ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 154 พิธีเปิดการแข่งขันแลกเปลี่ยน (1)
ตอนที่ 154 พิธีเปิดการแข่งขันแลกเปลี่ยน (1)
วันที่ 10 มกราคม
การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ!
ตั้งแต่เช้าตรู่หน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ก็มีคนหลั่งไหลมารวมตัวกัน
ด้านหน้ามีนักข่าวจำนวนไม่น้อยครองที่นั่งแถวแรกสุด แสงแฟลชวูบวาบอย่างไม่ขาดสาย
“ผู้ว่าหวงของเซี่ยงไฮ้มาแล้ว”
“รองผู้อำนวยการจางจากกระทรวงการศึกษา”
“ผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนของเซี่ยงไฮ้!”
“เอ๋ นั่นมันคนของหน่วยทหารหรือเปล่า?”
“แวดวงธุรกิจก็มีคนมา นั่นมันรองประธานของบริษัทฟู่ซิงสินะ?”
“ประธานแปซิฟิกประกันภัยก็มาด้วย คนๆ นี้มาไม่ใช่เรื่องดีแน่ คงไม่ใช่ว่าจะมีคนตายเลยเตรียมมาให้เงินชดเชยหรอกนะ?”
“…”
ด้านนอกฝูงชน ฟางหยวนเขย่งปลายเท้า ร้อนใจจนเหงื่อท่วมหัว เอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “มองอะไรไม่เห็นเลย ทำไมไม่ให้พวกเราเข้าไปกัน?”
ถานเจิ้งผิงยิ้มปลอบใจว่า “รอพวกคนใหญ่คนโตประจำที่นั่งแล้ว คงถึงตาของพวกเรา”
เทียบกับบุคคลสำคัญพวกนั้นแล้ว พวกเราสามารถเข้าไปชมการต่อสู้ได้ถือว่าดีมากแล้ว ถานเจิ้นผิงไม่คิดร้องขอเกินตัว
ส่วนเบื้องบนที่สูงกว่าหัวหน้าเขา…
กระทรวงการศึกษามีรองผู้อำนวยการมาคนหนึ่ง นั่นไม่เกี่ยวข้องกับถานเจิ้นผิง
คนตำแหน่งเล็กๆ อย่างเขามีถมเถไป ใครจะรู้ว่าเขาเป็นใครกัน
“นักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ล่ะ?”
มีคนถามอย่างสงสัยขึ้นมา ถานเจิ้นผิงไม่ได้สนใจว่าใคร ตอบส่งๆ ว่า “เหมือนจะเข้ามาจากประตูอื่นก่อนแล้ว”
อู๋จื้อหาวกลับบ่นอุบอิบ “ฟางผิงเจ้าหมอนั่นไปไหนกัน ว่าจะให้เขาพาพวกเราเข้าไปล่วงหน้าซะหน่อย ปรากฏว่าไม่เห็นแม้แต่เงาคน”
“พี่บอกว่าเขามีธุระ ให้พวกเราเข้าไปกันก่อน”
ฟางหยวนช่วยแก้ต่างแทนพี่ชาย หากฟางผิงมีเวลาว่าง คงมาช่วยอำนวยความสะดวกให้น้องสาวอย่างเธออยู่แล้ว
พวกเขาเดินตามฝูงชน เบียดกันไปพลาง พูดคุยเสียงดังไปพลาง
บุคคลสำคัญที่อยู่ตรงกลาง ตอนนี้ได้ทยอยเข้าสู่สนาม ไม่นานก็มาถึงคิวของพวกเขา
จะว่าเร็วก็เร็ว พอพวกคนใหญ่คนโตเข้าไปกันแล้ว ทางเซี่ยงไฮ้จึงเริ่มมีคนมานำทาง จัดการให้ผู้ชมทยอยลงสู่สนาม
—
หลังจากนั้นเจ็ดแปดนาที ทุกคนจึงเดินตามกันเข้าไปในสนามกีฬาของมหาลัยเซี่ยงไฮ้
ฝูงชนเพิ่งเข้าสู่สนาม เสียงจึงดังโหวกเหวกไปทั่ว
ไม่นานเวทีใหญ่กลางสนามกีฬาก็มีผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวตะโกนว่า “รักษาความสงบด้วย!”
“ทุกท่านหาที่นั่งของตัวเองเจอแล้ว ไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดัง”
“นี่เป็นการแข่งขันแลกเปลี่ยนของผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ใช่คอนเสิร์ตของดาราดัง”
“รักษาความสงบจะเป็นการให้ความเคารพต่อผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน!”
“ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรบกวนกฎระเบียบของการประลองได้ ไม่อนุญาตให้ส่งเสียงดังอย่างไร้เหตุผล ไม่อนุญาตให้ดูหมิ่นสบประมาทผู้เข้าร่วมแข่งขัน!”
