ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน - ตอนที่ 157 ไม่แข่งได้ที่ไหนกัน (1)
ตอนที่ 157 ไม่แข่งได้ที่ไหนกัน (1)
ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกสับสน สมาชิกคนสุดท้ายของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็ขึ้นเวทีมา
เฉินเจียเซิง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ตงหลิน
—
ชั้นสอง
จ้าวเสวี่ยเหมยสีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง “เขาเป็นนักเรียนที่สอบได้อันดับหนึ่งของมณฑลตงหลิน”
เวลานี้ฟางผิงค่อยนึกออก จ้าวเสวี่ยเหมยสอบได้อันดับสามของมณฑลตงหลิน
“เธอรู้จักเขา?”
“เคยเจอครั้งหนึ่ง มหาวิทยาลัยตงหลินเคยชักชวนพวกเราที่เป็นนักเรียนผู้ฝึกยุทธ์มาก่อน อยากให้พวกเรารั้งตัวอยู่ในมณฑลตงหลิน ตอนนั้นฉันคิดแต่จะเข้ามหาลัยชื่อดังเลยไม่ได้ตอบรับ ตอนนั้นฉันได้เจอเฉินเจียเซิง เขา…เขาอยากให้พวกเรารั้งตัวอยู่เหมือนกัน เขาบอกว่าอยากให้คนตงหลินเสียเลือดเนื้อให้กับคนตงหลินด้วยกันเอง ตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจ…ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาแล้ว เขาอาจจะรู้เรื่องของถ้ำใต้ดินมาก่อน…ตงหลินมีปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน”
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรต่อ หากสิ่งที่จ้าวเสวี่ยเหมยพูดเป็นเรื่องจริง งั้นที่เฉินเจียเซิงรั้งตัวอยู่ที่ตงหลิน คงไม่ใช่เหตุผลเรื่องสวัสดิการอย่างเดียวแล้ว
—
บนเวที
เฉินเจียเซิงเผยสีหน้าเรียบเฉยเฉกเช่นปกติ สาวเท้าขึ้นไปบนเวที
ในมือเขาถือดาบโค้งอยู่เล่มหนึ่ง ฟางผิงยังไม่ทันมองละเอียดก็ได้ยินคนเอ่ยว่า “อู๋โกว[1]?”
“อู๋โกว?”
มีคนทวนประโยค ก่อนจะเอ่ยว่า “ตระกูลเฉินตงหลิน?”
“ใช่แล้ว สิบสองปีก่อนปรมาจารย์เฉิน…ตอนนี้น่าจะสิบสามปีแล้ว ตายในสนามรบเมื่อปี 1996 ก่อนจากไปตระกูลเฉินเหลือทายาทเพียงคนเดียวเท่านั้น…”
มีคนอดมองไปยังปรมาจารย์สองคนของทีมพันธมิตรไม่ได้ เอ่ยว่า “เขาคือทายาทคนเดียวคนนั้นของตระกูลเฉิน?”
ปรมาจารย์จากทีมพันธมิตรคนหนึ่งกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถูกต้อง เป็นทายาทคนนั้นของตระกูลเฉิน!”
“ชายชาตรีควรถืออู๋โกวต่อสู้ กอบกู้แผ่นดินสร้างคุณงามความดี…คนของตระกูลเฉิน…”
มีคนเผยแววตาซับซ้อนขึ้นมา ถอนหายใจเบาๆ
อู๋โกวของตระกูลเฉิน นั่นเป็นชื่อเสียงบารมีที่ปู่ของเฉินเจียเซิงเป็นคนสร้างขึ้นมา!
ไม่สิ…ไม่ใช่แค่ปรมาจารย์ตระกูลเฉินคนนั้น!
คนตระกูลเฉินรุ่นนั้นใช้อู๋โกวเป็นอาวุธทั้งสิ้น นั่นถือเป็นตระกูลที่ทุกคนควรค่าให้ความเคารพ
ปี 1996 ถ้ำใต้ดินตงหลินเกิดความปั่นป่วน ตระกูลเฉินสิบแปดคน นอกจากเฉินเจียเซิงที่อยู่ในวัยเด็ก ปรมาจารย์ตระกูลเฉินก็พาคนอื่นๆ เข้าไปในถ้ำใต้ดินทั้งหมด ยืนหยัดสู้ไม่ถอย! การต่อสู้ครั้งนั้น ตระกูลเฉินทั้งสิบเจ็ดคน ไม่มีใครเหลือรอด!
การปรากฏตัวของถ้ำใต้ดินหลายปีมานี้ เบื้องหลังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่น่ายกย่องสรรเสริญมากมาย หลายคนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ต่อสู้อย่างไม่กลัวตาย!
