ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 156-2บนสังเวียนมีแค่เป็นกับตายเท่านั้น (2)
ตอนที่ 156 บนสังเวียนมีแค่เป็นกับตายเท่านั้น (2)
ไป๋อิ่นเพิ่งเห็นเคล็ดวิชาฝีเท้าของเขา ย่อมรู้ว่าหานซวี่หลบหลีกได้ง่าย
เสี้ยวนาทีที่หานซวี่เข้ามาประชิด ไป๋อิ่นก็ฟาดดาบกลับไปทันที
ปราณที่ปะทุก่อนหน้านี้ยังไม่ได้เก็บกลับไป เขาระเบิดปราณที่แข็งแกร่งขึ้นมาอีกครั้ง!
ดาบที่ฟันลงมากลางอากาศจึงเกิดเสียงหวีดหวิวไปทั่ว!
“เคร้ง!”
เสียงก้องกังวานดังลั่น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กระบี่ของหานซวี่พุ่งเข้าหาหน้าอกของไป๋อิ่น
ไป๋อิ่นชักดาบออก ดาบที่ปะทะเข้ากับกระบี่นี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ในการคาดการณ์ของเขา
หานซวี่เผยสีหน้าดำคล้ำอีกครั้ง ชักกระบี่ออกอย่างรวดเร็ว เงาคนหายไปจากตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
ไป๋อิ่นยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จู่ๆ เขาก็ฟันดาบออกไปทางซ้าย
“เคร้ง!”
ไป๋อิ่นฟันดาบออกมา หานซวี่ก็หายไปจากตำแหน่งเดิมอีกครั้ง
—
“แม่งเถอะ เจอคนต่อสู้แบบนี้ลำบากตาย”
ถังซงถิงก่นด่าออกมา ก่อนจะมองไปยังฟู่ชางติ่ง “ไอดอลของนายไม่ได้ใช้หอกซะงั้น”
“หุบปาก!”
ฟู่ชางติ่งไม่สบอารมณ์ จ้องที่เวทีด้านล่างว่า “ไป๋อิ่นสู้แบบนี้ต่อไป จะถูกเผาผลาญปราณจนหมด”
“หานซวี่ไม่ต่างกัน เมื่อกี้เขาได้รับบาดเจ็บจากการประมือกับซุนหมิงอวี่”
ทุกคนไม่ได้พูดถึงเรื่องมือที่ขาดของซุนหมิงอวี่ ผลลัพธ์แบบนี้ถือว่าดีแล้ว
หากไม่ใช่การแข่งขันแบบเปิดเผย ไม่มีใครขัดขวางกระบี่ของหานซวี่ เขาคงตายไปแล้ว
ทุกคนเพิ่งพูดจบ จู่ๆ ไป๋อิ่นก็เสียหลักเซ ถูกคนแทงกระบี่เข้าด้านหลัง
บาดแผลกระบี่ไม่ลึกมาก แต่ไป๋อิ่นกลับขยับกระดูกสันหลัง ขัดกระบี่ไว้ครู่หนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์นี้อยู่เหนือความคาดหมายของหานซวี่ เขารีบชักกระบี่เตรียมหนี
แต่ไม่รู้ว่าไป๋อิ่นวางแผนไว้แล้ว หรือเป็นเพราะประสาทสัมผัสด้านการต่อสู้แข็งแกร่ง
หนีบปลายกระบี่ไว้พักหนึ่ง ก่อนขาซ้ายจะกระโดดเตะไปข้างหลังอย่างน่าเหลือเชื่อ
เตะไปข้างหลังจริงๆ!
ตอนนี้ไป๋อิ่นไม่อาจขยับดาบหมุนตัวฟันออกไปได้ ลูกเตะนี้จึงเข้าที่กระดูกน่องของหานซวี่อย่างพอดี
กระดูกน่องได้รับบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวของหานซวี่จึงช้าลงทันที เปิดโอกาสให้ไป๋อิ่นจู่โจม!
—
“ผู้เข้าแข่งขันของทีมพันธมิตร…มีปณิธานแรงกล้าจริงๆ!”
