ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 155 การแข่งขันรอบแรก (1)
ตอนที่ 155 การแข่งขันรอบแรก (1)
“ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่สี่สิบคนที่อยู่ตรงหน้าทุกคน ผมกล้ามั่นใจว่า ในอนาคตอีกสิบยี่สิบปี ในนี้ต้องมีคนกลุ่มหนึ่งที่กลายเป็นมหาอำนาจ มีบทบาทอยู่ในแต่ละแวดวงอาชีพของจีน!”
คำกล่าวเช่นนี้ของหลิวหวาหรง ไม่มีใครเห็นต่างอะไร
ภายในหนึ่งปีนักศึกษาชั้นยอดของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มักจะมีส่วนหนึ่งที่โดดเด่นเฉิดฉายขึ้นมา นี่เป็นเรื่องที่ไร้ข้อโต้แย้ง
“งั้นต่อจากนี้ขอเชิญหัวหน้าทั้งสี่ทีมก้าวออกมาด้วยครับ!”
ฟางผิง หานซวี่ เว่ยปิน ซุนหมิงอวี่ เดินออกมา
“พรุ่งนี้เป็นการแข่งขันรอบแรก จะจัดการแข่งขันสองครั้ง! แบ่งเป็นทีมผู้ชนะและทีมผู้แพ้ พิธีเปิดการแข่งขันในวันนี้ยังมีจุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือจับสลากเพื่อเลือกคู่ต่อสู้!”
หลิวหวาหรงเอ่ยด้วยเสียงดัง “ตอนนี้ขอเชิญรองผู้อำนวยการกระทรวงการศึกษาจางเป่ยเฮ่าเป็นกรรมการจับสลากด้วยครับ!”
ให้ปรมาจารย์เป็นกรรมการ แง่หนึ่งเพื่อต้องการบอกว่าทุกคนให้ความสำคัญกับการแข่งขัน อีกแง่หนึ่งเพื่อแสดงความยุติธรรม ไม่มีใครคิดจะเล่นลูกไม้ใต้ตาของปรมาจารย์ได้ ปรมาจารย์อีกคนก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ทั้งมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ยังอยู่ใต้ความดูแลของกระทรวงการศึกษา มีรองผู้อำนวยการระดับปรมาจารย์ผู้นี้เป็นกรรมการมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้แต่ละแห่งคงไม่มีความเห็นต่างอยู่แล้ว
—
“หวังว่าจะไม่ใช่ปักกิ่ง”
บนชั้นสอง ถังเฟิงพึมพำเบาๆ
แม้จะจับสลากได้ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ถังเฟิงก็ไม่มีความกังวลขนาดนั้น
มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้และมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง ครองอยู่ตำแหน่งอันดับหนึ่งและอันดับสองมาโดยตลอด แน่นอนว่าต้องมีความมั่นใจเป็นธรรมดา ล้วนเป็นอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไปจะมีเหมือนพวกเขา หรือมีการจัดสรรทรัพยากรให้ แต่อัจฉริยะยังคงเป็นอัจฉริยะอยู่วันยังค่ำ
พวกเขาสามารถฝึกฝนได้อย่างราบรื่น หรืออัจฉริยะของเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งจะมีอุปสรรคอย่างนั้นหรือ?
เดิมทีก็นำหน้าอยู่แล้ว ภายในเวลาครึ่งปี ยังคงนำหน้าอยู่ตลอด เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองออกมาสองคน การทะลวงขั้นสองจำเป็นต้องใช้เวลามาก
มีเวลาฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้งั้นเหรอ?
มีเวลาปฏิบัติภารกิจงั้นเหรอ?
ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มีอัจฉริยะมากมายขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีคนทะลวงขั้นสองได้ แต่จะมีกี่คนกันที่เลือกทะลวงในช่วงเวลาแบบนี้?
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้กลับเคี่ยวเข็ญผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองออกมาได้ถึงสองคน ในความคิดของถังเฟิงนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาร้อนรนไม่มีความมั่นใจมากกว่า ตอนนี้เขากังวลแค่ว่าฟางผิงจะจับสลากได้ปักกิ่งเท่านั้น
—
ไม่ใช่แค่ถังเฟิงที่เป็นกังวล อาจารย์นำทีมของมหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่างก็ภาวนาเช่นกัน
การแข่งขันรอบแรกได้เจอกับคู่ต่อสู้แบบไหน ส่งผลกระทบอย่างมากกับการแข่งรอบหลัง
หากผู้แข็งแกร่งเจอกับผู้แข็งแกร่ง ก็มีโอกาสสูงที่จะเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย เสียเปรียบให้กับคนรอบหลัง
บนเวที
จางเป่ยเฮ่าถือกล่องใสด้วยรอยยิ้ม “ในนี้มีลูกบอลเล็กๆ สี่ลูก ซึ่งมีชื่อเขียนไว้ทั้งหมด พวกเธอเลือกเอาเองเถอะ”
ฟางผิงถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปเลือกมาหนึ่งอัน
อีกสามคนที่เหลือก็ไม่ลังเลเช่นกัน ต่างเลือกไปคนละหนึ่งอัน
บรรยากาศในสนามเงียบลงชั่วพริบตา ต่างรอฟังสถานการณ์การแข่งขันในรอบแรก
—
ล่างเวที เวลานี้ฟางหยวนดึงสติกลับมาได้แล้ว พึมพำเบาๆ ว่า “ไม่เอาทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้…”
ในสายตาของคนส่วนมาก ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้อันตรายเกินไป
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตั้งสองคน!