แต่คนที่เหมือนกับตระกูลเฉิน ตั้งแต่ปรมาจารย์จนถึงขั้นหนึ่ง ตายในสนามรบทั้งหมด ถือว่าเป็นมีน้อยอย่างยิ่ง
ฟางผิงได้ยินเช่นกัน เวลานั้นแววตาจึงซับซ้อนขึ้นมา
ถ้ำใต้ดิน…
เขาไม่เคยไปถ้ำใต้ดินมาก่อน ได้ยินผ่านๆ เท่านั้น ไม่เคยมีประสบการณ์ด้วยตัวเอง ไม่รู้ว่าตกลงถ้ำใต้ดินสร้างความเสียหายให้แก่มนุษยชาติขนาดไหนกันแน่
แต่เมื่อรู้ว่าตระกูลของเฉินเจียเซิง นอกจากเขาแล้ว ทุกคนล้วนตายในถ้ำใต้ดินกันหมด ฟางผิงก็รู้สึกซับซ้อนจนไม่อาจบรรยายออกมาได้
นี่คือผู้ฝึกยุทธ์อย่างนั้นเหรอ?
การต่อสู้ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียง
แต่แค่ช่วงชิงทรัพยากรฝึกวิชาให้มากกว่าเดิม ให้การมีอยู่ของถ้ำใต้ดินในตงหลินปลอดภัยยิ่งขึ้น?
บางทีนี่อาจจะเป็นความคิดของเฉินเจียเซิง?
ฟางผิงไม่รู้ว่าตัวเองเดาผิดหรือเปล่า แต่เขาอยากจะคิดแบบนั้นมากกว่า
ผู้ฝึกยุทธ์ของทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้พวกนี้ ต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขารู้ถึงความโศกเศร้าของการมีฝีมืออ่อนด้อย ดังนั้นจึงได้ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
ไม่อย่างนั้น คงมาถึงจุดนี้ไม่ได้!
ระหว่างที่ทุกคนซุบซิบเรื่องนี้ ปรมาจารย์จากทีมปักกิ่งก็มีคนเอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ตระกูลเฉินควรค่าให้ความเคารพ แต่ปักกิ่งของพวกเรา ตั้งแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ปรมาจารย์สละชีพในสนามรบไปสิบสี่คนเช่นกัน! กล้าต่อสู้ มีฝีมือ ไม่หลบหลีกสงคราม นี่คือมหาวิทยาลัยปักกิ่งของพวกเรา! พวกเราไม่ได้ใช้ทรัพยากรสุรุ่ยสุร่าย ไม่เคยรู้สึกผิดต่อใคร การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีถูกไม่มีผิด!”
ปรมาจารย์จากทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เอ่ยด้วยรอยยิ้มเรียบเย็น “ใช่แล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่เคยใช้เรื่องของบรรพบุรุษมาฉกฉวยผลประโยชน์อะไร เฉินเจียเซิงสามารถเข้าทีมหลักได้ นั่นเพราะความสามารถของเขา ไม่ใช่เพราะตระกูลเฉิน!”
คำพูดของพวกปรมาจารย์ ทำให้วัยรุ่นอย่างพวกฟางผิงตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ฟางผิงไม่รู้ว่าเป็นความโศกเศร้าหรือนับถือกันแน่
คนอื่นๆ บนชั้นสอง ตอนนี้แทบเงียบกริบเป็นเป่าสาก
หลายปีมานี้ ปรมาจารย์ตายในสนามรบน้อยกันหรือไง?
—
“ทีมพันธมิตรมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ เฉินเจียเซิง!”
“มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ปักกิ่ง จางเจิ้งกวง!”
จางเจิ้งกวงที่เพิ่งหักแขนเหลียงเวยเย่ามาเมื่อครู่ เวลานี้เผยสีหน้าจริงจัง เป็นการเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองครั้งที่สองในการแข่งรอบนี้!
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองคนแรกซุนหมิงอวี่ แม้ว่าจะถูกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งอย่างหานซวี่เอาชนะแล้ว แต่ซุนหมิงอวี่ก็แสดงพลังของขั้นสองออกมาเช่นกัน
หากไม่ใช่ว่าเขาพยายามโจมตีหานซวี่สุดตัวในครั้งสุดท้าย หานซวี่คงไม่ถอนตัวออกจากสนามพร้อมกับไป๋อิ่นง่ายๆ แบบนั้นหรอก
ทั้งสองคำนับแก่กันแล้ว เฉินเจียเซิงก็เคลื่อนไหวเร็วดั่งฟ้าแลบ อู๋โกวถูกแบ่งเป็นสองส่วนทันที ดาบคู่!