ด้านหลัง หลิวหวาหรงรำพึงรำพัน เอ่ยอย่างนับถืออยู่บ้าง “ไม่ว่าจะซุนหมิงอวี่หรือไป๋อิ่น หากเจอกับหานซวี่นอกสนามคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ซุนหมิงอวี่ไม่สนใจบาดแผล โจมตีขวานใส่หานซวี่ ทำให้หานซวี่บาดเจ็บไม่น้อย ส่วนไป๋อิ่นจงใจล่อหานซวี่ให้จู่โจมด้านหลังเขา ถือโอกาสสร้างความบาดเจ็บที่น่องของหานซวี่แทน ตอนนี้ไป๋อิ่นเปลี่ยนรูปแบบต่อสู้จากป้องกันเป็นประชิดตัว ต้องดูแล้วว่าสองคนนี้ใครจะต้านไม่ไหวก่อนกัน”
“ก่อนหน้านี้หานซวี่ปะทะกับซุนหมิงอวี่บาดเจ็บไปไม่ใช่น้อย อาจจะสู้ไป๋อิ่นไม่ได้เสมอไป” เฉินเสวี่ยเยี่ยนรับบทสนทนา
หลิวหวาหรงกลับเอ่ยเห็นต่าง “ไม่แน่หรอก ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ไป๋อิ่นฟันออกไปแล้วแปดดาบ ระเบิดพลังเต็มเปี่ยมทุกดาบ! สิ้นเปลืองปราณกว่าสองร้อยแคล ตอนนี้น่าจะใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว”
“สถานการณ์ของหานซวี่ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไหร่?”
“ปราณของหานซวี่แข็งแกร่งกว่าเขา ทั้งเคล็ดวิชาฝีเท้ายังสิ้นเปลืองน้อยกว่า…”
“งั้นคุณว่าใครจะสามารถยืนหยัดจนถึงสุดท้าย?”
“น่าจะหานซวี่ แต่แม้จะชนะแล้ว คงไม่สามารถลงสนามรอบสามได้อีก”
“…”
จำต้องพูดว่าหลิวหวาหรงอ่านเกมได้ขาดทีเดียว
ผ่านไปอีกยี่สิบสามสิบวินาที ไป๋อิ่นออกดาบสุดท้ายแล้วก็ตะโกนว่า “ยอมแพ้!”
สิ้นเสียงของเขา ร่างคนแทบจะพยุงตัวเองไม่อยู่ โคลงเคลงจนเกือบล้ม
ด้านหานซวี่หยุดการเคลื่อนไหวด้วยใบหน้าซีดขาว แค่นเสียงเบาๆ ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อครู่ดาบของไป๋อิ่นแฉลบเขาไปหลายครั้งเช่นกัน ตอนนี้หานซวี่ไม่มีท่าทีสบายๆ อีกแล้ว
บนเสื้อผ้าปรากฏรอยฉีกไม่น้อย ผิวด้านนอกเผยให้เห็นคราบเลือดกระจัดกระจาย
ผู้ตัดสินไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า รีบถามว่า “หานซวี่ จะแข่งต่อหรือเปล่า?”
“ไม่ล่ะครับ”
หานซวี่ไม่เลือกแข่งต่อ เก็บหอกยาวบนพื้นแล้วก็เดินลงเวทีไป
สรุปแล้วการแข่งขันสองครั้ง ทั้งสามคนต่างได้รับบาดเจ็บ
ซุนหมิงอวี่บาดเจ็บหนักที่สุด หานซวี่ก็ไม่น้อย กลับจะหนักกว่าไป๋อิ่นอยู่บ้าง ส่วนไป๋อิ่นบาดเจ็บที่หลังเช่นกัน
—
ด้านล่างเวที ในกลุ่มฝูงชน
อู๋จื้อหาวใบหน้าขาวซีด “นี่คือการแข่งขันแลกเปลี่ยนอย่างงั้นเหรอ?”
แค่แข่งสองครั้ง ทุกคนต่างสัมผัสได้ถึงความอันตรายและโหดร้ายที่อยู่ภายใน
หานซวี่ตัดมือซุนหมิงอวี่โดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ไป๋อิ่นใช้ร่างกายเป็นตัวล่อกระบี่ หมุนตัวฟันหานซวี่โดยไม่คิดออมมือ หากไม่ใช่ว่าหานซวี่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คงถูกหั่นเป็นสองท่อนไปนานแล้ว
การแข่งรอบที่สาม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่งส่งหลี่หรานออกมา
คนๆ นี้เป็นผู้หญิง ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่เคยชนะฟู่ชางติ่งในตอนแรกได้ อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้กระบี่เช่นกัน
ทางพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ครั้งนี้ส่งผู้ฝึกยุทธ์ฝีมืออ่อนด้อยออกมา ถูกหลี่หรานตรึงฝ่าเท้าไว้กับพื้นเวทีด้วยกระบี่เดียว!