ส่วนสามทีมอื่นๆ ล้วนมีแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ความแตกต่างเช่นนี้จะมากเกินไปแล้ว
ดังนั้นใครได้เจอกับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก่อน ก็มีโอกาสที่จะแพ้สูง
อันดับหนึ่งทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ อันดับสองมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง อันดับที่สามมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อันดับที่สี่ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย นี่คือลำดับที่อยู่ในใจของทุกคน
แต่ฟางหยวนไม่รู้ว่า เวลานี้ฟางผิงกลับพึมพำว่า “ขอให้เป็นทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เถอะ!”
ซุนหมิงอวี่ที่ยืนอยู่ข้างเขา ใบหน้าดำคล้ำจนน่าตกใจ!
หมายความว่ายังไง?
ดูแคลนพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
หานซวี่ที่อยู่ด้านข้าง จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ขอโทษที ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป็นของพวกเราแล้ว พวกนายได้ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย”
“ให้ตายเถอะ!”
ฟางผิงก่นด่า รู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง เบ้ปากว่า “ถือว่าพวกนายโชคดี!”
“ไม่มีความจำเป็นต้องแย่งกันเรื่องนี้ ไม่ช้าก็เร็วพวกเราต้องได้เจอกันอยู่แล้ว”
“ถูกของนาย”
ทั้งสองคนพูดราวกับไม่มีคนยืนอยู่รอบๆ เว่ยปินที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยรอยยิ้มแหยๆ “ทั้งสองคน จะมั่นใจเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
ซุนหมิงอวี่โมโหยิ่งกว่าเดิม!
ประโยคที่ฟางผิงบอกว่าพวกนายโชคดี แง่หนึ่งต้องการจะบอกว่าปักกิ่งจัดการพวกเขาได้ไม่ยาก
อีกแง่หนึ่งคือกำลังบอกว่าโอกาสเด่นตกเป็นของปักกิ่งแล้ว
ขั้นหนึ่งเอาชนะขั้นสอง ในสายตาของพวกเขาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในความคิดของคนภายนอก การประลองข้ามขั้นนั้นเยี่ยมยอดอย่างมาก
ฟางผิงไม่ได้มองซุนหมิงอวี่ กลับปรายสายตามองเว่ยปินแวบหนึ่ง เผยรอยยิ้มบาง “ไม่มั่นใจคงไม่ได้ อาจารย์นำทีมของพวกเราบอกแล้ว รอบแรกต้องสู้ให้เต็มที่ เอาชนะขาดลอยให้ได้ คะแนนให้ไม่อั้น ถ้าแพ้ไปคงจบเห่แล้ว”
เสียงนี้ไม่ใช่เบาๆ เลย บางทีผู้ชมด้านหน้าอาจจะไม่ได้ยิน แต่พวกยอดฝีมือบนชั้นสองกลับสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
หวงจิ่งชำเลืองมองถังเฟิง ถังเฟิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ฉันไปพูดตอนไหนว่าคะแนนให้ไม่อั้น!
ฟางผิงเจ้าหมอนี้กล้าสร้างข่าวลือออกมาต่อหน้าคนมากหน้าหลายตาซะงั้น!
เว่ยปินไม่โกรธเช่นกัน เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ของพวกเราก็พูดประมาณนี้เหมือนกัน”
พวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยค จางเป่ยเฮ่าก็เอ่ยด้วยเสียงดังก้อง ได้ยินทั้งสนามกีฬาอย่างทั่วถึงกัน
“การแข่งขันรอบแรก มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งพบกับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้! ส่วนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้พบกับพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย! เช้าของวันที่สิบเอ็ดมกราคม แปดโมงตรงของพรุ่งนี้จะเริ่มต้นการแข่งขันระหว่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งและทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้”
จะตอนเช้าหรือตอนบ่ายแทบไม่ต่างอะไร
สาเหตุที่ให้ปักกิ่งแข่งขันกับทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก่อน อาจเพราะต้องการดึงดูดความสนใจผู้ชมเท่านั้น
ฝั่งหนึ่งคือมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด อีกฝั่งหนึ่งคือการรวมตัวของมหาวิทยาลัยแปดสิบเก้าแห่งซึ่งมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองถึงสองคน
การแข่งขันจากทั้งสองทีมถึงจะสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้ทั้งสนามได้
เป็นดังที่คาด พอได้ยินว่าตอนเช้าเป็นการแข่งขันของทั้งสองฝ่าย ผู้ชมด้านล่างเวทีก็ตั้งตารอคอยอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่แนะนำตัวสมาชิกทีมทั้งสี่สิบคน ไปจนถึงจับฉลากการแข่งขัน ใช้เวลาทั้งหมดไปกว่าสองชั่วโมง
ท้ายที่สุด จางเป่ยเฮ่ายังคงอยู่บนเวทีต่อ ถือโอกาสกล่าวปิดงานวันนี้ พิธีเปิดการแข่งขันจึงถือเป็นอันสิ้นสุด
—
พวกฟางผิงยังไม่ทันลงจากเวที บนอินเทอร์เน็ตก็มีข่าวเผยแพร่ออกมาแล้ว!