เฉินเจียเซิงไม่คิดปกปิดอะไร อู๋โกวของตระกูลเฉินล้วนเป็นดาบคู่ทั้งหมด!
ต่อสู้เป็นหลัก ไม่จำเป็นต้องป้องกัน!
อู๋โกวทั้งสองเล่มวาดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้จางเจิ้งกวงไม่คิดต่อสู้เนิบนาบอีก เขาไม่ได้ใช้อาวุธ
แต่ตอนนี้ไม่มีความเกรงกลัวเช่นกัน เฉินเจียเซิงบุกเข้ามา จางเจิ้งกวงกระทืบเท้าทั้งข้างลงพื้นอย่างแรง!
ครู่ต่อมาขากางเกงของเขาก็ปริขาด กระโดดขึ้นจากพื้น พุ่งเข้าหารัศมีของอู๋โกว
จางเจิ้งกวงหูตาว่องไว ชั่วพริบตาก็หาช่องว่างระหว่างดาบคู่ได้ สอดสองมือเข้าไป ก่อนจะคว้ามือขวาของเฉินเจียเซิงเอาไว้
“การต่อสู้ระยะประชิด…”
หลิวหวาหรงพึมพำเสียงเบา ก่อนจะรีบอธิบายว่า “นี่เป็นเทคนิคต่อสู้ที่วิวัฒนาการมาจากเคล็ดวิชาต่อสู้ในหน่วยทหาร ดูท่าจางเจิ้งกวงจะไม่ได้ต่อสู้แบบนุ่มนวลเป็นอย่างเดียว…”
ตอนที่ต้องดุดัน จางเจิ้งกวงก็ดุดันอย่างยิ่ง
เฉินเจียเซิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสอง เขาไม่ใช่หานซวี่ ปราณคงสู้เฉินเจียเซิงไม่ได้ ทั้งอาจจะผลาญปราณของอีกฝ่ายได้ไม่เท่าไหร่
ในเมื่อเป็นแบบนี้ยังไม่สู้โจมตีอย่างดุดัน แม้ว่าจะแพ้ แต่เฉินเจียเซิงจะได้รับความลำบากไปด้วย
รวดเร็วทันตาเห็น สิ้นเสียงของหลิวหวาหรง เฉินเจียเซิงก็หมุนอู๋โกวในมือเฉือนไปหามือทั้งสองข้างของจางเจิ้งกวง!
จางเจิ้งกวงบิดแขนหลบ คว้ามือขวาของเขาไว้ ก่อนจะคำรามเสียงดัง ใช้ไหล่ผลักฝ่ายตรงข้าม!
เฉินเจียเซิงยืนนิ่งไม่ขยับ คำรามเสียงดังเช่นกัน กระทืบขาขวากับพื้น เวทีคล้ายจะสั่นสะเทือนขึ้นมา
—
“แข็งแกร่งจริงๆ!”
ฟางผิงจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย เฉินเจียเซิงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่เลือกหลอมกระดูกส่วนบน
แต่ร่างกายท่อนล่างกลับตั้งตระหง่านราวภูเขา ไม่ใช่เพราะหลอมกระดูกส่วนล่างได้เยอะแล้ว แต่เพราะความมั่นคงของจวงกง
ระดับยืนตั้งมั่นสูงสุด!
นี่เป็นการคาดเดาของฟางผิง บางที…อาจจะอยู่ระดับยืนสภาวะว่างเปล่าแล้ว
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้จางเจิ้งกวงเดาว่าช่วงล่างของเขาคงมีพื้นฐานไม่มาก จึงได้ต่อสู้ประชิดตัว
แต่ครั้งนี้เขาคาดเดาผิด ชั่วขณะนั้นพลันตกสู่วิกฤติ
เฉินเจียเซิงไม่ได้ถูกเหวี่ยงออกไป จางเจิ้งกวงจึงถูกจัดการทันที
อู๋โกวหมุนอย่างว่องไว จางเจิ้งกวงไม่อาจผลักอีกฝ่ายลอยไปได้ ครู่ต่อมาอู๋โกวจึงเฉือนลงมาที่แขนเขาจนเลือดกระเซ็น
ชั่วพริบตานั้นแขนเสื้อก็ถูกกรีดขาด เลือดสาดกระจายบนพื้น
ออกกระบวนท่าพลาดไป เวลานั้นจางเจิ้งกวงจึงตระหนักได้ว่าการสู้ประชิดตัวคงจัดการอีกฝ่ายไม่ได้ รีบถอยออกมา เลือกสู้แบบโรมรันแทน
ต่อจากนั้นการเคลื่อนไหวของเฉินเจียเซิงก็ดึงดูดความสนใจของพวกฟางผิงอีกครั้ง
เฉินเจียเซิงที่ถือดาบคู่ นึกไม่ถึงว่าจะเริ่มขว้างดาบต่อสู้!