อีกฝ่ายร้องครวญครางไม่หยุด ไม่นานก็ถูกยกลงจากเวทีไป
เวลานี้ฟางหยวนที่นั่งอยู่แถวหน้าแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว มองสอดส่องหาฟางผิงไปทั่ว!
คนขี้โกหกนั่นหลอกเธอว่าไม่อันตราย
เป็นเพราะตั๋วที่ฟางผิงให้มา เธอจึงได้นั่งชมการแข่งอยู่แถวหน้า
ตั้งแต่ต้นจนจบเธอล้วนเห็นอย่างชัดเจน การแข่งรอบแรกซุนหมิงอวี่ถูกตัดมือ เธอเห็นถึงกระทั่งมือที่ร่วงลงพื้นกำลังขยับอยู่
เสี่ยวหลิงที่นั่งด้านข้างกลัวจนต้องหลับตา ไม่กล้าดูตั้งนานแล้ว
ฟางหยวนไม่กล้าดูเช่นกัน แต่เธอหาฟางผิงไม่เจอจึงร้อนใจอย่างยิ่ง
—
เวลานี้ฟางผิงกำลังพุ่งความสนใจไปกับการแข่งขัน ทำให้ลืมเรื่องของน้องสาวไป
การแข่งขันรอบที่สี่ หลี่หรานเจอกับผู้ฝึกยุทธ์ร่างกำยำคนหนึ่งของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ก่อนหน้านี้ฟางผิงจำชื่อเขาไม่ได้
แต่ตอนนี้จำได้แล้ว!
สมาชิกทีมหลักคนที่สองของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เป่ยเจียง เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของซุนหมิงอวี่…เหลียงเวยเย่า
บางทีอาจจะเพราะล้างแค้นแทนซุนหมิงอวี่ เหลียงเวยเย่าจึงต่อสู้ค่อนข้างโหดเหี้ยม!
เขาไม่ได้ใช้อาวุธ แต่สวมสนับมือมวยคู่หนึ่ง
เสี้ยวนาทีที่หลี่หรานวาดกระบี่ ก็ถูกเหลียงเวยเย่าคว้ากระบี่ไว้ทันที หลี่หรานทิ้งกระบี่ไม่ทัน จึงถูกเหลียงเวยเย่าชกเข้ากลางอก
ลอยกระเด็นออกไปหลายสิบเมตร ทั่วร่างเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ปากยิ่งกระอักเลือดออกมาไม่หยุด แทบจะทำให้คนคิดว่าเธอถูกอัดตายด้วยหมัดเดียวไปแล้ว
ในหมู่ฝูงชนมีเสียงดังโกลาหลขึ้นมาอีกครั้ง
“นี่มันผู้หญิงนะ….”
“อย่าพูดว่าผู้หญิงเลย เมื่อกี้เธอก็แทงทะลุฝ่าเท้าคนอื่นด้วยกระบี่ไม่ใช่หรือไง…”
“แต่ตอนนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงสู้กันจนถึงขนาดนี้!”
มีคนรับไม่ได้อยู่บ้าง!
ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว
ตอนนี้หกคนที่ขึ้นเวทีแทบจะไม่มีใครไร้บาดแผลเลย ทั้งยังบาดเจ็บกันหนักไม่น้อย หลี่หรานและซุนหมิงอวี่อาการหนักที่สุด
ทางปักกิ่งยังเหลืออีกสามคน ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะต่อสู้เหลืออีกสองคน ยังมีเฉินเจียเซิงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองคนนั้นรั้งท้ายทัพ
ตอนนี้หลิวหวาหรงไม่อาจสนใจเรื่องวิจารณ์อีกแล้ว เอ่ยอย่างสงสัยว่า “ทางปักกิ่ง หานซวี่และหลี่หรานถอนตัวจากสนามไปแล้ว แม้จะเยอะกว่าฝ่ายตรงข้ามคนหนึ่ง แต่ทีมพันธมิตรยังมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองอีกหนึ่งคน ใครจะชนะใครจะแพ้กัน? ตอนนี้น่าจับตามองขึ้นมาแล้ว จะเป็นจางเจิ้งกวงเอาชนะเหลียงเวยเย่าก่อน แล้วสู้กับเฉินเจียเซิงพร้อมสามคนที่เหลือ หรือจะเป็นเหลียงเวยเย่าและเฉินเจียเซิงที่คว้าชื่อเสียงมาให้ทีมพันธมิตรได้?”
