดูแลเอาซะเลย!
ดีที่ประโยคถัดมาของถังเฟิงทำให้เขาสบายใจขึ้นอยู่บ้าง
“หากเธอชนะหานซวี่ มหาวิทยาลัยจะให้รางวัลเธอพิเศษอีกหนึ่งร้อยคะแนน”
“แค่หนึ่งร้อยคะแนน เขาเป็นตั้งอันดับหนึ่งของประเทศ…”
“จะเอาไม่เอาก็แล้วแต่ ตอนนี้ระยะห่างจากเกาเข่าผ่านมาแปดเดือนแล้ว ตกลงฝีมือของหานซวี่เป็นยังไง ใครก็พูดไม่แน่ชัด บางทีอาจจะไม่แข็งแกร่งไปกว่าทีมสำรอง นี่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…”
“งั้น…งั้นก็ได้ครับ”
ฟางผิงทำสีหน้าราวกับจนใจอย่างยิ่ง ถังเฟิงกลับรู้ว่าเจ้าเด็กนี้ในใจคิดลิงโลดไปไหนต่อไหนแล้ว
นี่นับว่าเป็นการใส่ร้ายฟางผิง เพราะฟางผิงเองก็ยังบอกไม่ถูกว่าตัวเองดีใจหรือเสียใจกันแน่
แต่เรื่องที่ต้องเจอมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง ทั้งประมือกับหานซวี่เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
ในเมื่อต้องประมือ ฟางผิงก็ไม่อยากแพ้เหมือนกัน
ชนะยังมีรางวัลพิเศษให้ นับว่าเป็นเรื่องน่าดีใจ
ส่วนแพ้…ฟางผิงฮึดฮัดในใจ แพ้แล้วเวลาแลกเปลี่ยนต้องเพิ่มคะแนนอีกสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่มีทางเอาซะหรอก!
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เขาคงจะวางแผนย้ายมหาลัย ไม่รู้ว่าปักกิ่งจะรับนักศึกษาของเซี่ยงไฮ้หรือเปล่า
แผนการในใจพวกนี้ ถังเฟิงไม่รู้อยู่แล้ว
เพื่อกระตุ้นฟางผิง อาจารย์พวกนี้จึงช่วยระดมความคิดกันเท่านั้น
—
สิ้นสุดการแบ่งทีม ทั้งยืนยันการเดินทางไปมหาวิทยาลัยครุศาสตร์พรุ่งนี้แล้ว ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป
ตอนที่กลับหอพัก ฟู่ชางติ่งกลับเอ่ยด้วยสีหน้าหนักแน่น “ฟางผิง นายต้องระวังหานซวี่ไว้ด้วย ไม่ใช่แค่เขา หลี่หรานด้วยเหมือนกัน ทั้งสองคนนี้ ฉันรู้จัก ก่อนหน้านี้เรียนโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งที่ปักกิ่งก็เป็นอัจฉริยะมีชื่อเสียง ฉันเคยเจอหลายครั้งแล้ว ฝีมือแข็งแกร่งอย่างมาก…”
“เทียบนายกับพวกเขาล่ะ?”
“ก่อนหน้านี้อาจจะด้อยกว่าเล็กน้อย ตอนนี้…อาจจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว!” ฟู่ชางติ่งไม่คิดถ่อมตัว
“งั้นฉันก็ไม่มีปัญหา”
“นาย…นายหมายความว่ายังไง?”
“นายยังไม่มีปัญหา ฉันจะมีปัญหาได้ยังไง?”
ฟู่ชางติ่งทำหน้าขุ่นเคือง แค่นเสียงว่า “ถึงเวลานั้นพวกเราคอยดูละกัน รอพวกเขาเอาชนะนายแล้ว ฉันจะเอาชนะพวกเขาอีกที ให้คนอื่นได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้”
“นาย? นายเอาชนะจ้าวเหล่ยได้ค่อยมาว่ากัน หมอนั่นแพ้ฉันมาแล้ว”
“นั่นไม่เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ทุกคนหลอมกระดูกไม่เท่ากัน แต่ตอนนี้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันหมดแล้ว…”
ฟางผิงหาวหวอด ไม่สนใจเขา ไม่ใช่นายก้าวหน้าคนเดียวสักหน่อย
ผ่านมาหลายวันขนาดนี้ คิดว่าฉันเอาแต่อยู่เฉยๆ หรือไง
——————–