“การแข่งขันรอบแรกพรุ่งนี้เป็นศึกระหว่างทีมปักกิ่งและทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยแปดสิบเก้าแห่ง!”
“เซี่ยงไฮ้พบกับทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัย!”
“ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยแปดสิบเก้าแห่งมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองตั้งสองคน มหาวิทยาลัยอื่น ทีมหลักล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดกันหมด”
“หานซวี่หัวหน้าทีมปักกิ่ง ไม่เสียชื่อที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ยังคงเป็นผู้นำทัพของมหาวิทยาศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง”
“ฟางผิงหัวหน้าทีมเซี่ยงไฮ้ ท่ามกลางสมาชิกทีมคนอื่นๆ เป็นเพียงคนเดียวที่มีฐานะคนธรรมดาตอนสอบเกาเข่า!”
“ซุนหมิงอวี่ เฉินเจียเซิงผู้ฝึกยุทธ์เพียงสองคนที่สร้างความตกตะลึงให้คนทั้งสนาม”
“การแข่งขันแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วประเทศ เปิดฉากโดยมีการให้ความสนับสนุนจากปรมาจารย์สิบสองคน”
“…”
บนอินเตอร์เน็ตมีการเคลื่อนไหวอย่างร้อนระอุ โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่างทีมปักกิ่งและทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ที่ทำให้หลายคนถึงกับตั้งตารอคอย
ส่วนข้อมูลของฟางผิงก็ถูกเผยแพร่บางส่วนเช่นกัน
คนผู้นี้เป็นอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึงของสายตาคนทั่วไป ในหมู่สมาชิกทีมสี่สิบคนครั้งนี้ ประวัติการสอบเกาเข่าของเขากลับอ่อนด้อยที่สุด
แม้จะเป็นคนจากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยทั่วไป คะแนนของพวกเขาก็ไม่ได้ด้อยกว่าฟางผิงเลย
ซุนหมิงอวี่และเฉินเจียเซิง คนพวกนี้ส่วนมากล้วนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ก่อนสอบเกาเข่า เพียงแต่ภายหลังถูกมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ในพื้นที่รั้งตัวไว้เท่านั้น
การแข่งขันแลกเปลี่ยนถูกเสนอขึ้นโดยมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ทั่วไป เกรงว่าพวกเขาต้องเตรียมการเรื่องนี้ไว้นานแล้ว ก่อนสอบเกาเข่าคงยอมเสียค่าตอบแทนมหาศาลเพื่อรั้งตัวนักเรียนผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ไว้ไม่น้อย
—
ภายนอกมีแต่ความโกลาหลวุ่นวาย พอฟางผิงถึงด้านหลังเวที พวกสมาชิกทีมก็เผยสีหน้ายินดี
หยางเสี่ยวม่านเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยความสามารถธรรมดา เว่ยปินอาจไม่ทราบฝีมือที่แน่ชัด แต่เฉิงหงเหว่ย จางก่วงหลิน พวกเรารู้จักยังคงรู้จัก คนหนึ่งจากมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง อีกคนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน สองคนนี้อย่างมากฝีมือก็พอๆ กับถังซงถิงเท่านั้น…”
“นี่ อย่าเอาแต่ชื่อฉันไปยกตัวอย่างได้หรือเปล่า!”
ถังซงถิงไม่พอใจอยู่บ้าง ทำไมฉันกลายเป็นรังวัดเปรียบเทียบความสามารถของทุกคนไปซะได้
พวกเขากำลังคุยกัน ถังเฟิงก็เดินเข้ามา เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “อย่าได้ประมาทไป!”
ว่าแล้ว พลางมองไปยังฟางผิง “ฟางผิง พรุ่งนี้เธอลงสนามคนแรก!”
“ผม?”
ฟางผิงเอ่ยอย่างแปลกใจ “เอ่อ…ไม่ใช่ว่าจะเป็นการเปิดไผ่ใบสุดท้ายให้ทุกคนเห็นเหรอครับ?”
————————-