“จางเจิ้งกวงมาจากตระกูลจาง ไม่ได้ต่อสู้สไตล์ป่าเถื่อน แต่มวยไทเก็กที่นุ่มนวลจะเอาชนะความป่าเถื่อนได้งั้นเหรอ?” เฉินเสวี่ยเยี่ยนเอ่ยรับคำพูดของเขา
“การแข่งในวันนี้เกิดเรื่องไม่คาดฝันหลายครั้ง ซุนหมิงอวี่พ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว หานซวี่ออกจากสนามไว…นักศึกษาใหม่พวกนี้ ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพวกเขาต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าฉันซะอีก แก่แล้ว แก่แล้วจริงๆ สินะ”
“ผู้ฝึกยุทธ์ควรเป็นแบบนี้อยู่แล้ว หากไม่มีแม้แต่ความกล้า คงไม่คู่ควรกับคำว่าผู้ฝึกยุทธ์!” เฉินเสวี่ยเยี่ยนเอ่ยอย่างเยือกเย็น
ผู้ชมด้านล่างเผยสีหน้าซับซ้อนอย่างยิ่ง นี่คือผู้ฝึกยุทธ์น่ะเหรอ?
ใช้ชีวิตอยู่เหนือคนอื่น เสวยสุขอย่างสบายๆ อย่างที่พวกเขาคิดนั้น เป็นแค่จินตนาการอย่างนั้นเหรอ?
ขณะที่ทุกคนรู้สึกสับสน ผู้ฝึกยุทธ์คนที่สามจากทีมปักกิ่งก็เดินขึ้นมาบนเวที
การแข่งรอบนี้ไม่ได้จบลงอย่างรวดเร็วและป่าเถื่อนเหมือนที่ผ่านมา
จางเจิ้งกวงเน้นหลบหลีกเสียส่วนใหญ่ ปะทะกับเหลียงเวยเย่า พอสัมผัสกันนิดเดียวก็จะถอยห่างออกมา
ทุกคนไม่ชินอยู่บ้าง เทียบกับการแข่งที่ผ่านมาแตกต่างกันเป็นอย่างมาก
แต่รอจนถึงสุดท้าย ตอนที่เหลียงเวยเย่าผลาญปราณไม่เหลือแล้ว ทุกคนค่อยรู้ว่าพวกเขาคิดมากเกินไป!
จางเจิ้งกวงที่เนิบนาบมาตลอด จู่ๆ ก็คว้ามือขวาของเหลียงเวยเย่า ก่อนจะหักมือเขาโดยไม่ทันตั้งตัว คนที่นั่งแถวหน้าแทบจะได้ยินเสียงกระดูกหักอย่างชัดเจน!
ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ การแข่งทั้งสี่ครั้งล้วนได้รับบาดเจ็บหนักทุกครั้ง
ปรมาจารย์ทีมพันธมิตรที่อยู่ชั้นสอง ตอนนี้ใบหน้าซีดจนไร้สีเลือด
พวกพวกฟางผิงจมดิ่งกับความคิดเช่นกัน ไม่รู้ว่าหวงจิ่งสาวเท้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “ตอนบ่าย ให้คิดว่าเป็นการแข่งเอาเป็นเอาตาย ฆ่าให้ตายถึงจะจบเรื่อง หากพวกเธอไม่ฆ่าเขา พวกเขาจะฆ่าพวกเธอเช่นกัน!”
“เข้าใจแล้วครับ”
ฟางผิงตอบรับอู้อี้ในลำคอ ก่อนหน้านี้ยังคิดเพ้อฝันว่าอาจไม่รุนแรง แต่ดูจากคาวเลือดตอนนี้ หากเขาคิดจะเอาชนะโดยไม่ฆ่าอีกฝ่าย นั่นคงเป็นการรนหาที่ตาย
เวลานี้ในหัวของฟางผิงมีคำพูดของหลู่เฟิ่งโหรวดังขึ้นมา
“ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ขึ้นสังเวียนแล้วมีแค่การต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้น!”
———————–