“…”
ผู้ฝึกยุทธ์บนเวทีประกาศกฎระเบียบออกมาติดต่อกัน ฝูงชนจึงค่อยๆ เงียบลง
เวลานี้ทุกคนเพิ่งตระหนักได้ว่า นี่ไม่ใช่คอนเสิร์ตที่พวกเขาไปดูกันปกติ ทั้งการแข่งขันแลกเปลี่ยนก็ไม่ใช่การแสดงละครงิ้ว
ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์คนใดล้วนเป็นมีตำแหน่งเหนือกว่าคนในสังคม
วันนี้ให้พวกเขาเข้าสู่สนามร่วมชมการต่อสู้ถือเป็นการเปิดประสบการณ์แล้ว
นอกจากสนามมวยใต้ดิน การแข่งขันต่อสู้ขนาดใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ์เช่นนี้ เมื่อก่อนแทบไม่อนุญาตให้คนทั่วไปร่วมชม
ประกาศกฎเกณฑ์แล้ว ผู้ฝึกยุทธ์บนเวทีค่อยพูดต่อว่า “การแข่งขันแลกเปลี่ยนนักศึกษาใหม่ทั่วประเทศครั้งที่หนึ่ง เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!”
ผู้ชมด้านล่างเวทีแทบตั้งตัวไม่ทัน เร็วขนาดนี้เลย?
ไม่มีประธานกล่าวเปิดงาน?
ไม่มีการแนะนำแขกที่มาเยือน?
ในขณะที่ทุกคนงุนงง ฟากหนึ่งของเวที มีคนถือไมโครโฟนขึ้นมา “ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โปรดรักษาความเงียบสงบ! การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้มีผมและผู้ฝึกยุทธ์คนสวยด้านข้างนี้ทำหน้าที่พิธีกรให้กับทุกคน ผมขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมหลิวหวาหรง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ มาจากสมาพันธ์ผู้ฝึกยุทธ์”
“ฉันเฉินเสวี่ยเยี่ยน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่จากกระทรวงการศึกษา”
หลิวหวาหรงดูเหมือนอายุยังน้อย เพิ่งจะสามสิบต้นๆ ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา
ส่วนเฉินเสวี่ยเยี่ยน แม้จะเผยรอยยิ้ม กลับไม่ได้เป็นธรรมชาติขนาดนั้น
การแข่งขันแลกเปลี่ยนครั้งนี้เปิดเผยต่อสาธารณะชน ให้คนทั่วไปเข้าชมได้ ก่อนหน้านี้ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์กัน
ดังนั้นทุกคนจึงมีความคิดต่อการจัดงานแข่งขันครั้งนี้แตกต่างกันออกไป
บางคนแนะนำว่าให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายหน่อย ถึงขั้นให้เชิญพิธีกรตลกชื่อดังในอุสาหกรรมบันเทิงมาคอยบรรยายให้ทุกคนฟัง
แต่หลายคนไม่เห็นด้วย คิดว่าควรจะจริงจังหน่อย การแข่งขันแลกเปลี่ยนไม่ใช่การแสดงปาหี่ และไม่ใช่การแสดงละครเช่นกัน
นี่เป็นการแข่งขันที่จริงจังของผู้ฝึกยุทธ์
ยังมีสิ่งที่เกี่ยวข้องภายในอีกมากมาย รวมถึงความคิดของผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขัน คนพวกนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะ ไม่ใช่สมาชิกในคณะละครสัตว์
ถกเถียงกันจนสุดท้ายแต่ละฝ่ายยอมกันคนละครึ่งทาง เชิญหลิวหวาหรงที่คุยเก่งมาคอยอธิบายอะไรง่ายๆ และเชิญเฉินเสวี่ยเยี่ยนจากกระทรวงการศึกษามาเป็นผู้ช่วย แต่หน้าที่หลักๆ คือคอยกำกับดูแล ไม่ให้หลิวหวาหรงพูดถึงเรื่องที่กระทบการแข่งขัน
ทั้งสองคนแนะนำตัวกันแล้ว ไม่นานหลิวหวาหรงก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พูดตามจริง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมยืนอยู่ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ พิธีกรงานใหญ่อย่างการแข่งขันแลกเปลี่ยนคงไม่อาจพูดมากได้ ผมจะแนะนำความเป็นไปเป็นมาของการแข่งขันครั้งนี้คร่าวๆ แล้วกัน ประเทศจีนมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดเก้าสิบเก้าแห่ง ในนั้นมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในมหาวิทยาลัยอีกเก้าสิบเจ็ดแห่ง มีมหาวิทยาลัยหวากั๋ว มหาวิทยาลัยจิงตู มหาวิทยาลัยตงหวา มหาวิทยาลัยจิงหนาน…มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แปดแห่ง รวมทีมเป็นพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แปดสิบเก้าแห่งที่เหลือ รวมทีมเป็นพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้”