ขว้างดาบหนึ่งออกไป อีกดาบพกติดตัว!
อู๋โกวที่ขว้างออกมา หมุนวนกลางอากาศ ในเวลาเดียวกับที่เฉินเจียเซิงประชิดเข้าไปใกล้ ดาบที่หมุนก็เริ่มโจมตีที่หลังของจางเจิ้งกวงทันที
“แม่งเอามาขว้างได้ด้วย?”
“ฉันว่าเป็นอาวุธลับ”
“ยากที่จะป้องกัน นี่ถึงจะเป็นวิธีใช้ดาบคู่ที่ถูกต้อง?”
“ประเด็นสำคัญอยู่ที่เขามีพลังควบคุมที่แข็งแกร่ง ถึงสามารถใช้ประโยชน์จากพลังได้ ไม่งั้นคงไม่ง่ายขนาดนี้หรอก…”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ชมการแข่งขันชั้นสองวิพากษ์วิจารณ์กัน ตอนนี้ดูแล้วจางเจิ้งกวงคงแพ้แน่ๆ เหลือแค่ว่าเขาจะสามารถผลาญปราณของเฉินเจียเซิงได้มากเท่าไหร่
ทีมปักกิ่งยังเหลืออีกสามคน แม้จางเจิ้งกวงจะแพ้ ก็ยังมีอีกสองคนรออยู่
ทุกคนต่างฝีมือไม่อ่อนด้อย เฉินเจียเซิงคิดจะชนะสามคนรวดไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
ผลลัพธ์ไม่ได้เหนือความคาดหมาย ไม่ถึงสามนาที จางเจิ้งกวงก็ถูกประกบโจมตีทั้งหน้าและหลัง
เผลอตามจังหวะไม่ทันครู่เดียว จึงถูกอู๋โกวของเฉินเจียเซิงเข้าที่แขนซ้าย บาดจนเนื้อหนังพลิกออกมา จำต้องถอนตัวจากการแข่งลงไปรักษาบาดแผล
—
การแข่งครั้งที่เจ็ด ทุกคนค่อยพบว่า กลยุทธ์ของทีมปักกิ่งเปลี่ยนไปแล้ว
ถ่วงเวลา!
ผู้ฝึกยุทธ์คนที่สี่ของปักกิ่ง หลอมกระดูกส่วนล่าง จวงกงอยู่ในระดับยืนตั้งมั่น ฝึกฝนวิชาฝีเท้า
อีกฝ่ายไม่ได้สู้ปะทะตัวต่อตัวกับเฉินเจียเซิง ทั้งไม่เข้าใกล้เช่นกัน แค่วนอยู่รอบๆ เวทีเท่านั้น
ผู้ชมหลายคนด้านล่างเวทีแทบอยากจะตะโกนด่า
การแข่งหกครั้งก่อนหน้านี้ ต่อสู้อย่างดุเดือดทั้งสิ้น แม้จะเป็นจางเจิ้งกวงที่ตอนแรกต่อสู้อย่างนุ่มนวล ท้ายที่สุดก็ยังทำให้คนเลือดร้อนฮึกเหิมขึ้นมา
แต่ผู้แข่งขันคนที่สี่ของปักกิ่ง ตั้งแต่ต้นจนจบแทบจะไม่ได้สัมผัสตัวเฉินเจียเซิงเลย
ตอนนี้เหลือแค่ว่าทั้งสองฝ่ายใครจะไม่ไหวก่อนกัน หากปราณไม่ถูกใช้จนหมด ก็อาจจะเสียจังหวะถูกอีกฝ่ายโจมตีแบบสายฟ้าแลบ
คนของทีมปักกิ่งวิ่งวนเวียนไปมาไม่หยุด เฉินเจียเซิงไม่อาจนิ่งเฉยเช่นกัน เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ สนาม จับตามองอีกฝ่าย ป้องกันการจู่โจมกะทันหัน
ทั้งสองคนวิ่งวุ่นพัลวันกันอยู่เกือบสิบนาที นี่ถือเป็นการต่อสู้ที่นานที่สุดของการแข่งครั้งนี้เช่นกัน
จวบจนมีหลายคนเริ่มหาวขึ้นมา เฉินเจียเซิงจึงระเบิดปราณออกมากะทันหัน ส่งหมัดหนึ่งเข้าหาอีกฝ่ายจนอีกฝ่ายตกจากเวทีไป
——————-
[1]อู๋โกว เป็นดาบที่มีลักษณะโค้ง นิยมใช้แพร่หลายในยุคชุนชิว