“ครั้งนี้การแข่งขันแลกเปลี่ยนจึงมีสี่ทีมที่กล่าวถึง แบ่งเป็นมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย และทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ การแข่งขันใช้ระบบต่อสู้แบบทีม ทุกครั้งที่แข่งขัน ทุกทีมต้องมีคนลงสนามอย่างมากที่สุดห้าคน ต่อสู้กันตัวต่อตัว ผู้แพ้ลงจากเวที ผู้ชนะสามารถรับการประลองต่อได้ ทีมไหนสามารถยืนหยัดจนถึงรอบสุดท้าย ทีมนั้นเป็นฝ่ายชนะ”
“รูปแบบค่อนข้างเรียบง่าย อีกอย่างลำดับการลงสนามของผู้เข้าแข่งขันจะมีการประกาศล่วงหน้า การแข่งขันรอบแรกจะตัดสินโดยการจับสลาก! พิธีเปิดการแข่งขันวันนี้ หลักๆ เพื่อให้ทุกคนรับรู้ถึงสมาชิกของแต่ละทีม รวมถึงการจับสลากของคู่ต่อสู้ มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เก้าสิบเก้าแห่งทั่วประเทศ นักศึกษาใหม่นับหมื่นคน วันนี้ผู้ที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขัน แม้จะเป็นทีมสำรอง ก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะของผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ในประเทศจีน! ต่อไปจะให้ทุกคนได้รู้จักอัจฉริยะที่น่าภาคภูมิใจพวกนี้ หลายปีหลังจากนี้ บางทีพวกเราอาจสามารถมองเห็นแผ่นหลังของพวกเขาในจุดสูงสุดของแต่ละสายอาชีพ!”
“ขอเชิญทีมเจ้าภาพการแข่งขันในครั้งนี้ ทีมมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้!”
—
ด้านหลังเวที
ฟู่ชางติ่งจัดแจงเสื้อผ้า เอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “จู่ๆ ฉันก็ตื่นเต้นขึ้นมาซะงั้น”
“เหมือนกัน”
“คนมากันเต็ม ชั้นสองยังมีปรมาจารย์อีกหลายคน!”
“…”
ทุกคนต่างตื่นเต้นกันอยู่บ้าง ไม่เว้นแม้แต่ฟางผิง
ไป๋รั่วซีที่อยู่ด้านข้างปลอบใจว่า “ไม่ต้องตื่นเต้น แค่เดินเข้าไปในสนามเท่านั้น วันนี้ไม่มีการแข่งขัน พวกเธอทำได้อยู่แล้ว! หากครั้งนี้ยังตื่นเต้น ครั้งต่อไปขึ้นสังเวียนจริงๆ นั่นคงลำบากแล้ว”
ทุกคนพยักหน้าระรัว การต่อสู้ครั้งหน้า คนคงจะเยอะเหมือนกัน
หากครั้งนี้ยังตื่นเต้น การแข่งขันครั้งต่อไปผิดพลาดขึ้นมา อาจจะพลั้งถึงชีวิตก็ได้
รอจนได้ยินเสียงตะโกนด้านหน้า ฟางผิงค่อยถอนหายใจ เอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ไป ขึ้นไปกัน!”
ทุกคนต่างรู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง แต่ยังคงวางท่าได้อย่างเหมาะสม ได้ยินแบบนั้นจึงตามฟางผิงขึ้นเวทีไปด้วยกัน
—
ด้านหน้าเวที
ระหว่างที่หลิวหวาหรงรอพวกเขาลงสนาม ก็เปิดอ่านข้อมูลด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ในอินเตอร์เน็ตมีการเผยแพร่ข้อมูล ผมมีโอกาสดูมาเช่นกัน เวลานั้นจ้าวเหล่ยจากเซี่ยงไฮ้มีคนเชียร์ค่อนข้างมาก จ้าวเหล่ยเป็นนักเรียนที่สอบได้คะแนนเยอะที่สุดของเซี่ยงไฮ้ในปี 2008 ยังไม่ทันเข้ามหาวิทยาลัยก็กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งแล้ว ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าตอนนี้นักศึกษาจ้าวเหล่ยต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม…นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว! นักศึกษาจ้าวเหล่ยเป็นผู้เข้าแข่งขันในทีมเซี่ยงไฮ้เช่นกัน ทั้งยังเป็นสมาชิกทีมหลัก แต่ว่า…หัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้ในปีนี้กลับไม่ใช่นักศึกษาจ้าวเหล่ย แน่นอนว่าหัวหน้าทีมอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่สมาชิกที่ด้อยความสามารถ คงเป็นหัวหน้าทีมไม่ได้อยู่แล้ว! เช่นนั้นครั้งนี้หัวหน้าทีมของเซี่ยงไฮ้จะเป็นผู้กล้าแกร่งคนใดกัน?”
ระหว่างที่หลิวหวาหรงพูด ฟางผิงก็ได้สาวเท้าเดินออกมา
———————-